- Home
- Isranews
- เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา
- หวั่นภาพจิตรกรรม ‘วัดภูมินทร์-น่าน’ สูญ นักท่องเที่ยวจี้รัฐเร่งบูรณะคืนชีพ
หวั่นภาพจิตรกรรม ‘วัดภูมินทร์-น่าน’ สูญ นักท่องเที่ยวจี้รัฐเร่งบูรณะคืนชีพ
นักท่องเที่ยวชี้ภาพจิตรกรรมฝาผนัง ‘วัดภูมินทร์’ เลือนราง หวั่นภาพสำคัญ ‘กระซิบรักบันลือโลก-โมนาลิซ่าเมื่อน่าน’ สาปสูญ วอนรัฐ-เอกชน ลงขันบูรณะรักษามรดกชาติ
“กำฮักน้องกูปี้นี้จักฝากไว้ในน้ำเกาะกลัวน้องจะเหน็บหนาว จักฝากไว้บนปื้นอากาศกลางหาว เกาะกั๋วเมฆหมอกซ่อนดาวลงมาคลุ้ม จักฝากไว้ก๋างข่วงก๋างคุ้มเกาะกลัวเจ้าเมืองปะใส่แล้วลู่เอาไป เลยฝากไว้ในอกในใจ๋ตั๋วจายปี้นี้ จักฮือมันให้ อะฮิ อะฮี่ หยามหลับแลสะดุ้งตื่นแววา”
นี่คือสำเนียงเสียงภาษาเหนือของ ‘บีม เนย และเชอรี่’ กลุ่มมัคคุเทศก์น้อยอาสาสมัครในชุดเสื้อยืด กางเกงลายผ้าถุงประยุกต์ กำลังยืนอธิบายภาพประวัติศาสตร์ ‘ตำนานกระซิบรักบันลือโลก’ ของปู่ม่าน ย่าม่าน แห่ง ‘วัดภูมินทร์’ อ.เมือง จ.น่าน ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นอาคารอนุรักษ์ดีเด่น ปี 2545 จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยภาพเหล่านี้ถูกสรรค์สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนกลาง ช่างฟังไพเราะเสนาะหูอย่างยิ่ง ซึ่งเมื่อหากแปลเป็นไทยแล้วยิ่งลึกซึ้งถึงความรักความผูกพันของบุคคลในภาพที่เชื่อว่ามีอยู่จริงในอดีตกาล
“คำรักของพี่นี้หากจะฝากเอาไว้ในน้ำก็กลัวน้องจะเหน็บหนาว หากจะฝากไว้บนพื้นอากาศกลางหาวก็กลัวเมฆหมอกจะปกคลุมความรักของพี่นี้เสีย หากจะฝากกลางขวางกลางคุ้มก็กลัวเจ้าเมืองมาเจอแล้วมาแย่งของพี่ไป เลยฝากไว้ในอกในใจของชายพี่นี้ให้มันร้องไห้รำพี้รำพันหาน้อง แลสะดุ้งตื่นแววาก็ยังไม่หายคลายคิดถึง”
นอกจากเสียงกระซิบรักที่แลดูมีความหมายสื่อถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของชายหญิงคู่นี้แล้ว มัคคุเทศก์น้อยทั้ง 3 คน ยังอธิบายถึงลักษณะภาพไว้อย่างน่าสนใจว่าผู้ชายน่านสมัยก่อนจะไม่ใส่กางเกง แต่จะสักยันต์ตั้งแต่พุงลงมาถึงหัวเข่า เรียกว่า สักลาวพุงดำ แต่เมื่อออกจากบ้านบางคนจะคาดผ้าเตี่ยวเพื่อบังไว้ ส่วนผู้หญิงน่านนั้นจะไม่ปกปิดหน้าอกเช่นกัน แต่สำหรับย่าม่านจะใส่ผ้าซิ่นผ่าหน้า ใส่เสื้อคลุม ใบหูจะถูกเจาะให้ใหญ่ (ระเบิดหูในปัจจุบัน) เพื่อนำแผ่นทองคำบางที่ถูกสลักชื่อ วัน เดือน ปี เกิด ม้วนเสียบไว้ที่ติ่งหู
อีกภาพที่น่าสนใจสำหรับผู้มาเยือนต้องยกให้ ‘ภาพโมนาลิซาเมืองน่าน’ หรือ นางแก้วสีไว ซึ่งเชื่อว่าเป็นผู้อุปถัมภ์วัด มีลักษณะอยู่ในท่ามวยผมขึ้น เพื่อบูชาขวัญให้สูง และเปิดหน้าอก ส่วนใบหูจะถูกเจาะให้ใหญ่เช่นกัน โดยนางได้บรรยายความงดงามของตนเองไว้อย่างน่าไพเราะ
“คิ้วโก่งค้อม แวดอ้อมตาขำ เหมือนจันทร์เดือนแรม สิบสองค่ำใต้ ริมปากออนแดง เหมือนแสงก๊อใต้ หยังมางามวิไล เลิศล้ำ” แปลเป็นไทยว่า คิ้วโก่งโค้งเหมือนจันทร์แรม 12 ค่ำ ริมปากแดงจิ้มลิ้มนวลเหมือนแสงทับทิม ทำไมถึงงามได้เช่นนี้
ทั้งนี้ ภายในอาคารทรงจตุรมุขที่สร้างขึ้นแห่งนี้ยังมีภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังที่บ่งบอกถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวน่านอีกหลายภาพ แต่เป็นที่น่ากังวลว่าบางภาพได้เลือนรางหายไปตามกาลเวลาจนจำเค้าโครงเดิมแทบไม่ได้ ส่วนบางภาพที่ผู้มาเยือนเห็นว่ายังสมบูรณ์อยู่นั้น แท้ที่จริงแล้วกลับมีบางส่วนในภาพเสียหายไปเช่นกัน
สุรชัย เจ๊ะหมัด นักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ กล่าวกับสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า ภาพจิตรกรรมวัดภูมินทร์ถือเป็นสื่อที่เชื่อมโยงวัฒนธรรมภูมิปัญญาของคนรุ่นก่อนกับคนรุ่นใหม่ได้อย่างดี แต่ด้วยเวลาที่ผ่านมาหลายปีทำให้บางภาพเลือนรางหายไป ดังนั้นเพื่อรักษาไว้ให้ลูกหลานได้ชม กรมศิลปากรควรบูรณะปรับปรุงอย่างเร่งด่วนเช่นเดียวกับวัดอื่น ๆ ในไทยที่เคยดำเนินการมาแล้ว
ด้านจรินทร์ เถื่อนแสง นักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ กล่าวเห็นด้วยว่าควรมีการบูรณะภาพจิตรกรรมเหล่านี้ ถึงแม้ว่าหลายคนอยากจะอนุรักษ์ของเก่าไว้โดยไม่บูรณะ แต่หากนิ่งเฉยก็หวั่นว่าอนาคตภาพจะค่อย ๆ จางหายไป จนเหลือเพียงตำนานที่ฝากไว้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม คงมีปัญหาด้านงบประมาณเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเชื่อแน่ว่าหากผู้รับผิดชอบคิดจะดำเนินการบูรณะจริง ๆ แล้ว คนจ.น่าน รวมถึงนักท่องเที่ยวก็พร้อมจะสมทบทุนร่วมด้วยอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวได้ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์จ.น่าน (http://www.nan.go.th) พบข้อมูลการบูรณะวัดครั้งใหญ่ล่าสุดในสมัยเจ้าอนันตวรฤทธิ์เดช เมื่อ พ.ศ.2410 (ปลายสมัยรัชกาลที่ 4) ใช้เวลาซ่อมแซมนานถึง 7 ปี ทั้งนี้ ไม่ปรากฏหลักฐานการบูรณะภาพจิตรกรรมแต่อย่างใด หากคาดหมายว่าอาจรวมอยู่ด้วย .
โมนาลิซ่าเมืองน่าน
กระซิบรักบันลือโลก