- Home
- Isranews
- เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา
- เปิดความเห็น“สตง.-หน่วยงานเกี่ยวข้อง”ฟันธง“จำนำข้าว”ทุจริตชัดเจน
เปิดความเห็น“สตง.-หน่วยงานเกี่ยวข้อง”ฟันธง“จำนำข้าว”ทุจริตชัดเจน
"...การดำเนินโครงการไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่แท้จริงของการผลิตข้าว และไม่ทำให้เกิดการพัฒนาการผลิตข้าวอย่างยั่งยืน ซึ่งปัญหาการผลิดข้าวที่แท้จริงคือปัญหาด้านการผลิตและด้านการตลาด อีกทั้งนโยบายรับจำนำข้าวมีส่วนทำให้เกษตรกรไม่ให้ความสนใจกับการปรับปรุงคุณภาพข้าว.."
ในบรรดาหนังสือเกี่ยวข้องกับเรื่องโครงการรับจำนำข้าว ทั้ง 4 ฉบับ ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) นำมาโชว์ไว้ ในเว็บไซต์ เพื่อเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ ว่า สตง. ได้มีการทักท้วงการดำเนินงานโครงการนี้ มาตั้งแต่ ปี 2554 จนถึงปี 2557
อันเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นำมาใช้ประกอบการพิจารณาคดีกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับรู้ปัญหาเรื่องนี้มาตลอด แต่ไม่ปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และระบายข้าว โดยเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ทางราชการ
(อ่านประกอบ:"สตง." โชว์เต็มๆ หนังสือ 5 ฉบับเตือน"ยิ่งลักษณ์-กิตติรัตน์" คดีจำนำข้าว)
"รายงานการตรวจสอบและศึกษาวิเคราะห์โครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลฉบับเต็ม" ของ สตง. ที่นำมาเผยแพร่ไว้พร้อมกับหนังสือทั้ง 4 ฉบับ ก็มีการระบุข้อมูลที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
โดยเฉพาะความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อาทิ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ), ป.ป.ช. และคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเปลือกตามนโยบายรัฐบาล
ที่ล้วนมีความเห็นตรงกันว่า โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลนั้นมีความผิดปกติ และส่อทุจริต อย่างชัดเจนทุกขั้นตอน
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ขอนำรายงานสรุปประเด็นปัญหาและความเสี่ยงสำคัญ รวมทั้งผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลทั้งหมด 7 ข้อ ที่จัดทำ และรวบรวมโดย สตง. พร้อมกับหน่วยงานต่าง ๆ มานำเสนอ ดังนี้
1.ประเด็น ขึ้นทะเบียนเกษตรกร
สตง. สรุปว่าใจความปัญหาว่า กรมส่งเสริมการเกษตรซึ่งรับผิดชอบการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวไม่มีความพร้อมทางด้านเทคโนโลยีเพื่อรองรับการจัดเก็บและบันทึกข้อมูล รวมไปถึงบุคลากรที่จำกัด และไม่เพียงพอในการดำเนินการรวบรวมบันทึกข้อมูลเกษตร และการใช้การประชุมประชาคมเป็นเครื่องในการรับรองความถูกต้องครบถ้วนของข้อมูลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรไม่สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิผล นอกจากนี้ยังไม่สามารถตรวจสอบพื้นที่ได้อย่างถี่ถ้วนทำให้เกษตรกรบางรายแจ้งพื้นที่ปลูกข้าวเกินความจริง และการบันทึกข้อมูลและรายงานผลการออกใบรับรองเกษตกรไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดปัญหาสวมสิทธิ์เกษตรกร
ขณะที่หน่วยงานอื่น ๆ เช่น ธ.ก.ส., สถาบันทีดีอาร์ไอ, ป.ป.ช. และคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวฯ สรุปคล้ายกันว่า มีการสวมสิทธิ์ของเกษตรกร และมีการแจ้งข้อมูลเท็จ รวมไปถึงร่วมมือกับเจ้าหน้าที่จดทะเบียนเพาะปลูกสูงกว่าความจริง เป็นต้น
2.ประเด็น รับฝากข้าวเปลือก/จำนำ
สตง. สรุปใจความปัญหาว่า เจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) ประจำหน่วยรับฝากข้าวเปลือกแต่ละรายต้องรับผิดชอบและดูแลโรงสีจำนวนหลายแห่งทำให้ไม่สามารถตรวจสอบและออกใบประทวนสินค้าให้กับเกษตรกรที่นำข้าวเปลือกมาจำนำได้ทันตามตรงเวลาที่กำหนด ขณะที่ผู้แทนเกษตรกรและตัวแทนข้าราชการที่ไปประจำจุดรับจำนำส่วนใหญ่ไม่มีความรู้หรือประสบการณ์เกี่ยวกับการตรวจสอบคุณภาพข้าว ทำให้เกษตรกรไม่ได้รับความเป็นธรรม รวมไปถึงการออกใบประทวนสินค้าให้แก่เกษตรกรล่าช้า
ขณะที่หน่วยงานอื่น ๆ เช่น ธ.ก.ส., สถาบันทีดีอาร์ไอ และ ป.ป.ช. สรุปคล้ายกันว่า มีกานำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมาสวมสิทธิ์ และโรงสีตรวจสอบคุณภาพข้าวของเกษตรกรไม่ตรงกับข้อเท็จจริง รวมไปถึงการเร่งผลผลิตข้าวของเกษตรกรทำให้คุณภาพข้าวส่งออกของไทยลดลง เป็นต้น
3.ประเด็น สีแปรสภาพและส่งมอบข้าวสาร
ธ.ก.ส. สรุปใจความปัญหาว่า โรงสีส่งมอบข้าวสารไม่ตรงตามคุณภาพและมาตรฐาน และมีการส่งมอบข้าวล่าช้า หรือไม่ได้ปริมาณและระยะเวลาที่กำหนด รวมไปถึงมีการนำข้าวสารนอกโครงการส่งมอบเข้าคลังสินค้ากลางแทนข้าวสารในโครงการ
4.ประเด็น จัดเก็บรักษาข้าวสารในคลังสินค้ากลาง
สตง. สรุปใจความปัญหาว่า การจัดเก็บและการดูแลข้าวในคลังสินค้ากลางไม่เหมาะสม และมีปัญหาข้าวที่จัดเก็บไว้ในคลังสินค้ากลางได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่สามารถรายงานมูลค่าความเสียหายได้ชัดเจน รวมไปถึงเกิดการทุจริตหรือความไม่โปร่งใสในการดำเนินงาน/การบริหารจัดการ โดยโรงสีที่เข้าร่วมโครงการจำนวนหลายแห่งซึ่งรับผิดชอบการเก็บรักษาข้าวเปลือกของโครงการไว้ มีข้าวเปลือกและข้าวสารสูญหายหรือข้าวขาดบัญชี ขณะที่ระบบการควบคุมคลังสินค้ากลางไม่เหมาะสม ไม่รัดกม นอกจากนี้ระบบการติดตามตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบยังไม่สามารถดำเนินการได้อย่างครบถ้วนทั่วถึง
ขณะที่หน่วยงานอื่น ๆ เช่น ธ.ก.ส., สถาบันทีดีอาร์ไอ และคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวฯ สรุปคล้ายกันว่า ข้าวในโครงการเสื่อมคุณภาพเร็ว และมีข้าวสารสูญหาย มีการปิดบังข้อมูลจำนวนข้าวคงเหลือในคลังสินค้ากลางแต่ละแห่ง เป็นต้น
5.ประเด็น ระบายข้าว
สตง. สรุปใจความปัญหาว่า รัฐบาลมีการระบายข้าวเปลือกจากการรับจำนำออกเป็นจำนวนน้อยและล่าช้ามาก ส่งผลให้ข้าวสารเสื่อมคุณภาพ และรัฐบาลมีผลขาดทุนจากการจำหน่ายข้าวเปลือกจากโครงการรับจำนำ โดยราคาจำหน่ายข้าวแต่ละครั้งมีแนวโน้มต่ำลงทุกครั้ง
ขณะที่หน่วยงานอื่น ๆ เช่น ธ.ก.ส. และสถาบันทีดีอาร์ไอ สรุปคล้ายกันว่า กระบวนการระบายข้าวล่าช้า ทำให้ข้าวเสื่อมคุณภาพ ขายได้ราคาต่ำ และการที่รัฐบาลไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลการระบายข้าวในรูปแบบการส่งออกแบบรัฐต่อรัฐ (G to G)
6.ประเด็น การปิดบัญชีโครงการ
ธ.ก.ส., สถาบันทีดีอาร์ไอ และคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวฯ สรุปใจความปัญหาคล้ายกันว่า รัฐบาลมีภาระหนี้คงเหลือตามโครงการรับจำนำข้าวก่อนปีการผลิต 2554/55 สะสมค้าง ธ.ก.ส. เป็นจำนวนมาก และเผชิญความเสี่ยงในการจัดหาเงินทุน การจัดการกับสภาพคล่องของ ธ.ก.ส. นอกจากนี้ข้อมูลที่ใช้ในการจัดทำบัญชีโครงการมีการรายงานข้อมูลไม่ถูกต้องและล่าช้า
และ 7.ประเด็น ผลกระทบจากการดำเนินโครงการก่อให้เกิดความเสียหายต่องบประมาณแผ่นดิน
สตง. สรุปใจความปัญหาว่า การดำเนินโครงการไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่แท้จริงของการผลิตข้าว และไม่ทำให้เกิดการพัฒนาการผลิตข้าวอย่างยั่งยืน ซึ่งปัญหาการผลิดข้าวที่แท้จริงคือปัญหาด้านการผลิตและด้านการตลาด อีกทั้งนโยบายรับจำนำข้าวมีส่วนทำให้เกษตรกรไม่ให้ความสนใจกับการปรับปรุงคุณภาพข้าว
ขณะที่หน่วยงานอื่น ๆ เช่น สถาบันวิจัยทีดีอาร์ไอ และคณะอนุกรรมการการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวฯ สรุปคล้ายกันว่า โครงการดังกล่าวมีผลขาดทุนสูงมาก แม้ว่าเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่เข้าร่วมโครงการทุกรายได้รับประโยชน์จากโครงการจริง แต่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่มีฐานะยากจนได้รับประโยชน์เพียงร้อยละ 18 ของมูลค่าการจำนำเท่านั้น และส่งผลให้การค้าข้าวแบบแข่งขันของเอกชนถูกทำลาย เกิดการสูญเสียตลาดส่งออกข้าวของไทย เนื่องจากรัฐบาลไม่มีความสามารถในการขายข้าวเหมือนพ่อค้าส่งออก รวมทั้งเกิดการสูญเสียในคุณค่าข้าวไทย
ทั้งนี้ สตง. มีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวทั้งหมด 4 ข้อ ดังนี้
1.พิจารณาทบทวนและยุติการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกในฤดูกาลต่อไป โดยอาจพิจารณาใช้มาตรการหรือแนวทางการช่วยเหลือในลักษณะอื่น และให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรยากจนเป็นลำดับแรก รวมทั้งให้มีการจัดทำฐานข้อมูลที่มีความครบถ้วน ถูกต้อง และมีกระบวนการติดตาม ประเมินผลการปฏิบัติโครงการอย่างสม่ำเสมอ
2.กรณีการจ่ายเงินจำนำตามโครงการล่าช้า ซึ่งส่งผลกระทบและความเสียหายต่อเกษตรกรให้พิจารณาจ่ายเงินจำนำตามโครงการให้แก่เกษตรกรที่ยังไม่ได้รับเงินจากโครงการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนขั้นตอนการดำเนินงานที่ถูกต้องครบถ้วน รวมทั้งกำหนดมาตรการเยียวยาเพื่อบรรเทาผลกระทบ และความเสียหายให้แก่เกษตรกรดังกล่าวด้วย
3.การรายงานผลการดำเนินงานโครงการ พิจารณาเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานผลการดำเนินงานให้คณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวฯ เพื่อจัดทำรายงานปิดบัญชีและรายงานผลการดำเนินงานในทุกโครงการตั้งแต่ปีการผลิต 2547/48 เป็นต้นมา ส่งให้ สตง. ตรวจสอบ และเผยแพร่ให้สาธารณชนทราบโดยเร็ว
และ 4.เพื่อให้การบริหารจัดการข้าวตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการจำหน่ายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และยั่งยืน ควรให้ความสำคัญต่อการดำเนินการแก้ไขปัญหาการผลิตข้าวที่แท้จริง คือปัญหาด้านการผลิต และปัญหาด้านการตลาด ควบคู่ไปกับการดำเนินงานโครงการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวตามนโยบายของรัฐบาล โดยพิจารณาให้มีการบูรณาการแก้ไขปัญหาการผลิตข้าวอย่างเป็นระบบครบวงจรภายใต้กิจกรรมการส่งเสริมสนับสนุนของหน่วยงานรัฐ การยกระดับมาตรฐานคุณภาพการผลิตสินค้าข้าวไทยให้เป็นสินค้าที่มีคุณภาพสูง และส่งเสริมการพัฒนาตลาด การวิจัยสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้าข้าว
ทั้งหมดนี้คือเนื้อหาแบบ “จัดเต็ม” ของ สตง. และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เห็นว่า “โครงการรับจำนำข้าว” ของรัฐบาล มีความผิดปกติ และส่อทุจริตอย่างชัดแจ้ง
และมีการส่งข้อมูลให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับทราบอย่างเป็นทางการไปแล้ว เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2557 พร้อมกับหนังสือสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ด่วนที่สุด เลขที่ ตผ ๐๐๑๒/๐๒๘๐ เรื่อง การตรวจสอบและศึกษาวิเคราะห์โครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล
โดยเบื้องต้น สตง. ยืนยันความเห็นชัดเจนว่า การดำเนินโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล มีปัญหาทุจริตเกิดขึ้นทุกขั้นตอน!