- Home
- Isranews
- เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา
- เปิดผลสอบจำนำข้าว “พิจิตร” ฉบับ “บดินทร์-บุรินทร์” ฟันธง “จนท.รัฐ” มีเอี่ยว?
เปิดผลสอบจำนำข้าว “พิจิตร” ฉบับ “บดินทร์-บุรินทร์” ฟันธง “จนท.รัฐ” มีเอี่ยว?
เปิดผลสอบรับจำนำข้าว “พิจิตร” ฉบับ “บดินทร์-บุรินทร์” ฟันธง “จนท.รัฐ” มีเอี่ยว จับพิรุธไม่ปลดธงหน้า “โรงสี” ทำ “ชาวนา” เข้าใจผิด นำข้าวไปจำนำ แฉโรงสี “แองโกล” เคยมีคดีฉ้อโกง แค่เปลี่ยนผู้บริหารใหม่ แต่เบื้องหลังคนเก่าบริหาร ถามกก.จังหวัด เหตุใดจึงอนุมัติเข้าร่วมโครงการ
ต่อเนื่องจากที่ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้เปิดผลสอบโครงการรับจำนำข้าวจังหวัดพิจิตร ที่คณะอนุกรรมาธิการ (อนุฯกมธ.) ที่มีนายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย นั่งเป็นประธาน ไปแล้ว
(อ่านประกอบ: เปิดผลสอบโครงการจำนำข้าว “พิจิตร” ฉบับ "อนุฯกมธ.ฝั่งส.ส.")
เพื่อให้เกิดการเปรียบเทียบข้อมูลของทั้ง 2 ฝั่ง สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org จึงขอเปิดผลสอบโครงการรับจำนำข้าวจังหวัดพิจิตร ที่ “บดินทร์ ลิมปพัทธ์” และ “บุรินทร์ สุขพิศาล” ซึ่งชิงออกจากคณะอนุฯกมธ.ไปก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ผลสอบโครงการรับจำนำข้าวจังหวัดพิจิตร ได้ส่งไปถึงมือของ “สุรศักดิ์ อนรรฆพันธ์” ส.ส.เพรชบูรณ์ พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา สภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งต่อไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป
เนื้อหาผลสอบโครงการดังกล่าวฉบับ “บดินทร์-บุรินทร์” มีดังนี้
1.การหาผู้กระทำความผิดจนเป็นเหตุให้ชาวนาได้รับความเสียหาย
-การให้การของ......... มีเจตนาที่จะแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ไม่เกี่ยวกับรัฐ รัฐจึงมิใช่ผู้ที่ต้องรับผิดชอบ และทางตำรวจไม่ส่งสำนวนการสอบสวนมาให้คณะอนุฯกมธ. ตามที่เคยร้องขอเป็นเจตนาที่จะปกปิดข้อมูลต่อคณะอนุฯกมธ.
-การให้การของเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ทำให้เจ้าหน้าที่และรัฐพ้นความรับผิดชอบ ทั้งเรื่องการเยียวยาและการปฏิบัติหน้าที่อันมิชอบ เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ประจำจุดรับจำนำ ปฏิบัติหน้าที่ประจำโรงสี ทำให้เจ้าหน้าที่จะอ้างไม่รู้ไม่เห็นนั้นฟังไม่ขึ้น อีกทั้งคุณพวงเกสร มีหน้าที่ตรวจสอบ กำกับดูแลข้อมูลและสต๊อกข้าว จะกล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่ประจำจุดรู้เห็นเป็นใจโดยตนไม่เกี่ยวข้องนั้นก็ฟังไม่ขึ้น
-เหตุผลในการไม่สั่งสีแปรข้าว เนื่องจากโกดังเต็ม ประกอบกับวงเงินประกันเต็ม ทำให้ อ.ต.ก. ไม่สามารถออกใบประทวนเพิ่มได้ แต่ทาง อ.ต.ก. ก็ยังปักธงแล้วขึ้นป้ายรับจำนำหน้าโรงสี โดยไม่มีการแจ้งเกษตรกรว่าข้าวที่นำมาชั่งไม่สามารถออกใบประทวนได้ จึงทำให้มองได้ว่าเป็นความตั้งใจและเจตนาของเจ้าหน้าที่ที่ประจำจุดและผู้ประสานงาน อ.ต.ก. ที่ทำให้เกษตรกรเข้าใจผิด เกษตรกรจึงนำข้าวมาขายโดยเจตนาเพื่อนำข้าวเข้าร่วมโครงการ
หากเจ้าหน้าที่ ...จะอ้างว่าเป็นเพียงความประมาทเลินเล่อของเจ้าหน้าที่ก็ฟังไม่ขึ้น เนื่องจากมีการปล่อยปะละเลย ให้เกิดการกระทำความผิด เป็นระยะเวลาตลอดฤดูกาลจำนำประมาณ 4 เดือน ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่าเป็นการเจตนาสมรู้ร่วมคิดกันกระทำความผิดอย่างเป็นขบวนการ
-การแสดงออกทางพฤตินัยในการให้ท่าข้าวเป็นตัวแทนรับซื้อข้าวจากเกษตรกร โดยมีเกษตรกรที่ได้รับใบประทวนจากการนำข้าวและเอกสารมาชั่งที่ท่าข้าว เป็นการกระทำเสมือนให้ชาวนาเข้าใจผิดว่าท่าข้าวเป็นจุดรับจำนำ และเจ้าหน้าที่ประจำจุดรับจำนำ ณ โรงสี ก็ทราบดีว่าข้าวเหล่านั้นมาจากท่าข้าว โดยเป็นข้าวที่เกษตรกรมีความประสงค์จะฝากท่าข้าวมาเข้าโครงการจำนำของรัฐ
กรณีนี้จึงฟังไม่ขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่แจ้งว่าผิดระเบียบ เพราะต้องเป็นชาวบ้านนำมาจำนำเอง ในเมื่อชาวบ้านจำนวนหนึ่งก็ได้รับใบประทวนจากการนำข้าวมาจำหน่ายที่ท่าข้าว และมีเจ้าหน้าที่ก็ปล่อยให้โรงสีรับข้าวไปโดยไม่รับรู้ในปริมาณข้าวดังกล่าวที่เล็งเห็นได้ว่า โรงสีจะโกงชาวนาได้ จึงกล่าวได้ว่าเจ้าหน้าที่มีเจตนาในการสมรู้ร่วมคิดกับโรงสีเพื่อหลอกลวงชาวนา
-คณะอนุฯกมธ.ที่ประชุมที่โรงสีได้สั่งการให้การค้าภายในจังหวัด ร่วมกับตำรวจ โดยผู้กำกับสภอ.โพทะเล ประสานโรงสีดำเนินการตรวจนับและวัดปริมาณข้าวทั้งหมดในโรงสี แล้วแจ้งต่อคณะอนุฯกมธ.ตรวจสอบภายใน 2 วัน คือวันที่ 7 สิงหาคม 2556 มาถึงบัดนี้ ยังไม่มีความคืบหน้า ซึ่งแสดงให้เห็นเจตนาว่าไม่ให้ความร่วมมือและจงใจปกปิดข้อเท็จจริงต่อคณะอนุฯกมธ.
ทั้งนี้การตรวจนับอย่างประมาณการโดยคณะอนุฯกมธ.พบว่ามีข้าวในโรงสี ณ วันที่ 2 สิงหาคม 2556 โดยประมาณดังนี้
ประเภท |
บรรจุภัณฑ์ |
จำนวน |
บริมาณ (ตัน) |
ราคา (บาทต่อวัน) |
มูลค่ารวม (บาท) |
ข้าวนึ่ง |
ถุงจัมโบ้ |
145 |
145 |
10,000 |
1,450,000 |
ข้าวขาว |
ถุงจัมโบ้ |
536 |
536 |
10,000 |
5,360,000 |
ข้าวขาว |
กระสอบ |
2,000 |
200 |
10,000 |
2,000,000 |
ข้าวขาว |
ไซโล |
4 |
800 |
10,000 |
8,000,000 |
ข้าวท่อน |
ถุงจัมโบ้ |
162 |
162 |
5,000 |
810,000 |
ข้าวเปลือจ้าว |
กอง |
4 |
400 |
8,000 |
3,200,000 |
20,820,000 |
ที่มา : จาการประมาณการการนับและสอบถามพนักงานประจำโรงสีโดยอนุกรรมาธิการตรวสอบ
-จากการชี้แจง 3 ครั้งที่ผ่านมา ไม่เคยมีการให้ข้อมูลต่อคณะอนุฯกมธ.จากหน่วยงานใดๆเลยว่าโรงสีนี้เป็นโรงสีข้าวนึ่งด้วย ซึ่งการที่มีข้าวนึ่งอยู่หน้าอาคารโรงสี จึงไม่ใช่เจตนาที่โรงสีหลอกเอาข้าวนึ่งมาวางหลอกให้เจ้าหน้าที่นับอย่างที่ อ.ต.ก. ได้ชี้แจง แต่แท้ที่จริงเป็นข้าวนึ่งที่ได้จากการแปรรูปข้าว ที่ได้รับซื้อมาจากเกษตรกร จึงพอสรุปได้ว่าข้าวของเกษตรกรที่หายไป และข้าวขาวที่โรงสีไม่ได้ส่งมอบให้ อ.ต.ก. ได้ถูกนำไปผลิตเป็นข้าวนึ่งจำหน่าย โดยรัฐไม่รับจำนำข้าวนึ่ง ข้าวที่เข้าโครงการของรัฐจึงถูกนำไปผลิตเป็นข้าวนึ่งเพื่อจำหน่ายเองโดยโรงสี
ดังนั้นเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานมีเจตนาร่วมกันปกปิดข้อมูลต่อคณะอนุฯกมธ. และหากคณะอนุฯกมธ.ไม่ได้ลงพื้นที่ เพื่อตรวจสอบด้วยตนเองก็จะไม่มีทางทราบได้เลยว่าโรงสีนี้เป็นโรงสีข้าวนึ่งด้วย จึงแสดงให้เห็นได้ว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนรู้เห็นให้มีการนำข้าวที่รับซื้อหรือรับจำนำจากชาวนาและท่าข้าว นำไปผลิตเป็นข้าวนึ่ง โดยไม่นำข้าวเข้าระบบจำนำข้าว และช่วยหาเงื่อนไขเพื่อที่จะไม่ต้องออกใบประทวน และปกปิดข้อมูล
-กรรมการตรวข้าวจังหวัดให้ข้อมูลที่เป็นที่เท็จต่อคณะอนุฯกมธ.ตรวจสอบในเรื่องจำนำข้าวที่มีในโรงสีข้าวว่ามีแค่ 600 ตัน ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่าคณะกรรมการตรวจข้าวจังหวัด มีส่วนรู้เห็นและจงใจปกปิดการรกระทำความผิดดังกล่าว
-กรณีโรงสีแองโกลแห่งนี้พบว่ามีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับโรงสีเดิม ที่มีคดีฉ้อโกงและยักยอกทรัพย์โดยมีการเปลี่ยนชื่อและเปลี่ยนผู้บริหาร โดยการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลใหม่ตามกฎหมาย เพื่อให้ขาดตอนจากกัน ทางคณะอุนกรรมการระดับจังหวัดก็ได้คัดเลือกเข้ามาอย่างถูกต้องตามระเบียบ ตามที่ผู้ว่าฯได้ให้การค้าภายในจังหวัดชี้แจงต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการการพาณิชย์แล้วนั้น
อย่างไรก็ตามโดยทางพฤตินัยได้ตรวจสอบพบความเชื่อมโยงของโรงสีทั้ง 3 นี้ ว่าเป็นเพียงการเปลี่ยนชื่อโรงสี โดยมีนาย "ม" บริหารอยู่เบื้องหลังทั้งหมด กรณีนี้จึงถือเป็นความบกพร่องและเจตนามิชอบ ในการคัดเลือกโรงสีเข้าร่วมโครงการ โดยการชี้แจงว่าได้ดำเนินการถูกต้องตามระเบียบทั้งหมดแล้ว และโรงสีแองโกลก็ขาดตอนจากโรงสีที่มีปัญหาก่อนหน้านี้ จึงเชื่อได้ว่าเป็นเจตนาที่ไม่บริสุทธ์ และเป็นการหาเงื่อนไขเพื่อให้โรงสีดังกล่าวเข้าร่วมโครงการได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งๆที่กรรมการในคณะกรรมการข้าวระดับจังหวัดก็รับรู้ในปัญหาที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด
ทั้งนี้การอ้างว่าไม่ทราบเนื่องจากผู้ว่าฯมารับตำแหน่งใหม่นั้น ก็ฟังไม่ขึ้น เนื่องจากข้าราชการส่วนมากก็อยู่ในพื้นที่มานานแล้ว เหตุใดจึงยังอนุมัติให้โรงสีที่จดทะเบียนจัดตั้งใหม่ และมีความเชื่อมโยงกับนายมุนินทร์ผู้เคยบริหารโรงสี ที่เคยมีการฉ้อโกงชาวนาและยักยอกข้าวของ อ.ต.ก. มาเข้าร่วมโครงการอีก
-การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ประจำจุด ผู้ประสานงาน อ.ต.ก. คณะทำงานระดับอำเภอ คณะอนุกรรมการการติดตามกำกับดูแลและให้ความเป็นธรรมแก่เกษตรกร คณะอนุกรรมการระดับจังหวัด ฝ่าฝืนหลักเกณฑ์การดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปี 2555/2556 ดังต่อไปนี้
-ข้อ 2.4.2 กรณีการไม่มีการบันทึกภาพกิจกรรมในโรงสีส่งให้ฝ่ายเลขานุการกขช. โดยบันทึกลงแผ่นดีวีดี/ซีดี
-ข้อ 2.5.10 กรณีที่โรงสีนำข้าวเปลือกที่รับจำนำไปสีแปรสภาพหรือจำหน่ายทางการค้าปกติโดยเฉพาะการฝ่าฝืนนำไปทำเป็นข้าว นึ่ง โดยเจ้าหน้าที่ไม่สั่งระงับและไม่ติดป้ายประกาศให้เกษตรกรทราบ ณ หน้าโรงสีทันทียังคงปล่อยให้โรงสีรับข้าวเข้าโรงสีจาก เกษตรกรตามปกติ จนเป็นเหตุให้ข้าวของชาวนาสูญหายไป รวมถึงข้าวในโครงการจำนำของ อ.ต.ก. ที่มีมิได้ส่งมอบจำนวนมาก อีกด้วย
-ข้อ 3.1 กรณีไม่สั่งระงับการฝากข้าวเปลือกเมื่อไม่สีสีแปรตามกำหนดในครั้งแรก และไม่สั่งให้หยุดดำเนินการตามโครงการทันทีที่มี การกระทำผิดอีกเป็นครั้งที่ 2 โดยข้อเท็จจริงพบว่าโรงสีแองโกลมิได้ส่งมอบข้าวตามกำหนดถึง 10 ครั้งต่อเนื่องกัน
-ข้อ 6.1 วรรคสอง กรณีเจ้าหน้าที่ อ.ต.ก. มิได้กำกับดูแลผู้ช่วยปฏิบัติงานของ อ.ต.ก. และตัวแทนเกษตรกร ข้าราชการที่จังหวัด แต่งตั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ มิได้อยู่ปฏิบัติหน้าที่ตลอดเวลาที่กำหนดไว้
-ข้อ 6.2 กรณีการพิจารณาคัดเลือกผู้ช่วย อ.ต.ก. โดยอนุกรรมการระดับจังหวัด ธกส. กรมส่งเสริมการเกษตร ที่ได้คัดเลือกผู้ช่วย อ.ต.ก. 2 คน ซึ่งเป็นญาติกับเจ้าของโรงสีและผู้บริหารที่อยู่เบื้องหลัง โดยผิดหลักเกณฑ์การคัดเลือกมาตั้งแต่ต้น
-ข้อ 6.2 วรรคสอง กรณีคณะอนุกรรมการระดับจังหวัดและอ.ต.ก. ไม่กำกับดูแลให้โรงสีและเจ้าหน้าที่ประจำจุดดำเนินการตามหลัก เกณฑ์ที่กำหนดโดยเคร่งครัด
-ข้อ 6.4 คณะทำงานระดับอำเภอ มิได้ตรวจสอบการดำเนินโครงการของโรงสี หรืออาจมีส่วนปกปิดข้อมูลการกรทำความผิดของโรง สี
ทั้งหมดคือผลสอบคดีโครงการรับจำข้าวจังหวัดพิจิตร ฉบับ “บดินทร์-บุรินทร์” ซึ่งทั้ง 2 คน ยืนยันมีหลายส่วนที่แตกต่างกับผลสอบของ “อนุฯกมธ.ฝั่งส.ส.” โดยเฉพาะการพุ่งเป้าชี้ความผิดจากการรกระทำของ “เจ้าหน้าที่รัฐ”
เมื่อได้เปรียบเทียบผลสอบทั้ง 2 ฉบับแล้ว ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจว่าของ “ใคร” สมบูรณ์กว่ากัน