- Home
- Isranews
- เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา
- เปิดหลักฐานหนังสือ“ป.ป.ช.”ถึง "ยิ่งลักษณ์" เตือน"ไม่ฟัง"ระวังทุจริตข้าว!
เปิดหลักฐานหนังสือ“ป.ป.ช.”ถึง "ยิ่งลักษณ์" เตือน"ไม่ฟัง"ระวังทุจริตข้าว!
เปิดหนังสือ “ป.ป.ช.” มัด"ยิ่งลักษณ์" เตือนแล้ว"ไม่ฟัง"ระวังทุจริตจำนำข้าว เผยแจ้งครบทุกปัญหา ตั้งแต่เดือน มิ.ย. 55 "ยกระดับราคา-ขึ้นทะเบียนรับรองเกษตรกร-ระบายสินค้า-ติดตามประเมินผล"
ในบรรดาหลักฐานชิ้นสำคัญ 5 ประการ ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นำมาใช้ประกอบการพิจารณาคดีกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และระบายข้าว โดยเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ทางราชการ
อันประกอบไปด้วย
1.หนังสือทักท้วงจาก ป.ป.ช.ว่าโครงการจำนำข้าวจะก่อให้เกิดการทุจริตอย่างมหาศาลและทุกขั้นตอน
2.ทราบการทุจริตในการดำเนินโครงการจากการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร
3.ได้รับรายงานจากประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการที่ระบุว่ามีความเสียหายถึง 2 แสนล้านบาท
4.มีชาวนาที่ร่วมโครงการจำนำข้าวจำนวนมากที่ไม่ได้รับเงิน
และ 5.หนังสือจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ขอให้ทบทวนและยุติโครงการดังกล่าว เพราะการดำเนินการในปัจจุบัน ได้ทำให้เกิดปัญหาทั้งการจำนำข้าว การระบายข้าว และการชำระหนี้ให้แก่เกษตรกรผู้ร่วมโครงการ
(อ่านประกอบ: จุดชี้ขาด “ยิ่งลักษณ์” คดีจำนำข้าว ลอยตัวอาจไม่พ้นผิด?)
"หนังสือทักท้วง จาก ป.ป.ช." ดูเหมือนเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่ถูกจับตามองมากที่สุด เนื่องจากหนังสือฉบับนี้จัดทำขึ้นโดย ป.ป.ช.เอง และมีการนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาข้อเสนอของป.ป.ช.อย่างเป็นทางการด้วย
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2555 ที่ผ่านมา สำนักงาน ป.ป.ช. ได้ทำหนังสือเลขที่ ปช. 0003/0198 เรื่องข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตกรณีการดำเนินตามนโยบายของรัฐบาลในการรับจำนำข้าวเปลือก
แจ้งกราบเรียน "นายกรัฐมนตรี" โดยตรง
ระบุสาระสำคัญว่า "คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ทำการศึกษา ติดตาม และเฝ้าระวังการทุจริต ซึ่งมีผลสืบเนื่องมาจากการดำเนินตามนโยบายของรัฐบาลในการรับจำนำข้าวข้าวเปลือกอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง โดยได้เชิญผู้แทนจากส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนจากองค์กรเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการค้าขายข้าวและส่งออก มาชี้แจง ให้ข้อเท็จจริง
รวมทั้งพิจารณาจากพฤติการณ์ ที่ปรากฎต่อสาธารณะทางสื่อมวลชนต่างๆ แล้วพบว่าการดำเนินตามนโยบายของรัฐบาลในการรับจำนำข้าวเปลือก ยังคงก่อให้เกิดปัญหาด้านต้างๆ อย่างมากมายดังเช่นในอดีตที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาการทุจริตทั้งในเชิงนโยบาย และในส่วนของขั้นตอน และกระบวนการในการดำเนินโครงการ
อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลยังคงต้องดำเนินโครงการดังกล่าวต่อไป เนื่องจากเป็นนโยบายหลักที่สำคัญ ซึ่งได้หาเสียงไว้กับประชาชนและแถลงต่อรัฐสภา
ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกบังเกิดประโยชน์และเป็นธรรมแก่เกษตรกรที่เพาะปลูกข้าวจริงและสุจริต รวมทั้งเป็นการป้องกันการทุจริตและป้องกันมิให้ดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวเปลือกก่อให้เกิดความสูญเสียด้านงบประมาณที่อาจจะเกิดขึ้นได้
คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาแล้ว จึงเห็นสมควรมีข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตกรณีการดำเนินตามนโยบายของรัฐบาลในการรับจำนำข้าวเปลือกต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา และมีมติให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามนัยมาตรา 19 (11)แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ.2554 ดังนี้
1. การดำเนินการตามนโยบายยกระดับราคาข้าว
คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ควรได้พิจารณา ดังนี้
1) กำหนดราคารับจำนำข้าวเปลือกแต่ละชนิดให้เหมาะสมสอดคล้องกับต้นทุนการผลิตที่เกษตรกรรับภาระอยู่ โดยอยู่บนพื้นฐานของความสมเหตุสมผล และไม่บิดเบือนกลไกตลาด
2)ควรมุ่งเน้นช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวอย่างเป็นรูปธรรม โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบพิจารณาหาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการลดต้นทุนการผลิตข้าว
2. การดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือก
(1) การขึ้นทะเบียนและรับรองเกษตรกร
1)นอกเหนือจากการกำหนดให้มีกระบวนการทำประชาคม และให้ผู้บริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับรองเกษตรกรแล้ว ให้กรมส่งเสริมการเกษตรนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ประโยชน์ในการขึ้นทะเบียนและรับรองเกษตรกรอีกทางหนึ่งด้วย เพื่อให้เฉพาะเกษตรกรซึ่งเพาะปลูกข้าวจริงและสุจริตเท่านั้น ที่จะได้รับประโยชน์จากการดำเนินตามนโยบายของรัฐบาล
2) กำหนดให้มีมาตรการลงโทษที่เหมาะสมและจริงจังกับเกษตรกรที่ไม่สุจริต
(2) การระบายข้าวสารจากคลังสินค้าของรัฐบาล
1)เพื่อมิให้ข้าวที่ได้มาจากการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปี 2554/55 ก่อให้เกิดความสูญเสียงบประมาณของรัฐเป็นจำนวนมาก อันมีผลเนื่องมาจากการเก็บรักษาข้าวเป็นเวลานาน ส่งผลให้ข้าวเกิดความเสียหาย เสื่อมคุณภาพสูญเสียน้ำหนัก และเป็นการป้องกันการทุจริตที่อาจเกิดขึ้นได้ จึงสมควรมอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบหรือที่เกี่ยวข้อง กำหนดแผนการบริหารจัดการการระบายข้าวที่เกิบรักษาไว้ในโกดังกลางอย่างเป็นระบบ การปิดบัญชีโครงการฯ พร้อมทั้งให้รายงานผลการดำเนินการหรือที่ไม่สามารถดำเนินการให้เป็นไปตามแผนดังกล่าวได้ ให้คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) พิจารณาโดยเร็วและต่อเนื่อง
2)หลักเกณฑ์ วิธีการ และรายละเอียดในการดำเนินการระบาย หรือจำหน่ายข้าวที่อยู่ในคลัง หรือโกดังกลางซึ่งอยู่ในความดูแลและรับผิดชอบขององค์การคลังสินค้า (อคส.) หรือ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ให้ประกาศโดยเปิดเผยเป็นที่ทราบแก่บุคคลทั่วไป และดำเนินการด้วยความโปร่งใส
3.การติดตามและประเมินผลโครงการ
ให้รัฐบาลติดตามและประเมินผลโครงการฯ อย่างเป็นรูปธรรม โดยอาจให้องค์กรเอกชนศึกษาผลสัมฤทธิ์ในการดำเนินโครงการรับจำนำ แล้วนำมาพัฒนา ปรับปรุง และแก้ไขให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด รายละเอียดปรากฎตามเอกสารสิ่งที่ส่งมาด้วย
จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง
นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ
ประธานกรรมการ ป.ป.ช.
(ดูหนังสือ ป.ป.ช. ประกอบ)
จากการตรวจสอบพบว่า หนังสือแจ้งเตือนของ ป.ป.ช.ฉบับนี้ มีการนำเข้าที่ประชุม ครม. อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2555 (สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลงรับเมื่อวันที่ 3 พ.ค.55)
ทั้งนี้ ครม. มีมติยืนยันว่า การดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวเปลือกมีวัตถุประสงค์ที่เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรในการยกระดับราคาพืชผลทางการเกษตร รวมทั้งเป็นการยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตให้แก่เกษตรกรในชนบทตามแนวนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภาทุกประการ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ยืนว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวมีมาตรการและกลไกในการควบคุมกำกับดูแลให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการทุกประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีระบบการตรวจสอบให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความโปร่งใสและตรวจสอบได้
แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การดำเนินโครงการทั้งในระดับพื้นที่และในระดับปฏิบัติการมีประสิทธิภาพและป้องกันการทุจริต
จึงมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) สั่งการให้หน่วยงานในกำกับ ดำเนินการตรวจสอบเพื่อป้องกันการทุจริตในระดับปฏิบัติ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ ให้ความร่วมมือ หากตรวจสอบพบกรณีทุจริตให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป
ล่าสุด เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ผ่านมา นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษก ป.ป.ช. แถลงว่า ได้ดําเนินการไต่สวนคดีนี้ มาระยะหนึ่งแล้วปรากฏว่า จากการไต่สวน มีพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคลและพยานเอกสารยืนยันชัดเจนว่า ผู้ถูกกล่าวหาในฐานะ นายกรัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ได้รับหนังสือจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ทักท้วงว่าโครงการดังกล่าวจะก่อให้เกิดปัญหาทุจริตอย่างมหาศาล โดยเฉพาะการทุจริตทุกขั้นตอน และทุกกระบวนการในการดําเนินการ
นอกจากนี้ผู้ถูกกล่าวหาได้รับทราบเรื่องทุจริตในการดําเนิน โครงการจากการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร
อีกทั้งยังได้รับรายงานเรื่องผลของการดําเนินโครงการจาก ประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจํานําข้าวเปลือกว่าเสียหายถึงสองแสนล้านบาท รวมทั้ง ชาวนาที่ร่วมโครงการยังไม่ได้รับเงินอีกเป็นจํานวนมากทําให้เดือดร้อนเสียหายอย่างหนัก ประกอบกับมี หนังสือจากสํานักงานตรวจเงินแผ่นดินถึงผู้ถูกกล่าวหาให้ทบทวนและยุติโครงการดังกล่าว ซึ่งการ ดําเนินการในปัจจุบันได้เกิดปัญหาทุจริตในการรับจํานําข้าว การระบายข้าว และการชําระหนี้ให้แก่ เกษตรกรผู้ร่วมโครงการ แทนที่ผู้ถูกกล่าวหาจะระงับยับยั้งโครงการตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหาร ราชการแผ่นดินฯ มาตรา 11 (1) กลับยืนยันที่จะดําเนินโครงการต่อไป
จึงแสดงถึงเจตนาของ ผู้ถูกกล่าวหาที่จะปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ หรือโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และเป็นการจงใจใช้อํานาจหน้าที่ขัดต่อ บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 178 อันเป็นเหตุแห่งการถอดถอนออกจากตําแหน่งตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 270
ก่อนจะมีมติเป็นเอกฉันท์ ให้เรียก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มาพบและแจ้งข้อกล่าวหาในคดีถูกกล่าวหาว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และระบายข้าว โดยเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ทางราชการ ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2557 นี้ เวลา 14.00 น.