เหตุระเบิดคาร์บอมบ์หน้าโรงแรมเซาท์เทิร์น วิว ปัตตานี เมื่อคืนวันที่ 23 ส.ค.59 ซึ่งคนร้ายได้ขโมยรถยนต์ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลปะกาฮะรัง ไปประกอบระเบิดเพียงชั่วโมงเดียว แล้วขับไปก่อเหตุ นับเป็นการวางแผนโจมตีอีกรูปแบบหนึ่งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ผ่านมาแล้ว 4 วัน สำหรับเหตุระเบิดเขย่าภาคใต้ 7 จังหวัด พยานหลักฐานต่างๆ เริ่มชัดเจนขึ้น ตำรวจเริ่มทยอยออกหมายจับผู้ต้องหา ขณะที่ในทางการสืบสวน ทั้งตำรวจ ทหาร หิ้วตัวผู้ต้องสงสัยไปสอบปากคำหลายสิบราย
เหตุรุนแรงป่วนภาคใต้ครั้งนี้เกิดขึ้นทั้งหมด 7 จังหวัด คือ ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช กระบี่ พังงา ภูเก็ต และประจวบคีรีขันธ์
ข้อมูลรายงานผลการนับคะแนนการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญอย่างไม่เป็นทางการในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังมีประเด็นที่น่าสนใจและน่าหยิบมาพิจารณาอยู่ไม่น้อย
พลเอก ซุลกิฟลี บิน โมฮัมหมัด ซิน ผู้บัญชาการทหารสูงสุดมาเลเซีย เรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง เฝ้าระวังแนวชายแดนไทย-มาเลเซียอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการลอบเข้าประเทศของสมาชิกกลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอเอส
แม้เหตุการณ์รถยนต์พุ่งชนศาลพระพรหมเมื่อวันศุกร์ที่ 22 ก.ค.59 จะเป็นเรื่องของโรคภัยที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน ไม่ใช่เรื่องก่อการร้ายคล้ายขับรถบรรทุกพุ่งชนฝูงคนที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส
เหตุการณ์โจมตีในวันชาติฝรั่งเศส ด้วยการขับรถบรรทุกพุ่งเข้าชนฝูงชนที่เมืองนีซ เมื่อชายทะเลทางตอนใต้ของประเทศ ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 80 ราย โดยคนร้ายบุกเดี่ยว ก่อการคนเดียวนั้น นับเป็นการโจมตีใหญ่ครั้งที่ 3 ที่ฝรั่งเศสตกเป็นเป้าในห้วงเวลาปีครึ่งที่ผ่านมา
ความเคลื่อนไหวของกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ ไอเอส ขยับเข้าใกล้ไทยมากยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อมีการเผยแพร่หนังสือพิมพ์ออนไลน์ทั้งภาษาอินโดฯ และภาษามาเลย์ เพื่อสื่อสารกับบรรดาผู้สนับสนุนของตน โดยมีรายงานว่ามีการแจกจ่ายหนังสือพิมพ์ที่ว่านี้ครอบคลุมพื้นที่ทางภาคใต้ของไทยด้วย
ระยะนี้ข่าวการก่อการร้ายตามเมืองสำคัญต่างๆ ของโลกเกิดขึ้นถี่จนแทบจะกลายเป็นข่าวรายวันหรือรายสัปดาห์ไปแล้ว