- Home
- Isranews
- เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา
- เสียงจากผู้แพ้ "เพชรดาว โต๊ะมีนา" ลง ส.ว.เที่ยวนี้เพื่อกู้ศักดิ์ศรีและดูแลประชาชน
เสียงจากผู้แพ้ "เพชรดาว โต๊ะมีนา" ลง ส.ว.เที่ยวนี้เพื่อกู้ศักดิ์ศรีและดูแลประชาชน
รู้ผลกันไปแล้วสำหรับการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยที่ จ.ปัตตานี ผู้สมัครจากตระกูลดังอย่าง เพชรดาว โต๊ะมีนา กลายเป็นผู้ปราชัย
เพชรดาว หรือ โซไรดา ซึ่งคนในพื้นที่เรียกกันติดปากว่า "หมอจอย" นั้น เป็นผู้หญิงคนเดียวที่ลงสู่สนามเลือกตั้ง ส.ว.ในสามจังหวัดชายแดน เธอเป็นลูกสาวคนโตของ เด่น โต๊ะมีนา นักการเมืองชาวปัตตานีผู้โด่งดังในฐานะหนึ่งในผู้ก่อตั้งกลุ่มวาดะห์ และเคยเป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง รวมทั้งเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย หรือแม้กระทั่ง ส.ว.ปัตตานี จากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540
ด้วยความเป็นลูกสาวของ เด่น โต๊ะมีนา ทำให้หลายคนแทบไม่เชื่อว่า เพชรดาว จะพ่ายแบบไม่มีลุ้นเช่นนี้ เพราะตัวของเธอเองก็ทำงานให้กับพี่น้องสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่น้อย โดยในฐานะ "หมอ" เธอเป็นผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพจิตที่ 12 กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข รับผิดชอบ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง ในฐานะ "ผู้หญิง" เธอทำงานด้านเครือข่ายสตรีและเด็ก ในฐานะ "คนพื้นที่" เธอก็ทำงานด้านเยียวยากับประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบ
ทั้งยังเป็นหนึ่งในคณะที่ปรึกษาผู้อำนวยการคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.จชต.) ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย สมัยที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นั่งเป็น ผอ.ด้วย
เพชรดาว เปิดใจให้สัมภาษณ์กับ "ทีมข่าวอิศรา" ถึงการตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งหนนี้ แม้จะเป็นการพูดคุยกันก่อนจะรู้ผลเลือกตั้ง เพราะช่วงนั้นนำเสนอไม่ได้เนื่องจากติดปัญหาข้อกฎหมาย "ห้ามหาเสียง" ในการเลือกตั้ง ส.ว. แต่บทสัมภาษณ์ชิ้นนี้ก็ยังไม่ล้าสมัย เพราะทำให้มองเห็นถึงเหตุผลเบื้องหลังการก้าวเข้าสู่สนามการเมืองของ "หมอจอย" รวมทั้งความตั้งใจของเธอหากได้รับตำแหน่ง และยังมีบางแง่มุมที่สามารถอธิบายถึงผลการเลือกตั้งด้วยว่า ทำไมเธอจึงกลายเป็น "ผู้แพ้"
O ตัดสินใจลงสมัคร ส.ว.ครั้งนี้ด้วยเหตุผลอะไร?
จริงๆ เพิ่งตัดสินใจเมื่อปลายเดือน ก.พ.นี้เอง พ่อถามว่ามีเงินอยู่เท่าไหร่ หมอก็บอกว่ามีเงินเก็บจำนวนหนึ่ง แล้วพ่อให้รวมญาติเพื่อถามความเห็นและขอความช่วยเหลือ ซึ่งญาติๆ เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ก็เห็นด้วย เพราะสิ่งที่ตระกูลโต๊ะมีนาถูกกลั่นแกล้งมาทุกรัฐบาล คือ ข้อหาแบ่งแยกดินแดน ซึ่งโดนมาตั้งแต่สมัยคุณปู่ (ฮัจญีสุหรง โต๊ะมีนา) จนมาถึงรุ่นพ่อ ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นหัวหน้า หากมีคนของโต๊ะมีนาได้เข้าไปทำงาน จะทำให้เขาได้รู้ถึงตัวตนของคนชายแดนใต้
ขนาดพ่อเป็น ส.ส.มาถึง 8 สมัย ทำงานในรัฐสภามาตลอดยังถูกกล่าวหา ทั้งที่เป็นหลักฐานเท็จ พ่อต้องต่อสู้เพื่อคนมลายู ผลักดันการคลุมฮิญาบ การก่อตั้งธนาคารอิสลาม จึงคิดว่าหากหมอได้รับการยอมรับได้เข้าไปเป็น ส.ว.จะสามารถทำหน้าที่ที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องมุสลิมทั้งประเทศได้
O มุสลิมะฮ์ (หญิงมุสลิม) ลงเลือกตั้งระดับนี้ขัดกับหลักการศาสนาอิสลามหรือไม่?
ได้เรียนรู้ว่าผู้หญิงมุสลิมกับบทบาททางการเมืองยังไม่ค่อยเด่นชัด ผู้หญิงไม่ใช่ผู้นำ แม้หมอจะแย้งด้วยการนำใบรับรองจากคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานีมายืนยันว่า ตำแหน่ง ส.ว.ไม่ใช่ผู้นำ แต่เป็นผู้แทนในพื้นที่ ก็ยังไม่ได้ผล เพราะบริบทของพื้นที่ ตลอดจนขนบธรรมเนียม และวิถีวัฒนธรรมเปลี่ยนแปลงลำบาก ถ้าพูดตามสภากาแฟจะมีการบอกว่าอย่าเลือกให้ผู้หญิงเป็นผู้นำ แต่เราต้องทำในฐานะเป็นมุสลิม ทำให้ ส.ว.และ ส.ส.มุสลิมมารวมกันให้เป็นเอกภาพ เพื่อเป็นปากเสียงให้สังคมมุสลิมได้
จริงๆ ในเรื่องนี้ทางคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานีได้มีคำชี้แจงเรื่องมุสลิมะฮ์สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ว. และ ส.ส.ได้ เมื่อวันที่ 17 เม.ย.2542 โดยคณะผู้ทรงคุณวุฒิด้านศาสนาอิสลาม (ลิจนาตูลอูลามา) ประชุมวินิจฉัยและได้มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ตัวแทนประชาชน ซึ่งหมายถึง ส.ส. และ ส.ว.ตามรัฐธรรมนูญใหม่ (รัฐธรรมนูญปี 2540) จะมีฐานะเป็นผู้แทนประชาชน ไม่ใช่ผู้นำประชาชน ฉะนั้น มุสลิมะฮ์ จึงลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ว.และ ส.ส.ได้ ไม่ขัดกับหลักศาสนาอิสลาม
หากผู้หญิงได้เป็น ส.ว.จะทำให้มีปากมีเสียงมากขึ้น ประกอบกับสมัยนี้สังคมเปิดกว้างมากขึ้นสำหรับผู้หญิงที่มีความรู้จริงและสามารถทำงานได้อย่างมีคุณภาพ ดีกว่าเลือกผู้ชายที่ไม่มีคุณภาพเข้าไป
O จำได้ว่าเคยลงสมัคร ส.ส.มาแล้วครั้งหนึ่ง และไม่ได้รับการเลือกตั้ง คิดว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไร และการลงสมัคร ส.ว.ครั้งนี้มีความตั้งใจจะทำอะไร?
เมื่อ 8 ปีที่แล้วที่ลงมาทำงาน หมอยังไม่เป็นที่รู้จักของคนในพื้นที่แต่ได้ลงสมัคร ส.ส. ทำให้พลาดไป แต่วันนี้หมอทำงานในพื้นที่มาเกือบสิบปี ยังขยับได้ประเด็นเดียวคือเด็กและผู้หญิง เรารู้ว่าหากจะทำให้พื้นที่สงบได้ ต้องทำในประเด็นเด็ก แต่จากการประสานงานมาตลอดกลับไม่เกิดผล แต่ละกระทรวงก็ให้ความสำคัญกับงานของตัวเอง แต่งานเยียวยาจิตใจต้องร่วมมือกันทำ ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ แต่ละหน่วยงานทำกันไปและซ้ำซ้อนกัน ไม่มีการคิดมาจากข้างบน (ระดับนโยบาย) เลยว่าสถานการณ์ความรุนแรงเกิดมา 10 ปีแล้วจะทำอย่างไรกับเด็กที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ ไม่มีการมองในระยะยาว
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เองก็ไม่มีประเด็นเรื่องภาคใต้อย่างชัดเจน คณะกรรมการอยู่กรุงเทพฯ ไม่กล้าลงมาในพื้นที่ จริงๆ แล้วมีคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติประจำจังหวัด มีงบประมาณทุกอย่าง แต่ไม่คิดทำอะไร มองเป็นงานประจำ ซึ่งจริงๆ ต้องมีรูปแบบใหม่ที่เหมาะกับพื้นที่
ประเด็นเด็กและผู้หญิงที่ชายแดนใต้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ บางครั้งการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีก็มีผลอย่างมาก ทำให้งานไม่ต่อเนื่อง 10 ปีที่ผ่านมาเป็นแค่งานอีเวนท์ (คล้ายกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อสร้างกระแสเป็นพักๆ) หรืองานเฉพาะหน้าที่ทำแล้วจบไป ไม่มีความต่อเนื่อง จนเด็กกำพร้าเพิ่มจำนวนเป็น 5 พันกว่าคนในขณะนี้ ไม่มีการรวบรวมข้อมูลที่เป็นเอกภาพว่าเราให้ทุนการศึกษาได้กี่คน ให้ทุนได้ถึงระดับไหน รวมทั้งวัฒนธรรมของผู้หญิงในพื้นที่ที่ไม่ได้ทำงานนอกบ้านหรือรับผิดชอบงานมาก่อน เมื่อสูญเสียเสาหลักของครอบครัวไป ทำให้เกิดหญิงหม้ายเพิ่มขึ้นทุกวัน ขณะนี้เรามีชมรมผู้หญิงหม้าย 33 ชมรม ต้องมีการกระตุ้นให้แต่ละกลุ่มมีความเข้มแข็ง ซึ่งบางส่วนแข็งแรง สามารถยืนได้ด้วยตัวเอง
ตลอด 9 ปีที่ผ่านมาหมอช่วยเหลือกลุ่มแม่หม้ายกว่า 6,000 คน รวมถึงเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้กรมสุขภาพจิตสามารถวางระบบการทำงานด้านรักษาเยียวยาจิตใจ กระทั่งได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้มีนักจิตวิทยาประจำทุกโรงพยาบาลในสามจังหวัดชายแดนใต้จำนวน74 คน
เรื่องเด็กเป็นงานที่ยากมาก อยากให้มีการดูแลอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะด้านการศึกษา รัฐไม่เยียวยาอะไรให้ก็ไม่เป็นไร แต่การศึกษาต้องให้ทุกคน เพราะเป็นรากฐานที่จะบ่มเพาะคนขึ้นมา ขณะนี้มีเด็กที่ได้รับการเยียวยา 6,000 คน แม้รัฐให้การศึกษา แต่อยากให้รัฐมีระบบการติดตามดูแลและประเมินผลอย่างใกล้ชิดจนกว่าจะจบการศึกษาและมีงานทำด้วย แต่ตอนนี้รัฐทำเพียงให้เงินแบบให้แล้วให้เลย โดยไม่มีการประเมินว่าสิ่งที่รัฐให้ไปคุ้มค่าไหม การเยียวยาต้องทำอีกนาน โดยเฉพาะกับเด็กๆ ที่ต้องปลูกฝังบ่มเพาะเรื่องดีๆ ให้เขา เพราะอนาคตของเราฝากไว้ที่เขา ถ้าเด็กเหล่านี้เติบโตขึ้นไปเป็นคนดี เชื่อว่าอีกไม่นานชายแดนใต้ของเราจะกลับมาสันติสุขดังเดิม
O หากรับการไว้วางใจจากพี่น้องในพื้นที่ คิดว่าจะทำหน้าที่ ส.ว.ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ได้ในเรื่องใดบ้าง?
ในฐานะ ส.ว.มีหน้าที่ต้องตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหาร (รัฐบาล) เราก็สามารถเชิญรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ลงมาดูในพื้นที่ได้ นอกจากนั้นวุฒิสภาก็มีบทบาทกลั่นกรองกฎหมาย มีกฎหมายหลายฉบับที่เกี่ยวข้องกับอิสลามยังค้างอยู่ที่ต้องมีการพูดคุยผลักดันกันต่อให้เป็นรูปธรรม ทั้งร่าง พ.ร.บ.ซะกาต ฮัจญ์ และเรื่องอาหารฮาลาล ซึ่ง ส.ส.และ ส.ว.มุสลิมควรร่วมกันผลักดัน และในความเป็นผู้หญิงที่เคยทำงานมา สามารถประสานเรื่องนี้ได้ หาก ส.ส.และ ส.ว.ชายแดนใต้รวมกันเป็นกลุ่มก้อน จะสามารถผลักดันในหลายเรื่องได้ เมื่อประชาชนเลือกมาต้องทำประโยชน์ให้ได้มากที่สุด
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 ป้ายหาเสียงของหมอเพชรดาว
2 เพชรดาว โต๊ะมีนา หรือ "หมอจอย"