- Home
- Isranews
- เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา
- "ศ.ดร.พิเชษฐ์"ไม่กลัว"ธาริต"ออกแถลงการณ์แจงปมบริจาคเงิน1ล.ให้กปปส.
"ศ.ดร.พิเชษฐ์"ไม่กลัว"ธาริต"ออกแถลงการณ์แจงปมบริจาคเงิน1ล.ให้กปปส.
"ศ.ดร.พิเชษฐ์" ไม่กลัว "ธาริต"ออกแถลงการณ์แจงเหตุผล 7 ข้อ กรณีบริจาคเงินสด 1 ล้านบาทให้เวที กปปส. ย้ำทำหน้าที่ในฐานะคนไทย ไม่สามารถละเลยหน้าที่เพื่อชาติ รับไม่ได้กับข้าราชการที่ใช้หน่วยงานรัฐ –อำนาจที่มีอยู่ไปรับใช้นักการเมือง ระบุที่มาเงินบริจาค เก็บสะสมเอง ไม่ใช่เงินบริษัท ไม่หวั่นถูกตรวจสอบมั่นใจ ความโปร่งใส เคยได้รางวัลผู้เสียภาษีดีเด่น
กรณีนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกมาระบุว่า จะเข้าไปตรวจสอบข้อมูล ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด ( มหาชน ) ได้ขึ้นเวทีราชดำเนินเพื่อมอบเงินสดๆ จำนวน 1 ล้านบาท ให้กลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นปประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ว่ามีความเชื่อมโยงกับกปปส.มากน้อยแค่ไหน ถ้าเข้าข่ายก็อาจจะต้องดำเนินการตรวจสอบนั้น
เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2556 ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา ได้มอบหมายให้ทีมงานส่งเอกสารชี้แจงการบริจาคเงินให้เวที กปปส. ที่ราชดำเนินการ กับสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เพื่อเผยแพร่ให้สังคมรับทราบ ใช้ชื่อว่า เปิดใจ พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา กรณีบริจาคเงินให้เวที กปปส. ที่ราชดำเนิน
โดยระบุเนื้อหาว่า เหตุการณ์ที่ปรากฏในข่าวทำให้เกิดกระแสข่าวและการส่งต่อข้อความอย่างคาดไม่ถึง และมีผู้โทรศัพท์สอบถามเข้ามาถึงเหตุผลของการกระทำครั้งนี้ รวมทั้งมีนักข่าวโทรเข้ามาสัมภาษณ์อย่างต่อเนื่อง จึงขอชี้แจงดังนี้
1. ผมเป็นข้าราชการบำนาญ เคยรับราชการเป็นเวลาเกือบ 30 ปี จนถึงตำแหน่งสูงสุด และเคยบริหารราชการแผ่นดินในองค์กรของมหาวิทยาลัยในขณะที่ เป็น อาจารย์สอนนักศึกษา และวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ ในระหว่างที่อยู่ในราชการก็พยายามทำหน้าที่ให้เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติอย่างเต็มที่
2. ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่เคยทำการวิจัยในมหาวิทยาลัย และสถาบันวิจัยทั้งในประเทศไทย ออสเตรเลีย อเมริกา และ เยอรมัน รวม 7 แห่ง จึงได้ปลูกฝังนิสัยของตัวเองให้เป็นผู้ที่มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยเหตุและผล ซื่อตรงและซื่อสัตย์ต่อข้อมูล ผิดเป็นผิด ถูกเป็นถูก และหากสิ่งไหนผิดก็เป็นหน้าที่ที่จะต้องแก้ไขให้ถูกต้องเท่าที่สามารถทำได้
3. เมื่อมี กปปส. เกิดขึ้น และ ผมเห็นว่าเป็นกระบวนการที่จะนำไปสู่การพัฒนาประเทศ จึงเป็นหน้าที่ ที่ผมจะต้องเข้าไปสนับสนุนหรือมีส่วนรวมในฐานะของประชาชนคนไทยที่รักชาติ รักแผ่นดิน อยากจะเห็นแผ่นดินมาตุภูมิของตนเองเป็นแผ่นดินที่ตนเองภาคภูมิใจ จึงได้เข้าร่วมการชุมนุมเป็นครั้งคราว ทั้งที่เวทีราชดำเนิน และ ที่อื่นๆ และเมื่อมีโอกาสก็ได้โอนเงินสนับสนุนกิจกรรมนี้ผ่าน บัญชีครัวราชดำเนินในธนาคารไทยพาณิชย์
4. ในฐานะที่เคยเป็นข้าราชการ ผมรับไม่ได้กับข้าราชการที่ใช้หน่วยงานของราชการ และใช้อำนาจที่มีอยู่ไปรับใช้นักการเมืองโดยไม่คำนึงถึงหน้าทีที่แท้จริงของตนเอง และรับไม่ได้อย่างยิ่งเมื่อมีการลุแก่อำนาจ กดขี่ ข่มเหงผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่กำลังทำงานและแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ
5. ต่อมา บัญชีของครัวราชดำเนินถูกอายัดโดยข้าราชการที่ลุแก่อำนาจ ผมจึงได้นำเงินสดจำนวน 1,000,000 บาท ไปมอบให้การดำเนินการของเวทีราชดำเนิน ผ่าน ดร. เสรี วงษ์มณฑา ผู้ซึ่งกำลังได้รับการข่มขู่จากข้าราชการที่ลุแก่อำนาจ พร้อมกับประกาศว่า ผมยินดีที่จะรับผลจากการกระทำในครั้งนี้ จากผู้มีอำนาจ
6. เงินจำนวน 1,000,000 บาท เป็นเงินที่ผมเก็บสะสมเองด้วยการทำงานอย่างซื่อสัตย์สุจริต มิได้เป็นเงินของบริษัทฯ ในตลาดหลักทรัพย์ที่ผมเป็นกรรมการบริหารอยู่ และผมมิได้แจ้งถึงฐานะของผมที่เป็นผู้บริหารในบริษัทฯ เมื่อนำเงินไปบริจาค ผมระบุว่าเป็นการกระทำของ นายพิเชษฐ์ วิริยะจิตรา แต่มีการสืบค้นประวัติและนำไปประกอบเป็นข่าวว่า ผมเป็นกรรมการผู้จัดการของ บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน)
7. อย่างไรก็ตาม ผมตระหนักดีอยู่แล้วว่า การกระทำของผมอาจจะส่งผลต่อบริษัทฯ บ้าง หากมีการตรวจสอบถึงความไม่โปร่งใสของบริษัทฯ เกิดขึ้น แต่ผมมั่นใจแล้วว่าถึงจะตรวจสอบอย่างไร ก็จะไม่ส่งผลลบต่อบริษัทฯ เพราะตลอดเวลาที่ผมบริหารบริษัทฯ นี้ บริษัทฯ เคยได้รับรางวัลรัษฎากรพิพัฒน์ ในฐานะที่เป็นผู้เสียภาษีดีเด่น และ เพิ่งจะได้รับรางวัล CSRI จากตลาดหลักทรัพย์ที่ให้กับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมมาแล้ว
ด้วยเหตุผลข้างต้น ผมจึงดำเนินการมอบเงินจำนวนนี้โดยเกิดขึ้นด้วยจิตสำนึกของผมเองโดยตระหนักถึงความรับผิดชอบ
ขอขอบคุณทุกท่านที่โทรศัพท์เข้ามาแสดงความเป็นห่วง และขออภัยหากการกระทำของผมครั้งนี้ระคายเคืองความรู้สึก แต่ขอได้โปรดเข้าใจว่า หากผมไม่ทำ ผมจะไม่สามารถแก้ไขความรู้สึกผิดที่ละเลยต่อหน้าที่ของประชาชนไทยคนหนึ่งเลย