- Home
- Isranews
- เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา
- “ทักษิณพูด สุรนันท์ไม่แปล”? ใน"Conversations with Thaksin" by“ดร.สมเกียรติ”
“ทักษิณพูด สุรนันท์ไม่แปล”? ใน"Conversations with Thaksin" by“ดร.สมเกียรติ”
“…ยิ่งเห็นชัดว่าบทสนทนาในหนังสือนี้ คุณทักษิณ พาดพิงให้เป็นที่ระคายเบื้องพระยุคลบาทแน่นอน ดังนั้นถ้าท่านอยากจะรู้ว่าคุณทักษิณพูดอะไรไว้เต็ม ๆ ก็จำเป็นจะต้องไปอ่านฉบับภาษาอังกฤษ ฉบับภาษาไทยเขาตัดทอนข้อความสำคัญออกตามบริบทสังคมไทย…”
กลายเป็น "หนังสือ" ที่ถูกหมายปองของคนทุกสีทุกฝ่ายไปแ้ล้ว
สำหรับหนังสือ “Conversations with Thaksin” ที่ตีแผ่เรื่องราวเกือบทุกแง่มุมจากปากของ คนชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งสัมภาษณ์โดย “Tom Plate” บรรณาธิการอาวุโสของหนังสือพิมพ์หลายฉบับในสหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ หนังสือเล่มดังกล่าว ถูก “ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล” นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน ระบุว่า หาซื้อในประเทศไทยยาก และต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศเท่านั้น เนื่องจาก “สำนักพิมพ์มติชน” เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า “สุรนันท์ เวชชาชีวะ” เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้แปลฉบับภาษาไทยได้ “บิดเบือน – ตัดทอน” ข้อความในหนังสือเล่มนี้ออกเป็นจำนวนมาก
ทำให้ “สำนักพิมพ์มติชน” ได้ออกมาแย้งว่า ที่หายากเนื่องจากเป็นหนังสือที่ตีพิมพ์นานแล้ว และยืนยันว่าได้ตีพิมพ์จำหน่ายในประเทศไทยอย่างแน่นอน รวมถึงอธิบายว่าจำเป็นต้องตัดข้อความบางตอนออกไปเพราะ “ไม่เหมาะกับบริบทสังคมไทย”
ล่าสุดเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2557 “ดร.สมเกียรติ” ได้กล่าวปราศรัยที่เวทีราชประสงค์ อธิบายว่า “สุรนันท์” และ “สำนักพิมพ์มติชน” บิดเบือนและตัดทอนเนื้อหาส่วนใดในหนังสือเล่มนี้บ้าง และหนังสือเล่มนี้ “ไม่เหมาะกับบริบทสังคมไทย” จริงหรือ ?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ขอนำคำปราศรัยของ “ดร.สมเกียรติ” มานำเสนออย่างละเอียด ดังนี้
“สำนักพิมพ์มติชนเจ้าของลิขสิทธิ์แปลเป็นไทย ยืนยันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าได้แปลขายแล้ว มีให้ซื้อผ่านระบบออนไลน์ แต่ที่วางเล่มขายในร้านหนังสือ ผมหามา 2 ปีเศษ หาไม่ได้ แต่เอาล่ะ เมื่อบอกว่าแปลและพิมพ์ ในที่สุดตอนนี้ก็เริ่มมีให้อ่านกันในฉบับภาษาไทย
เมื่อ 2 วันที่แล้วร้านนายอินทร์ก็บอกว่าพอมีบ้าง และจะเอามาวางขายที่ร้านสัปดาห์หน้า
หลังจากที่ผมบ่นว่าทำไมหนังสือหายไปจากหิ้ง และผมคิดว่าที่มันหายไปเพราะคุณทักษิณพูดแต่สิ่งที่เป็นอันตรายต่อตัวเอง โดยการกล่าวพาดพิงถึงผู้อื่น จึงทำให้ต้องเก็บหนังสือลงจากหิ้งในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา และเปลี่ยนมาขายออนไลน์
อย่างไรก็ตามสำนักพิมพ์มติชน หลังจากฟังที่ผมพูดที่เวทีปทุมวัน ก็แถลงว่าหนังสือมันเก่า นานแล้ว ขาดตลาด หายากแล้ว ก็น่าทึ่งมาก ผมได้รับหนังสือฉบับแปล Conversations with Thaksin เมื่อวานซืนจริง ๆ เล่มหนึ่ง และก็ตื่นเต้นมาก หลังจากปราศรัยที่เวทีปทุมวันเสร็จแล้ว ผมก็อ่านหนังสือเล่มนี้เป็นภาษาไทย เพราะว่าจริง ๆ ผมอ่านฉบับภาษาอังกฤษมา 2 ปีกว่า หลายเที่ยวแล้ว
และผมก็เอามาเปรียบเทียบกับฉบับภาษาอังกฤษที่ผมอ่าน โดยเทียบกับฉบับภาษาไทย เพื่อจะรู้ว่า มติชน ได้แปลหรือบิดเบือน หรือทำให้ผิดเพี้ยน หรือว่าตัดทอนอะไรไปบ้าง
ผมรู้ว่าหนังสือเล่มนี้ได้ถูกกวาดเก็บออกจากหิ้งบนร้านหนังสือในประเทศไทย เพราะว่าเป็นอันตรายเสียหายร้ายแรงต่อคุณทักษิณที่ให้สัมภาษณ์แบบไม่ยั้งปาก และก็พาดพิงถึงผู้อื่นในทางลบ โดยเฉพาะสถาบันพระมหากษัตริย์ และสถาบันอื่น รวมทั้งคนสำคัญที่เป็นที่เคารพในสังคมไทย
เมื่อ 2 – 3 วันที่ผ่านมาผมก็อ่านฉบับภาษาไทยจบ แล้วก็เปรียบเทียบกับฉบับภาษาอังกฤษของสำนักพิมพ์มติชน และสำนักพิมพ์จากสิงคโปร์ ก็พบว่ามีแตกต่างกันอยู่หลายอย่าง ซึ่งวันนี้จะเล่าให้ฟัง
ที่แปลแล้วถูกตัดทิ้งออกไป เข้าใจว่าจะเป็นการปกป้องไม่ให้คนเห็นความร้ายกาจเวลาคุณทักษิณพาดพิงผู้อื่นก็มี คนที่อ่านฉบับภาษาไทย แล้วไม่อ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษ จะไม่รู้ว่าผู้แปลคือคุณสุรนันท์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี
ผมสรุปว่า ผู้แปลคือคุณสุรนันท์ พบว่า สำนักพิมพ์มติชน และผู้แปล ไม่ได้ยึดต้นฉบับภาษาอังกฤษอย่างซื่อสัตย์ 100 เปอร์เซ็นต์ ผมจึงขอยกตัวอย่างส่วนที่สำคัญ จากนั้นจะเพิ่มเติมเรื่องใหม่ที่ยังไม่ได้พูดที่เวทีปทุมวันให้ฟัง
ต่อไปนี้เป็นบางตอนของหนังสือชื่อ Conversations with Thaksin
ตลอดเล่มของหนังสือเล่มนี้ คุณทักษิณบอกว่า ต้องการกลับประเทศไทย แต่ต้องการกลับแบบมีเกียรติ กลับแบบพ้นความผิดทั้งปวง และหวังว่าน้องสาวที่เป็นนายกรัมนตรีตัวแทน คาดว่าน้องสาวจะจัดการให้คุณทักษิณได้กลับประเทศไทยโดยเร็วภายใน 12 เดือนแรกที่คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี
ซึ่งถึงตอนนี้ด้วยกระแสของมวลมหาประชาชน คุณทักษิณก็ยังไม่สามารถกลับไทยได้อย่างมีเกียรติ
ในท่อนนี้เมื่อตอน 2 ปีเศษที่แล้ว ที่ผมพบว่าไม่มีฉบับแปลให้ผมได้ซื้อหา ไม่มีใครแปล แล้วในเว็บไซต์ก็บ่นกันตลอด และส่งบางหน้าที่ไปหาก็อปปี้มาได้ให้ผมช่วยแปล หลังจากนั้นผมก็ซื้อหนังสือฉบับภาษาอังกฤษ และซื้อมาประมาณ 20 เล่ม แจกเพื่อนฝูง และผู้ใหญ่
ผมจะยกตัวอย่างที่ผมแปล กับสำนักพิมพ์มติชนแปล ว่าต่างกันอย่างไร
คุณทักษิณ บอกไว้ในหนังสือเล่มนี้ตอนหนึ่งว่า “พวกเขากลัวผม หมายถึงพวกคนไทย พวกทหาร พวกผู้มีอำนาจในเมืองไทย เขาไม่ไว้ใจผมว่าจะไม่ตามไปล้างแค้น แต่ผมไม่ตามไปล้างแค้นหรอก แม้ว่าผมไม่ได้อยู่เมืองไทย พวกเขาก็ไม่ต้องการให้ผมกลับเมืองไทย เพราะเขารู้ว่าเขาแข่งกับผมตรง ๆ ก็สู้ผมไม่ได้”
ดังนั้น คุณทักษิณ บอกว่า “มันก็เป็นเรื่องที่ว่าผมจะกลับไปอย่างไร การกลับประเทศไทยของผมต้องกลับไปอย่างมีเกียรติ ผมจะต้องคอยจังหวะที่เหมาะสม อาจเป็นตอนปลายปี 2554 เดือนธันวาคม”
อันนี้ชี้ให้เห็นว่า คุณทักษิณวางแผนเรื่องที่จะนิรโทษกรรมมานานแล้ว และหวังว่าจะเสร็จในปี 2554 ตอนปลายปี
คุณสุรนันท์ แปลต่างจากผม คุณสุรนันท์แปลว่า “พวกเขากลัวผม พวกเขาไม่ไว้วางใจผม ว่าผมไม่ต้องการแก้แค้น แต่ผมก็ไม่ได้มาเคลื่อนไหวเพื่อที่จะแก้แค้น แม้ว่าเวลาผมไม่อยู่ในประเทศไทย เขาก็ไม่ต้องการให้ผมกลับ เพราะรู้ว่าพวกเขาแข่งขันโดยตรงกับผมไม่ได้ โจทย์จึงเป็นวิธีการที่ผมจะเดินทางกลับ การกลับไปของผมจะต้องเป็นวิถีที่มีเมตตา และผมจะต้องรอจังหวะที่เหมาะสมซึ่งอาจจะเป็นภายในสิ้นปีนี้คือปี 2554”
ตรงนี้ต่างกันนิดเดียว ที่ผมแปลว่า คุณทักษิณต้องการกลับมาอย่างมีเกียรติ แต่ว่าคุณสุรนันท์ และมติชน แปลว่า คุณทักษิณต้องการกลับมาด้วยวิถีที่มีเมตตา
ผมแปลถูก คุณสุรนันท์แปลผิด
ก็ไม่ใช่ความผิดที่ใหญ่โตอะไร แต่อยากบอกว่าคำว่า Grace แปลว่าสง่ามงามหรือมีเกียรติ อันนี้ก็แปลตามพจนานุกรมของ ส.เศรษฐบุตร ไม่ได้แปลว่า มีเมตตา
ก็อย่างที่บอกมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เป็นเพียงคำภาษาอังกฤษเล็ก ๆ เพียงแต่พอคุณสุรนันท์แปลว่าการกลับมาของคุณทักษิณจะต้องเป็นวิถีที่มีเมตตา อันนี้มันก็สร้างปัญหาใหญ่ว่าจะเมตตากันแบบไหน
คุณทักษิณจะกลับมาขอความเมตตาจากมวลมหาประชาชนไทยหรืออย่างไร แบบนี้คงไม่มีใครให้ แต่ถ้าหากว่าคุณทักษิณบอกว่าจะกลับมาแสดงความเมตตาต่อมวลมหาประชาชน แบบนี้ก็คงไม่มีใครรับ
มาดูเรื่องใหญ่กันดีกว่า เมื่อกี้เป็นเรื่องเล็ก ๆ ในเชิงภาษาไม่ค่อยสำคัญ มาดูว่ามติชน และคุณสุรนันท์ ไม่แปลหรือตัดทิ้งอะไรที่สำคัญไปจากต้นฉบับภาษาอังกฤษบ้าง
คุณทักษิณ พูดตอนหนึ่งบอกว่า “ผมไม่จำเป็นเลย ที่จะเอาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ยกตัวอย่างหน่อยว่าถ้าพระมหากษัตริย์จะทรงมีพระเมตตามากพอที่จะแต่งตั้งให้ผมเป็นที่ปรึกษาสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์”
คุณทักษิณ ก็พูดเองบอกว่า “ให้พระมหากษัตริย์เป็นการตั้งให้คุณทักษิณเป็นที่ปรึกษาสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ผมก็สามารถที่จะทำให้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มีเงินมากขึ้น”
คุณทักษิณ นึกว่าพระเจ้าอยู่หัวอยากจะรวย ถ้าคุณทักษิณทำให้รวย
คุณทักษิณ ก็พูดต่อไปว่า “ดังนั้นถ้าทางสำนักพระราชวังแต่งตั้งให้ผมได้รับตำแหน่งอะไรในวังก็ได้ มันก็ทำให้ผมไปยุ่งทางการเมืองไม่ได้ ตำแหน่งในวังแบบนั้นจะมีผลบังคับให้ผมไม่อาจเล่นการเมืองได้”
นี่คือการกลับมาที่ว่าอย่างมีเกียรติ
อันนี้ผมแปลครบทั้งย่อหน้า แต่คุณสุรนันท์ไม่แปล แปลแค่ประโยคเดียว คุณสุรนันท์แปลว่า “ผมไม่ต้องการเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมือง” แล้วก็จบ
ที่เหลือที่พูดเมื่อกี้ ไม่มีในหนังสือเล่มนี้ จากต้นฉบับภาษาอังกฤษ
นอกจากนั้นก็จะมีส่วนที่ถูกตัดหายไปทั้ง 2 ย่อหน้า ซึ่งผมขอแปลเป็นภาษาไทยให้ท่านฟัง แล้วจะรู้ว่าสำนักพิมพ์มติชน กับคุณสุรนันท์ ไม่ได้แปล
Tom Plate ถามคุณทักษิณต่อไปว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณก็อาจได้รับตำแหน่งที่แต่งตั้งจากพระราชสำนักใช่ไหม”
คุณทักษิณ ตอบว่า “ใช่ครับ แต่ผมไม่อยากได้ตำแหน่งองคมนตรี”
คุณทักษิณ บอกว่า “ในประเทศไทยตำแหน่งนี้สำคัญมาก ผมไม่ต้องการทะเยอทะยานขนาดนั้น ผมต้องการเพียงพิสูจน์ว่าผมเป็นประโยชน์ต่อประเทศของผม และประชาชนของผม เมื่อผมได้กลับไป แน่นอนว่าผมควรจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอะไรสักอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และประชาชน”
นี่คือการตัดทอนความจริงที่คุณทักษิณพูดในส่วนที่สำคัญ แต่ว่าอันนี้เป็นต้นฉบับภาษาอังกฤษ สำนักพิมพ์มติชนออกแถลงการณ์ประนามการปราศรัยของผมที่เวทีปทุมวันเมื่อ 3 วันที่แล้ว และก็แถลงเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 27 มกราคมว่า เนื้อหาของหนังสือที่ตีพิมพ์นี้ตั้งใจและระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะไม่ให้หมิ่นเหม่ต่อกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และยืนยันด้วยว่าในการสนทนากับคุณทักษิณ หนละ 2 ชั่วโมงทั้ง 5 ครั้ง ไม่มีครั้งใดเลยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จาบจ้วงให้เป็นที่ระคายเบื้องพระยุคลบาท
และมติชนชี้แจงอีกครั้งเมื่อวันที่ 30 มกราคม ว่า อาจจะมีการแปลไม่ครบถ้วน หรือตัดทอนบางส่วนออก ก็เพื่อความเหมาะสมสำหรับบริบทสังคมไทย
แปลว่า ถ้าผมใช้คำแบบมติชนคือบริบทสังคมไทย ก็คือให้มันเหมาะสมแบบที่คนไทยอยากรับรู้กัน และไม่ขัดกับกฎหมายบางข้อเท่านั้น
ตัวอย่างที่ผมอ่านเปรียบเทียบเมื่อสักครู่ ก็ยิ่งเห็นชัดว่าบทสนทนาในหนังสือนี้ คุณทักษิณ พาดพิงให้เป็นที่ระคายเบื้องพระยุคลบาทแน่นอน ดังนั้นถ้าท่านอยากจะรู้ว่าคุณทักษิณพูดอะไรไว้เต็ม ๆ ก็จำเป็นจะต้องไปอ่านฉบับภาษาอังกฤษ ฉบับภาษาไทยเขาตัดทอนข้อความสำคัญออกตามบริบทสังคมไทย
ไม่เป็นไร เราไม่ต้องการมีเรื่องกับมติชน แต่เราต้องการคุยถึงเรื่องที่คุณทักษิณพูด และมตชินตัดทิ้งไปเท่านั้นเอง
ต่อไปว่าด้วยเรื่องสัญญาณลึกลับจากอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญ
คุณทักษิณ พูดว่า “เมืองไทยมันเป็นอย่างนี้ เจ้าหน้าที่รัฐ ฝ่ายทหาร ใครต่อใครไม่ทำอะไรกันเลย จนกว่าจะได้รับสัญญาณ หรือกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ตอนที่เราพยายามจะขอประกันตัวพวกผู้นำคนเสื้อแดงของเราให้พ้นจากการถูกคุมขัง เราไปคุยกับผู้พิพากษาหลายคนและเราขอความเมตตาจากท่าน ขอให้ปล่อยตัวพวกเรา นี่มันไม่ใช่เรื่องการเมือง คุณก็คงรู้ตามรัฐธรรมนูญของเรา รัฐบาลควรจะให้ประกันตัวอาชญากรทุกคน เพราะมันเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ยกเว้นในบางกรณีเป็นการเฉพาะ ดังนั้นพวกเราต้องการปกป้องสิทธิของพวกเขา แต่คณะผู้พิพากษาก็ไม่ยอมให้ประกันตัวคนเสื้อแดง”
คุณสุรนันท์แปลจบเท่านี้
แต่ที่คุณสุรนันท์ไม่แปล ผมจะแปลต่อไป ดังนี้
คุณทักษิณ พูดว่า “พอเราถามผู้พิพากษาคนหนึ่งว่าทำไมจึงไม่ให้ประกันตัว ผู้พิพากษาคนหนึ่งบอกว่าไม่มีสัญญาณ เราก็เลยบอกว่าท่านเป็นผู้พิพากษาจริง ๆ หรือเปล่าล่ะ ผู้พิพากษาถูกจ้างให้มาทำหน้าที่พิพากษา ไม่ใช่ให้มารอดูสัญญาณใช่ไหม แต่ผู้พิพากษาคนนั้นก็บอกกับเราว่า ผมยังไม่ได้รับสัญญาณเลย ดังนั้นมันก็เหมือนว่าทุกคนเอาแต่รอดูสัญญาณ”
คุณทักษิณ พูดอีกว่า “เราถามผู้พิพากษาคนหนึ่งว่าทำไมไม่ให้ประกันตัว ผู้พิพากษาบอกว่ายังไม่มีสัญญาณ ผมก็เลยบอกว่าเราเป็นผู้พิพากษาจริง ๆ หรือเปล่า ผู้พิพากษาถูกจ้างให้มาทำหน้าที่พิพากษาไม่ใช่ให้มารอดูสัญญาณใช่ไหม แต่ผู้พิพากษาคนนั้นก็บอกกับเราว่าผมยังไม่ได้รับสัญญาณเลย ดังนั้นมันก็เหมือนกับว่าทุกคนเอาแต่รอดูสัญญาณ”
เดี๋ยวไปสักพักทุกคนก็จะรู้ว่าคุณทักษิณหมายความว่าอย่างไร คนส่งสัญญาณคนนั้นคือใคร
คุณทักษิณ ได้พูดดูหมิ่นผู้พิพากษากระบวนการยุติธรรมไทยตามที่ถูกตัดออกไปจากฉบับภาษาไทยของมติชน อันนี้อ้างตามที่มติชนว่าเพื่อให้เหมาะสมตามบริบทสังคมไทย
ต่อไปนี้ Tom Plate ถามคุณทักษิณแรงมาก และผมไม่คิดว่าคุณทักษิณจะตอบ และคุณทักษิณควรตอบ ถ้าหากคุณทักษิณมีความจงรักภักดีต่อองค์พระมหากษัตริย์ แต่ว่าคุณทักษิณก็ตอบ ตอบยาวด้วยความอยากตอบจริง ๆ แต่ที่ตอบต่อไปนี้ที่จะอ่าน สำนักพิมพ์มติชน คุณสุรนันท์ ไม่แปล ตัดออกหมด
ผมขออ่านส่วนที่ถูกตัดออกไป อันนี้ก็ทั้งหมดเลย ซึ่งถือว่ายาวมาก ก็ดูแล้วประมาณ 3 หน้ากระดาษ อยากให้ทุกท่านทราบว่าคุณทักษิณพูดอะไร เผลอไป ตั้งใจพูด คิดแล้ว คนไทยทำไมไม่ควรอ่าน
Tom ถามว่า “ใครบ้างที่พอจะกราบบังคมทูลพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีแห่งประเทศไทยได้ พระสันตะปาปา หรือ อัลเลาะห์ได้ไหม พระพุทธเจ้าล่ะพอจะพูดกับในหลวงได้ไหม พระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีจะทรงรับฟังใครบ้าง คนเหล่านี้ถ้าพูดกับพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีจะฟังไหม”
อันนี้คือส่วนที่ถาม คือถามแรง ยอมรับว่าถามแรง
คุณทักษิณตอบ คุณสุรนันท์ไม่แปล
คุณทักษิณ บอกว่า “ผมว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงเคารพความเห็นจากนานาประเทศ ดังนั้นถ้าหากมันเป็นความเห็นของชาวโลกก็ถึงเวลาแล้วที่เมืองไทยจะต้องปรองดองกันให้มีการกราบบังคมทูล ปรึกษาหารือกับพระเจ้าอยู่หัว ให้ความคิดบางอย่างกับพระองค์เสียหน่อย ถ้าได้อย่างนั้นพระองค์อาจจะกลับมาทรงคิดได้บ้างว่า เอาล่ะ นี่เป็นทางออก”
คุณทักษิณ บอกว่า “ผมเชื่อว่านั่นคือทางออกในการแก้ปัญหา”
ถ้าฟังให้ดีก็แปลว่า คุณทักษิณอยากให้ใครต่อใครมาบอกในหลวงให้ได้คิดอะไรบ้าง อันนี้ก็คือสิ่งที่ตัดทิ้ง
ต่อไป ในส่วนที่มติชนไม่แปล ไม่พิมพ์ ก็คือ Tom ถามว่า “สมมติว่าจะมีคนที่น่าเคารพสักคน เช่น นายบัน คี มูน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ สมมติว่าให้ท่านไปกรุงเทพ แล้วก็เข้าเฝ้ากราบบังคมทูลพระเจ้าอยู่หัว บอกว่า ความวุ่นวายการนองเลือดทั้งหลายนั้นเป็นสิ่งไม่ดีสำหรับประเทศไทยเลย ทำไมจึงปรองดองกันไม่ได้ ถ้าบัน คี มูน ไปบอกในหลวง พระเจ้าอยู่หัวจะฟังไหม พระองค์จะให้นาย บัน คี มูน เข้าเฝ้าไหม”
คุณทักษิณ บอกว่า “ผมว่าโดยตำแหน่งของนายบัน คี มูน พระเจ้าอยู่หัวจะทรงต้อนรับท่านแน่ ตำแหน่งระดับสูงเช่นนั้น เป็นตำแหน่งที่ถูกต้องเหมาะสมในการจะเป็นผู้นำระดับนานาชาติ เพราะพระเจ้าอยู่หัวทรงพระชนมายุระดับอาวุโสมาก พระองค์ทรงเป็นประมุขของประเทศที่ทรงอาวุโสมากที่สุด ครับ ผมว่ามันเป็นงานในหน้าที่ของนายบัน คี มูน ที่จะต้องแสดงความเป็นผู้นำให้ปรากฏต่อสาธารณชน และแสดงตนให้สมกับเกียรติที่มี เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการแทรกแซงจากต่างประเทศโดยสหประชาติ มันไม่ใช่แค่เรื่องกิจการภายในประเทศเท่านั้น ปัญหาวุ่นวายนี้มันกระทบทั้งภูมิภาค และยังกระทบอนาคตของประชาธิปไตยด้วย กระทบสถานภาพของสิทธิมนุษยชน มันเป็นหน้าที่ของท่านที่จะต้องทำเรื่องนี้”
Tom ก็สงสัยว่า “ท่าน” หมายถึงใคร ก็ถามว่าคนที่มีหน้าที่ต้องทำเรื่องนี้คือพระเจ้าอยู่หัวหรือเปล่า
คุณทักษิณ ตอบว่า “ไม่ใช่ ผมหมายถึงนายบัน คี มูน เป็นหน้าที่ที่เขาต้องทำ แต่ผมไม่รู้ว่าท่านจะกล้าทำหรือไม่ ท่านเป็นคนที่เหมาะสมแล้ว มีหน้าที่รักษามาตรฐานนานาชาติ ในเรื่องสิทธิมนุษยชน สนับสนุนเรื่องศาลอาชญากรรมระหว่างประเทศ แต่ผมเกรงว่านายบัน คี มูน จะไม่มีความกล้าหาญมากพอ”
Tom ถามว่า “คุณหมายถึงใครที่ไม่มีความกล้าหาญมากพอ หมายถึงพระเจ้าอยู่หัวหรือเปล่า”
คุณทักษิณ บอกว่า “ไม่ใช่ ผมหมายถึงนายบัน คี มูน”
ทั้งหมดนี้คือส่วนที่พาดพิงถึงการที่คุณทักษิณ จะให้เลขาธิการสหประชาชาติ ให้สันตะปาปา ให้อัลเลาะห์ ให้พระพุทธเจ้า กดดันพระเจ้าอยู่หัวให้ยอมรับความเปลี่ยนแปลง
เฉพาะส่วนนี้มติชนอาจจะบอกว่าไม่ใช่ ต้องตัดออกเพราะบริบทสังคมไทย
ผมนับจำนวนคำที่ถูกตัดทิ้ง 221 คำ
ทีนี้มาถึงเรื่องพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี คุณทักษิณ พูดว่า พล.อ.เปรม เป็นผู้มีอำนาจมากที่สุดในบรรดาองคมนตรีทั้งหมด ท่านมีบารมีถึงขนาดสั่งนายกรัฐมนตรีทั้งหลาย ให้ทำโน่น อย่าทำนี่ได้เลย ท่านสามารถสั่งผู้บัญชาการทหารบก ทหารอากาศว่า ควรทำอย่างนั้น ทำอย่างนี้ ตอนที่ผมเป็นรัฐบาลก่อนถูกโค่นอำนาจ พล.อ.เปรม ก็อายุ 80 กว่าแล้ว ใส่เครื่องแบบทหารอันงดงามของท่านออกไปบรรยายตามสถาบันทหารต่าง ๆ
ตรงนี้คุณสุรนันท์ตัดคำว่า งดงาม ทิ้งออกไป นอกนั้นก็แปลเหมือนกันหมด
ผมวิเคราะห์ว่า คุณทักษิณ เสียดสีพล.อ.เปรม โดยเสียดสีเรื่องเครื่องแบบที่งดงามเท่านั้นเอง เพราะว่าคุณทักษิณนั้นไม่ชอบ พล.อ.เปรม มาก จากการให้สัมภาษณ์ในหนังสือเล่มนี้
ที่สำคัญมากกว่าก็คือ เรื่องที่คุณทักษิณไม่พูดให้ชัดในหน้า 42 ขออ้างหน้าหน่อย เผื่อมติชนจะสงสัย
อาจจะสงสัยว่าใครเป็นคนให้สัญญาณสั่งผู้พิพากษาได้ มาถึงตอนนี้คือหน้า 136 จะพบว่า คุณทักษิณเผลอพูดเปิดเผยออกมาว่า พล.อ.เปรม กำลังให้สัญญาณต่อทหารว่าอย่าฟังนายกรัฐมนตรี
ฉะนั้น คุณทักษิณก็กล่าวหาว่าพล.อ.เปรม คือผู้ส่งสัญญาณไปทุกหนแห่ง ไม่ว่าจะเป็นทหาร หรือผู้พิพากษา
หนังสือ Conversations with Thaksin มีเรื่องที่คุณทักษิณให้ร้ายต่อพล.อ.เปรม ทั้งมาก ทั้งแรง อีกหลายตอน มีเรื่องที่คุณทักษิณพูดสะเทือนความรู้สึกของคนภาคใต้มาก จนคนภาคเหนือจะต้องรู้สึกเสียใจที่คุณทักษิณพูดเช่นนั้น
ผมต้องขอโทษแทนชาวเหนือไว้ ณ ที่นี้ด้วย ขอให้ประชาชนชาวใต้จงให้อภัยชาวเหนือ ขอให้ชาวเหนือและชาวใต้จงรักใคร่เกี่ยวดองกันต่อไปให้แนบแน่น ถ้าไม่ถึงกับเกี่ยวดอง ก็ปรองดองเฉย ๆ ก็ได้
ไม่ว่าคุณทักษิณจะพูดอะไรไว้ก็ตาม อย่าได้ให้คำพูดของคุณทักษิณที่ผมจะอ่านต่อไปนี้ มาทำลายความรักที่ประชาชนคนไทยมีต่อกันทุกภาคของประเทศ ในฐานะที่เราเป็นพลเมืองดีของราชอาณาจักรไทย
เรื่องที่พาดพิงเหนือ – ใต้ ก็จะเกี่ยวข้องกับพล.อ.เปรม และกรณีตากใบ
คุณทักษิณ ให้สัมภาษณ์ Tom Plate ต่อไปอีกยาวเหยียด บอกว่าเรื่อง พล.อ.เปรม จากหน้า 203 – 206 ของต้นฉบับภาษาอังกฤษ ผมแปลบางตอนว่า
Tom พูดว่า “ผมสงสัยว่าศัตรูตัวฉกาจของคุณทักษิณที่กรุงเทพอาจจะเป็นคนที่อิจฉาความร่ำรวยของคุณเอามาก ๆ เชียวหรือ นอกเหนือจากตัวคุณเองและพระเจ้าอยู่หัวกับพระราชินี ที่มีบทบาทสำคัญต่อสถานการณ์ในประเทศไทยแล้ว ก็มีอีกคนหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญนั่นคือพล.อ.เปรม ใช่ไหม”
ตอนนี้คุณสุรนันท์แปล โดยตัดคำว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีออก หมายความว่า คุณสุรนันท์ พูดเฉพาะเพียงว่าบุคคลสำคัญที่มีบทบาท พูดอย่างนี้ว่า “ผมสงสัยว่าศัตรูของท่านที่กรุงเทพอาจจะอิจฉาความสามารถในการหาเงินของท่าน คน ๆ เดียวนอกจากท่านแล้ว คนที่เป็นจุดเปลี่ยนในสถานการณ์บ้านเมืองเห็นจะเป็นพล.อ.เปรม”
คุณสุรนันท์ก็จะตัดพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีออกไปท่อนนี้ แต่ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ก็ต้องคิดกันเอาเอง
Tom ถาม “แล้วคุณทักษิณ ตอบว่า พล.อ.เปรม เขาเป็นคนพูดน้อย สมัยที่เขาเป็นนายกรัฐมนตรีเขาก็พูดกับประชาชนไม่กี่ครั้ง แต่เขามีความเป็นผู้นำดี เขาไม่มีครอบครัว จึงดูเป็นคนมือสะอาด เขาไม่พูดอะไรมาก ดังนั้นช่องที่เปิดให้มีคนโจมตีเขาทางการเมือง จะวิจารณ์อะไรเขาก็มีช่องทำได้น้อย เขาอยู่อย่างมั่นคงในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี โดยไม่ต้องไปลงสมัครรับเลือกตั้ง”
ตรงนี้ คุณสุรนันท์กับผมก็แปลพอใช้ได้ทั้งคู่ ไมต่างกันเท่าไหร่ เพียงแต่ว่าตอนต่อมา คุณสุรนันท์ก็ตัดเรื่องที่พล.อ.ไม่เคยลงสมัครรับเลือกตั้งทิ้งไป แต่จะด้วยเหตุผลอะไรผมไม่ทราบ
ต่อไปคุณสุรนันท์ก็ไปตัดส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษาออกไปทั้งหมดในการแปลครั้งต่อ ๆ ไป หมายความว่าอะไรที่คุณทักษิณพูดพาดพิงถึงผู้พิพากษาในทางเสียหายก็ต้องตัดทิ้งเพื่อให้คนไทยได้อ่าน ไม่งั้นคุณทักษิณอาจจะมีปัญหากับผู้พิพากษาด้วย
คราวนี้ผมก็คิดว่ามติชน หรือคุณสุรนันท์อาจจะพยายมปกป้องคุณทักษิณ แต่ว่าเมื่อมติชนแถลงเมื่อวานว่าไม่มีเจตนาจะตัดออกเพื่อปกป้องคุณทักษิณ แต่เพื่อความเหมาะสมในบริบทสังคมไทย
ก็ถ้าหากว่าไม่ตัด ก็เห็นว่าอาจจะมีปัญหากับบริบทพล.อ.เปรม แน่ ๆ
คุณทักษิณตามราวีพล.อ.เปรมต่อไป ในหนังสือ Conversations with Thaksin
Tom ถามนำ “บอกว่า พล.อ.เปรม คือเจ้าแห่งการเป็นนักเชิดหุ่น เขามีแรงจูงใจอะไรหรือ”
คุณทักษิณ พูดบอกว่า “ใช่” แต่คุณสุรนันท์แปลว่า “ใช่” เฉย ๆ ตัดเรื่องเจ้าแห่งการเป็นนักเชิดหุ่นออกไป แล้วก็ข้ามไปแปลประโยคเรื่องแรงจูงใจ
ตรงนี้อาจมีความสับสนอยู่เล็กน้อย สำหรับ Tom กับคุณสุรนันท์ เพราะว่าเอาคำมาสลับกัน ผมก็จะอ่านข้ามไป เพราะว่าคำว่า ใช่ คำหนึ่ง และก็คำว่าแรงจูงใจเป็นของ Tom คำว่าใช่เป็นของคุณทักษิณ อันนี้ข้ามไป
แต่ว่าผมติดใจเรื่องที่ตัดคำว่าที่ว่า หรือว่าประชดประชันเสียดสีพล.อ.เปรมว่า เป็นคนเชิดหุ่น หรือว่าเป็นเจ้าแห่งการเชิดหุ่น
คำต้นฉบับที่คุณทักษิณพูดว่าเป็น เจ้าแห่งการเชิดหุ่น คุณทักษิณกล่าวหาว่าคือผู้ส่งสัญญาณแผ่อำนาจนอกรัฐธรรมนูญไปยังสถาบันตุลาการและกองทัพ กล่าวหาเสียสีเย้ยหยันพล.อ.เปรม ทำนองว่า เป็นนักเชิดหุ่นตัวพ่อ แบบเดียวกับที่คุณทักษิณกำลังเชิดหุ่นยิ่งลักษณ์อยู่ในวันนี้
คุณทักษิณกำลังเพลินไม่ทันได้ฟังคำถามจาก Tom สงสัยจะไม่ได้ยินเพราะเสียงนกหวีด อันนี้ในหนังสือเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ยกเว้นเรื่องนกหวีดที่ผมเติมเอง
คุณทักษิณถาม Tom ว่า “ห๊ะ ว่าอย่างไรนะ” Tom ถามว่า “ทำไม เพราะมีแรงจูงใจอะไร” ตรงนี้คุณสุรนันท์ข้ามไม่แปล
คุณทักษิณพูด ผมแปลว่า “อ๋อ เขาต้องการกำจัดผมให้ออกไปอยู่นอกประเทศไทยตลอดชีวิต คุณทักษิณพูดเสริมด้วยอารมณ์โกรธนิดหน่อย และบอกต่อว่า คุณรู้ไหม ผมเรียนวิชาทฤษฎีการบริหารจัดการในสหรัฐอเมริกา สอนว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่โครงสร้างเป็นทางการขององค์กรถูกแทรกแซงครอบงำโดยโครงสร้างที่ไม่เป็นทางการ เมื่อนั้นองค์กรก็จะทำงานได้อย่างเป็นระบบที่ถูกที่ควร โครงสร้างเป็นทางการของระบบการปกครองประเทศไทยนั้นมีประมุขของรัฐคือพระมหากษัตริย์ มีหัวหน้ารัฐบาลคือนายกรัฐมนตรี มีเจ้าหน้าที่ข้าราชการ แต่นั่นแหละ สำหรับประเทศไทย ยังมีองคมนตรี และพวองคมนตรีนั้นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องตามรัฐธรรมนูญเลย และนั่นก็คือหนทางที่พล.อ.เปรม เข้ามาใช้อำนาจเหนือโครงสร้างเป็นทางการของรัฐบาล”
ตรงนี้คุณทักษิณเข้าใจผิด ไม่รู้ว่าเรื่ององคมนตรีนั้นอยู่ในรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่นอกรัฐธรรมนูญ เพราะว่าจริง ๆ แล้วในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน มีบทบัญญัติเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์และองคมนตรีไว้ละเอียด ชัดเจน 17 มาตรา ในหมวด 2 จากมาตรา 8 – 25 เป็นนายกรัฐมนตรีตั้งหลายปีไม่รู้ว่ามีมาตราเหล่านี้
ตรงนี้เองที่ผมเอ่ยเมื่อสักครู่นี้คือที่มาจากข่าวสารและการพูดของคุณทักษิณหลายปีที่ผ่านมา ที่กล่าวหาบ่อยว่าพล.อ.เปรม เป็นผู้มีอำนาจบารมีนอกรัฐธรรมนูญ
คุณทักษิณ พูดต่อไป ผมแปลว่า “ตอนนั้นที่ผมเป็นนายกรัฐมนตรี ผมก็พูดดัง ๆ ให้รู้กันไปทั่วว่ารัฐบาลจะไม่สามารถทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้เลย เพราะเราถูกดึงเอาไว้โดย คือมีคนดึงเชือกเชิดหุ่นหลายคน คนดึงเชือกพวกนี้เป็นพวกนอกรัฐธรรมนูญ และพอผมพูดอย่างนี้เขาก็โกรธผมมาก”
และ Tom ก็บอกต่อไปว่า “คุณพูดแบบนั้นตอนไหน”
คุณทักษิณ ก็บอกว่า “ผมพูดตอนก่อนออกนอกประเทศ ไปกล่าวสุนทรพจน์ที่สหประชาชาติ” ตรงนี้ก็อาจจะไม่มีความแตกต่างกันเท่าไหร่ในการแปล เพราะเป็นเรื่องเชื่อมโยงธรรมดา
ต่อไป Tom บอกว่า “คุณทักษิณพูดบอกว่า ผมมีลักษณะเหมือนเนลสัน แมนเดล่า”
อันนี้ทุกคนก็ต้องหัวเราะ เพราะในหนังสือเขียนไว้อย่างนี้ และผมแปลว่า ทักษิณ บอกว่า I’m The Nelson Mandela Style ซึ่งคุณสุรนันท์แปลว่า ผมเป็นสไตล์ เนลสัน แมนเดลล่า หมายถึงผู้นำแอฟริกาที่ยิ่งใหญ่
ตอนนี้ในหนังสือเล่มนี้ Tom เขียนบอกว่า ทักษิณพูดว่าผมมีลักษณะเหมือนเนลสัน แมนเดลล่า ทักษิณพูดหน้าตายเฉยเลย อันนี้ Tom เขาวิจารณ์ไว้ท้ายประโยค
Tom บอกว่า ผมพยายามกลั้นหัวเราะไว้ ด้วยความสัตย์จริง ด้วยความเคารพ ผมไม่มีทางเชื่อเลยถ้าผมเป็นพล.อ.เปรม แล้วผมรู้ว่าคุณทักษิณจะกลับมา สงสัยผมต้องไปทำหนังสือเดินทางมอนเตเนโกรด่วนจี๋ แล้วโกยแน่บออกนอกประเทศไทยไปเลย
ตรงนี้ผมแปลได้อารมณ์กว่าคุณสุรนันท์เล็กน้อย
คุณสุรนันท์ นี่ดีอย่าง คือแปลคำว่า พล.อ.เปรม เป็น พล.อ.หรือท่านเปรม ส่วนผมแปลคำว่า พล.อ.เปรม เป็นเปรมเฉย ๆ เพราะว่าภาษาอังกฤษฝรั่งเขาเรียกเปรม ผมก็ตามต้นฉบับ
ต่อไปนี้จะว่าด้วยเรื่องคนภาคใต้และคนภาคเหนือ ในทัศนะของคุณทักษิณ แล้วส่วนต่อไปนี้คือส่วนที่ผมขอให้มวลมหาประชาชนที่อยู่ภาคใต้จำนวนมาก และภาคเหนือที่อยู่ที่นี่จำนวนไม่น้อย ผมขอว่าอะไรที่ผมจะอ่านต่อไปนี้ขอให้แผ่เมตตาต่อกัน เพราะเป็นคำพูดของคุณทักษิณ อย่าได้เกิดความรู้สึกชิงชังต่อกันด้วยคำพูดของคุณทักษิณต่อไปนี้เลย
คุณทักษิณ บอก Tom ว่า “ผมให้อภัยพล.อ.เปรม แล้ว ผมยกโทษให้ ประชาชนชาวภาคเหนือของประเทศไทยเหมือนผมที่เคยอยู่ภาคเหนือ คนภาคเหนือส่วนมากเขาเป็นคนใจดีมีเมตตา คนเหนือไม่คิดล้างแค้นใครเลย แต่พวกคนที่อยู่ทางภาคใต้ของประเทศไทยนี่สิมักเป็นคนคิดล้างแค้นไม่เหมือนกับคนภาคเหนือเลย เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่าผมไม่รู้สาเหตุเหมือนกัน สงสัยจะเป็นวัฒนธรรมของชาวใต้”
อันนี้ทั้งหมดที่เป็นเรื่องเฉพาะเหนือใต้ เมื่อ 3 วันที่แล้วที่ปทุมวันผมไม่กล้าเอาเรื่องนี้มาพูด เพราะผมคิดว่ามันน่าจะพอให้รู้ว่าคุณทักษิณคิดอย่างไร ไม่ต้องยาวและลึกจนกระทั่งผู้คนเข้าใจผิดและเกลียดชังกัน แต่ว่าวันนี้ก็จะเป็นการพูดวันสุดท้ายที่จะพูดในหนังสือเล่มนี้
ส่วนสุดท้ายก็เรื่องสำคัญ เรื่องต่อไปนี้ขอ อัลเลาะห์ จงมีเมตตาแก่คุณทักษิณ
ต่อไปนี้เป็นเรื่องที่พูดพาดพิงถึงพี่น้องมุสลิมในประเทศไทย
Tom บอกว่า “ลงไปทางใต้ของประเทศไทยใกล้มาเลเซีย อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเขียนหนังสือโด่งดังชื่อ ‘Malay Dilemma’ หนังสือเล่มนั้นอ้างว่าปัญหาของคนมาเลเซียคือการเป็นคนไม่ทะเยอทะยาน ท่านบอกว่าคนมาเลเซียไม่ชอบทำงานหนัก เขาชอบสนุกกับชีวิตเกินไป คนมาเลเซียก็ไม่มีวันจะพัฒนาประเทศได้อย่างถูกต้องเหมาะสมด้วยวิถีชีวิตแบบนี้”
คุณทักษิณ “ก็พูดตอบเรี่องคนมุสลิม ทั้ง ๆ ที่เขาชวนคุยเรื่องมาเลเซีย คุณทักษิณ บอกว่า มันก็เหมือนกับพวกคนมุสลิมในภาคใต้ของไทย พวกมุสลิมก็เอาแต่ไปโรงเรียนสอนศาสนา เขาไม่ต้องการไปเรียนหนังสือในโรงเรียนธรรมดา และอย่างที่ 2 บ่อยมากที่พวกสามีเป็นคนเกียจคร้าน พวกผู้ชายมุสลิมเอาแต่อยู่ในร้านน้ำชาทั้งวัน นั่งกินน้ำชากันไปวัน ๆ แล้วก็เลี้ยงนกเขา นกแบบที่มีเสียงร้องได้นั่นแหละ พวกผู้หญิงในบ้านกลายเป็นออกไปทำงานกรีดยาง พวกผู้ชายมุสลิมในไทยก็เลยไม่มีความทะเยอทะยานไม่อยากทำการทำงานอะไรเลย”
ส่วนคุณสุรนันท์ ก็แปลดังต่อไปนี้ บอกว่า “เป็นเช่นเดียวกันกับชาวมุสลิมทางใต้ของประเทศไทย พวกเขาไปโรงเรียนสอนศาสนา เขาไม่ต้องการไปโรงเรียนปกติ และประการที่ 2 พวกสามีจะอยู่ในโรงน้ำชาตลอดวัน ดื่มน้ำชา เล่นกับนกเขา ประเภทร้องได้ และเป็นเหล่าแม่บ้านที่ออกไปทำงานในสวนยาง ผู้ชายจำนวนมากไม่มีความทะเยอทะยาน”
Tom เขียนบอกว่า คุณทักษิณ หยุดพักหายใจและจิบน้ำชาเขียวอีกครั้ง ตกลงคุณทักษิณก็กินน้ำชาเหมือนกัน
ที่จริงแม้ว่าผม กับคุณสุรนันท์ หรือว่ามติชนจะแปลต่างกันนิดหน่อย ผมแปลว่า พวกผู้ชายเอาแต่อยู่ในร้านน้ำชา คุณสุรนันท์แปลว่า พวกสามีต้องการที่จะอยู่ในโรงน้ำชาตลอดวัน
ร้านน้ำชา กับโรงน้ำชา มีความหมายต่างกัน ร้านน้ำชาจะมีน้ำชามีกาแฟมีปาท่องโก๋ ส่วนโรงน้ำชามีอะไรกินมากกว่าน้ำชา
ผมแปลว่าพวกผู้ชายเลี้ยงนกเขา คุณสุรนันท์แปลว่าเล่นกับนกเขา ตรงนี้เป็นการล่วงล้ำชีวิตลูกผู้ชายมาก
ขอปิดท้ายเรื่องโศกนาฏกรรมที่ตากใบ ท่านคงจะรู้เรื่องนี้นานมาประมาณ 3 เดือนแล้ว จากการที่ฉายภาพให้เห็นหลายครั้ง
คุณทักษิณ บอกว่า “มันเป็นแผนของพวกเขา ใครก็แล้วแต่ที่จะล้มคุณทักษิณ” และกล่าวต่อว่า “ประชาชนส่วนมากเขาชอบผม”
คุณทักษิณ บอกว่า “ผมทำงานหนักมากเกินไป พวกเขาจึงพยายามเตะผมออกนอกประเทศ และพวกเขาก็สร้างปัญหามากมายให้กับผม โดยเฉพาะพวกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พวกเสื้อเหลืองเริ่มชุมนุมกันในช่วงปีที่ 4 ผมรู้เรื่องนี้ดี”
Tom ถามว่า “คุณรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร”
คุณทักษิณ บอกว่า “ตั้งแต่ผมออกนอกประเทศไปแล้วผมทราบเรื่องจากเพื่อมาเลเซียที่ทำงานข่าวกรอง เขาเล่าให้ฟังว่าแม้แต่ในภาคใต้ของไทย ในปีที่ 4 ของผม เขาก็พยายามสร้างปัญหาทำให้ฐานอำนาจของผมอ่อนแอลง หลังจากที่ผมจากมา ผมได้ทราบข่าวจากเพื่อนในหน่วยข่าวกรองมาเลเซีย พวกเขาบอกว่า แม้ในปีสุดท้ายปีที่ 4 ของเทอมแรก พวกเขาพยายามสร้างปัญหาเพื่อให้ผมอ่อนแอลงจริง ๆ”
คุณทักษิณ บอกว่า “ภาคใต้ อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองมาเลเซียบอกว่าได้สัมภาษณ์ญาติ ๆ ของผู้ตาย ในเหตุการณ์แสนโหดที่เบียดกันแน่นขาดอากาศหายใจตอนที่ทหารขนขึ้นรถ หลังจากการกวาดล้างสลายฝูงชนที่ตากใบ อ.หนึ่ง ในจังหวัดที่ชาวมุสลิมเป็นประชากรส่วนใหญ่ เจ้าหน้าที่มาเลเซียบอกผมว่า พวกเขาเชื่อว่าผมมีทัศนะที่เลวต่อชาวมุสลิม แต่ 1 ปีหลังจากยึดอำนาจ หลังจากที่มีการสอบสวนแล้ว พวกเขาเริ่มเข้าใจว่าเหตุอันเป็นโศกนาฏกรรมที่น่าอับอายที่ตากใบครั้งนั้น เป็นส่วนหนึ่งของแผนที่โค่นล้มอำนาจผม”
ตอนนี้คุณทักษิณพูดว่า ถูกกล่าวหาว่าตัวเองมีทัศนะที่ไม่ดีต่อคนมุสลิม แต่เมื่อกี้นี้ผมอ่านบทแปลไปสักครู่ คุณทักษิณมีทัศนะดูหมิ่นคนมุสลิมแล้ว 43 คำ ภาษาอังกฤษ
คุณทักษิณใช้คำพูดของตัวเองเหยียดหยามชายไทยมุสลิมในหน้า 52 แล้วมาโทษว่าถูกคนอื่นกล่าวหาว่าตนเองดูถูกคนมุสลิมในหน้า 223 – 224
คุณสุรนันท์ และมติชน ก็ดีเหลือหลาย แปลครบ ไม่ตัดทิ้งเลย ทำให้รู้ว่าส่วนหนึ่งพูดจริง อีกส่วนหนึ่งพูดเท็จ
ท้ายสุด ตรงนี้ก็จะแปลคล้ายกัน แต่ผมขอปิดท้ายด้วยบทส่งท้ายในหนังสือนี้
Tom “ได้ถามคุณทักษิณ ให้ประเมินความรู้สึกทั้งหมดต่อชีวิตและการกระทำที่ผ่านมา”
Tom ถามว่า “คุณรู้สึกเสียใจบ้างไหม” คุณสุรนันท์แปลว่า “ท่านเสียใจบ้างไหม”
คุณทักษิณบอกว่า “ครับ ผมรู้สึกเสียใจ แต่ความจริงก็คือว่า ผมจะทำแบบเดิมอีก ถ้าผมสามารถทำใหม่ได้ ผมก็จะทำอย่างเดิมทั้งหมด ถ้าพรุ่งนี้ทำได้ ผมก็จะทำพรุ่งนี้เลย พวกเขาสามารถเตะโด่งผมออกนอกประเทศไปได้อีก แล้วผมจะตอบโต้สู้กลับ ให้ผมได้กลับบ้านอีก ถ้าพวกเขาทำกับผมอีก ผมก็จะสู้กับมันอีก แล้วผมจะกลับมา”
ตรงนี้ผมและคุณสุรนันท์ และมติชน แปลตรงกัน ไม่บิดเบือน เป็นการยืนยันประกันชัดเจนโดยตรงจากปากคุณทักษิณว่าจะไม่สำนึกผิดใด ๆ ทั้งสิ้น ถ้าหากว่ากลับมาประเทศไทยอีก ก็จะทำแบบเดิมอีก ไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าถูกขัดขวางอีกจะสู้ไม่ถอย ถูกผลักดันให้ออกนอกประเทศอีกก็จะสู้อีก จะกลับมาทำอย่างเดิมแน่นอน
ด้วยเรื่องจริงที่ผมเล่ามาทั้งหมด เรามวลมหาประชาชนไทยจึงต้องล้มระบอบทักษิณ”
ทั้งหมดนี้คือการเทียบเคียงการแปลจากต้นฉบับภาษาอังฤษแบบ “คำต่อคำ” “หน้าต่อหน้า” ระหว่าง “ดร.สมเกียรติ” และ “สุรนันท์”
ส่วนจะฝ่ายไหนจะแปลถูกหรือแปลขาด คงต้องไปพิสูจน์ในหนังสือกันเอาเอง!