นอกจากแนวทาง “ดับไฟใต้” ตามยุทธศาสตร์คู่ขนานคือ “ความมั่นคง” ควบคู่ “งานพัฒนา” ซึ่งทำกันมาหลายปี โดยมีหน่วยงานรับผิดชอบหลักคือกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) แล้ว ในช่วง 1-2 ปีมานี้ยังเกิดกระแส “กระจายอำนาจ” ซึ่งพูดถึงกันอย่างกว้างขวางในหมู่นักวิชาการและภาคประชาสังคมด้วย
ในห้วงของการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลซึ่งหลายฝ่ายคาดหวังว่าจะมี “อะไรใหม่ๆ” เพื่อเป็น “จุดเปลี่ยน” สำหรับการคลี่คลายสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น มีข้อเสนอซึ่งเป็นรูปธรรมพอสมควรของกลุ่มนักศึกษาหลักสูตรการเสริมสร้างสังคมสันติสุข รุ่นที่ 2 หรือ “4 ส.2” สถาบันพระปกเกล้า ซึ่งเตรียมสรุปรายงานส่งถึงรัฐบาลชุดใหม่ในราวเดือน ต.ค.นี้
แม้จะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล แต่สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ยังเข้มข้น ทั้งในมิติของการก่อเหตุรุนแรง ไม่ว่าจะเกิดจากฝีมือกลุ่มก่อความไม่สงบ หรือกลุ่มอิทธิพลค้าของผิดกฎหมายตามที่ฝ่ายทหารพยายามสื่อสารกับสังคมก็ตาม ขณะที่อีกด้านก็มีความเคลื่อนไหวในมิติ "เวทีวิชาการ" อย่างคึกคัก เพื่อผลักดันให้เกิดการกระจายอำนาจ ตั้งองค์กรปกครองท้องถิ่นแบบพิเศษรูปแบบใหม่
“ความขัดแย้งทุกเรื่องทุกที่บนโลกใบนี้ล้วนยุติลงบนโต๊ะเจรจา” เป็นสัจธรรมที่พิสูจน์แล้วและไม่มีใครปฏิเสธ หลายคนจึงเชื่อว่าการจะหยุดสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างยั่งยืน ย่อมหนีไม่พ้นการ “เปิดเจรจา” เช่นกัน
ช่วงก่อนหย่อนบัตรเลือกตั้งที่ชายแดนใต้ มีการจัดเวทีประชันนโยบายและวิสัยทัศน์ผู้สมัครตลอดจนพรรคการเมืองหลากหลายเวที แต่มีเวทีหนึ่งที่น่าสนใจและไม่ได้ให้น้ำหนักกับฝ่ายการเมืองเพียงฝ่ายเดียว เพราะเปิดรับฟังเสียงจากตัวแทนทุกภาคส่วนในพื้นที่ คือเวทีสานเสวนาทางวิชาการเรื่อง “พลเมืองกับการเลือกตั้งที่เที่ยงธรรม: สู่การดับไฟใต้”
ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ลุกลามบานปลายยิ่งขึ้นจากปม “ความไม่เป็นธรรม” ซึ่งมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาของผู้คนจำนวนมาก เป็นการตายที่มิอาจพิสูจน์ได้ว่าเป็นฝีมือของฝ่ายใด เพราะติดเงื่อนไขตามหลักการศาสนาอิสลามที่ให้ทำพิธีฝังศพภายใน 24 ชั่วโมง
สถานการณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับจังหวัดชายแดนภาคใต้ในห้วงเวลานี้ยังคงมีความเคลื่อนไหวด้านคดีความมั่นคง ปมสิทธิมนุษยชน และการใช้อำนาจสั่งย้ายข้าราชการออกจากพื้นที่ของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) อย่างน่าจับตา...
"นับแต่อดีตมาลูกสตูลไม่เคยอดตาย เพราะสตูลเป็นผืนแผ่นดินที่สมบูรณ์พูนสุข สตูลเป็นพื้นที่ที่บรรพบุรุษของเราบุกเบิกสร้างเมือง และสตูลยังเป็นดินแดนมุสลิมชายแดนใต้ที่แสนสงบ ทั้งยังเป็นแหล่งรวมทุกเชื้อชาติศาสนาอยู่ด้วยกันอย่างสันติสุข เราจึงเป็นลูกสตูลในแผ่นดินสตูล แผ่นดินใต้ แผ่นดินไทย ไม่ใช่แผ่นดินอื่น"
ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยืดเยื้อมานานกว่า 7 ปี และยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงง่ายๆ ได้กดดันให้ส่วนราชการโดยเฉพาะที่ดูแลงานด้านความมั่นคงต้องปรับยุทธศาสตร์และปรับองค์กรเพื่อก้าวให้ทันปัญหา ก่อนที่จะสายเกินเยียวยา
ในร่างรายงานสมุดปกขาว "โครงการค้นหากุญแจสู่สุขภาวะชายแดนใต้" ซึ่งจัดทำโดยศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล นอกจากจะมีข้อเสนอ "ปลดชนวนขัดแย้ง" หลายต่อหลายมิติตามที่ "ทีมข่าวอิศรา" เคยนำเสนอไปแล้ว เนื้อหาหลักของร่างรายงานฉบับนี้ยังให้รายละเอียดเกี่ยวกับ "การสานเสวนา" ซึ่งเป็นแนวทางที่หลายฝ่ายเชื่อว่าจะสามารถลดช่องว่างของความแตกต่าง และค้นหาหนทางสถาปนาสันติสุขให้เกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืน