- Home
- Isranews
- เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา
- กิริยา“ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ”คดีจำนำข้าว-ซุกหุ้น “ป.ป.ช.มีไว้สอบกุ๊ย”
กิริยา“ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ”คดีจำนำข้าว-ซุกหุ้น “ป.ป.ช.มีไว้สอบกุ๊ย”
เทียบกิริยา 2 พี่น้องชินวัตร “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์”จากคดีซุกหุ้นหมื่นล้าน กับคดีปล่อยโกงจำนำข้าวหลายแสนล้าน กับคำประกาศก้องที่อยุธยา“ป.ป.ช.มีไว้สอบกุ๊ย”
มีปฏิกิริยาที่คล้ายกันของ 2 พี่น้องตระกูลชินวัตร ระหว่างน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว ภายหลังถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีร้องขอให้ถอดถอนออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและกรณีกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญาเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พี่ชาย หลังถูกเปิดโปงคดีซุกหุ้นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. (ซุกหุ้นภาคแรก) เมื่อหลายปีก่อน
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เรียบเรียงมาเสนอดังนี้
คดีไม่ระงับยับยั้งการทุจริตจำนำข้าว ภายหลังถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ตั้งอนุกรรมการไต่สวน น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์ และโพสต์ เฟสบุ๊ค อย่างน้อย 4 ครั้ง
20 ก.พ.2557 น.ส.ยิ่งลักษณ์โพสต์เฟสบุ๊ค ระบุ ป.ป.ช. ไม่เป็นธรรม อ้างว่าใช้เวลาในการดำเนินคดีเพื่อแจ้งข้อหาเพียง 21 วัน และน.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ไม่ใช่ผู้ปฏิบัติ (เรื่องจำนำข้าว)แต่กลับถูกกล่าวหา
18 มี.ค.2557 น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้ชี้แจงข้อกล่าวหา ภายใน 15 วันว่า มีความหนักใจในการชี้แจงต่อ ป.ป.ช. เนื่องจากได้เอกสารจำนวน 49 หน้า และไม่ครอบคลุมถึงเนื้อหาที่ถูกกล่าวหา จึงจะหารือกับทีมทนายความ และประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป และบอกอีกว่าที่ผ่านมาได้ให้ความร่วมมือกับ ป.ป.ช.มาโดยตลอด แต่อยากให้ ป.ป.ช.ให้ความเป็นธรรม และความเสมอภาคกับผู้ที่ถูกกล่าวหาให้เท่าเทียมกันเหมือนคนอื่นๆ
28 มี.ค.2557 น.ส.ยิ่งลักษณ์โพสต์เฟสบุ๊คว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ควรให้ความเป็นธรรม เหมือนเช่นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองคนอื่นๆ และกล่าวหาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ควรจะเป็นคนกลางในการพิจารณาคดีคำร้องถอดถอน และเมื่อคดีนี้มีความพิเศษกว่าปกติ คือ การที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กลับมาเป็นคู่กรณีเสียเองเช่นนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมิใช่คนกลางที่จะอำนวยความยุติธรรม
30 มี.ค.2557 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ตั้งข้อสงสัยถึงความเป็นธรรมในการทำงานของ ป.ป.ช. หวังว่าทาง ป.ป.ช.จะมีคำตอบให้เราในเรื่องของกระบวนยุติธรรมว่าได้ปฏิบัติกับเราเหมือนกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่นๆ หรือไม่ เพราะเราเห็นว่าในหลายคดีที่มีการขอเร่งคดี บางคดีก็เกือบจะขาดอายุความ หรือบางเรื่องก็นาน เอกสารไม่ครบ แต่ของเราใช้เวลาเพียง 15 วัน แม้ว่าจะมีการพูดคุยกันก่อน แต่อย่างไรก็ตาม การตั้งข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการใช้เวลาเพียงแค่ 21 วัน
ก่อนเข้าชี้แจงข้อกล่าวหาต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อ 31 มี.ค.2555 โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที และไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน
ขณะที่คดีซุกหุ้น หลังจากถูกเปิดโปงตั้งแต่เดือนกันยายน 2543 พ.ต.ท.ทักษิณไม่เคยชี้แจงในรายละเอียดเกี่ยวกับการโอนหุ้นเลย แต่ใช้วิธีตอบคำถามผู้สื่อข่าวแบบเลี่ยงไปเลี่ยงมา ทำนองว่า “ไม่มีอะไร”อยู่เสมอ
ขณะเดียวกันก็มักจะแสดงอารมณ์หงุดหงิดออกมาเป็นระยะ
ในช่วงแรกๆ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอย่างดุเดือดว่า “ผมยังไม่ได้เป็นรัฐมนตรีมาตรวจสอบได้อย่างไร ทำเกินหน้าที่ การถือหุ้น 7 คน เป็นเรื่องปกติ”
ถัดมา พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งระหว่างเดินทางไปหาเสียงและเปิดตัวผู้สมัครส.ส.ในพื้นที่ภาคเหนือ ปรับลดอุณหภูมิเดือดลงมา
“เรื่องนี้ไม่มีอะไรเลย เป็นการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ทุกอย่างที่ทำขึ้นถูกต้องทั้งหมด การโอนหุ้นก็ทำมาตั้งแต่ปี 2536 ต้นปี 2537 ก่อนเข้าสู่การเมือง แต่มีการหยิบประเด็นไปพาดหัวเหมือนเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ความจริงคนละเรื่องกัน”
และทิ้งท้ายด้วยความหวาดระแวงว่า กำลังตกเป็นเป้าเมื่อเข้าสู่การเมือง และถ้าไม่แน่จริงคงไม่เข้ามาเล่นการเมือง เพราะรู้ว่าการเมืองไทยเป็นการเมืองแห่งการทำลายล้าง
ต่อมาเมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้ความสนใจและสั่งให้เจ้าหน้าที่เก็บข้อมูลข่าวที่สื่อมวลชนนำเสนอ อย่างต่อเนื่อง คราวนี้ดูเหมือนสร้างความหงุดหงิดในหัวใจให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณยิ่งนัก
ภายหลังเดินทางกลับจากประเทศเยอรมันนี วันที่ 25 กันยายน 2543 พ.ต.ท.ทักษิณบึ่งรถไปเปิดตัวผู้สมัครของพรรคไทยรักไทยที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เวลาประมาณหนึ่งทุ่มเศษขึ้นเวทีการปราศรัยหาเสียงอย่างดุเดือดว่า วันนี้ใครจะด่าอะไรก็เชิญ เพราะไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ทำไมต้องกลัว และคิดจะเอาไปเปรียบเทียบกับเสธ.หนั่น (พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ซึ่งยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ ในเรื่องเงินกู้ 45 ล้านบาท) มันคนละเรื่อง
“กฎหมาย ป.ป.ช. แปลว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพราะฉะนั้นเขาเอาไว้ไล่กุ๊ยที่เข้ามาในการเมืองแล้วโกงออกไป เขาไม่ได้มีเอาไว้ป้องกันคนที่ทำมาหากินทั้งชีวิตไม่ให้เข้าการเมือง หลักมันง่ายนิดเดียว ทำไมต้องเอากติกาไล่กุ๊ยมาใช้เพื่อไล่เพื่อที่ให้คนที่ทำมาหากินโดยสุจริตเข้าการเมือง ไม่มีหรอกครับ เพราะฉะนั้นพี่น้องอย่าไปตกใจ ปล่อยให้กุ๊ยมันด่าไปไม่มีปัญหา ผมไม่สนใจหรอก เพราะฉะนั้นพี่น้องที่เคารพท่านมีความหวังกับผมกับพรรคไทยรักไทย
“ต่อไปนี้ตอร์ปิโดหลายลูกมาลงที่ผมเพราะที่ผมยืนยันอย่างนี้ พักหนี้พี่น้องเกษตรกร 3 ปีก็เรื่องของผม ตั้งกองทุนหมู่บ้านๆละ 1 ล้านบาทก็เรื่องของผม เพราะฉะนั้นต้องยิงผมคนเดียวเท่านั้นเอง ถามผมว่าผมกลัวไหม ไม่กลัว”
ภายหลังพ.ต.ท.ทักษิณปราศรัยจบ สื่อมวลชนจับประเด็นคำปราศรัยไปพาดหัวข่าวในวันรุ่งขึ้น 26 กันยายน 2543 บางฉบับระบุว่า“พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่า ป.ป.ช.มีหน้าที่สอบกุ๊ย”
เพียง 1 วันหลังจากการปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ 28 ก.ย. 2543 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงคดีซุกหุ้น มีคุณหญิงปรียา เกษมสันต์ ณ อยุธยา เป็นประธาน
ภายหลังจากทราบมติ ป.ป.ช.หัวหน้าพรรคไทยรักไทยให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ครานี้ลดโทนเสียงลงมาในระดับเกือบปกติว่า การโอนหุ้นของ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนละเรื่องกับคดี 45 ล้านของ พล.ต.สนั่น หลักการป้องกันและปราบปรามการคอร์รัปชั่น เป็นการป้องกันคนโกงแต่ไม่ใช่ การป้องกันคนที่ทำมาหากินเข้ามาสู่ระบบการเมือง คนละเรื่อง หลักมันมีแค่นี้ และพยายามชี้ว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กที่ถูกหยิบมาเป็นประเด็นทางการเมืองเพียงอย่างเดียว เป็นการเมืองระบบเก่าที่ต้องการทำลาย พ.ต.ท.ทักษิณที่ตั้งใจมาแก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชน
8 ธันวาคม 2543 พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าชี้แจงข้อกล่าวหาต่อคณะอนุกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน ป.ป.ช. และเปิดแถลงข่าวที่ อาคารชินวัตร 3 พร้อมเอกสาร 8 แผ่น
26 ธ.ค. 2543 คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติ 8 ต่อ 1 เสียง (กรรมการเสียงส่วนน้อยคือ นายประสิทธิ์ ดำรงชัย) ว่า พ.ต.ท.ทักษิณจงปกปิดทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเข้าไปปักหลักอยู่ในพรรคไทยรักไทย อาคารชินวัตร 3 ตั้งแต่ช่วงบ่ายมีอาการเครียดทันที หลังจากทำใจให้สงบได้ออกมาสร้างความเชื่อมั่นต่อลูกพรรค พร้อมทั้งประกาศก้องไปยังสาธารณชนว่า กระบวนการพิจารณาคดียังไม่สิ้นสุด จะขอสู้ตายในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ
ขณะที่คดีจำนำข้าว ไม่มีใครรู้ว่าชะตากรรม น.ส.ยิ่งลักษณ์ในชั้น ป.ป.ช.จะเป็นอย่างไร?
กระนั้นสิ่งคล้ายกันคือ สงสัยต่อการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. และมองเป็นเรื่อง “การเมือง”ด้วยกันทั้งคู่