- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- เปิดรายละเอียด 3 คนไทยถูกมาเลย์รวบพร้อมระเบิด ยะลา"วิฯ"รายวัน
เปิดรายละเอียด 3 คนไทยถูกมาเลย์รวบพร้อมระเบิด ยะลา"วิฯ"รายวัน
แวดาโอ๊ะ หะไร / อับดุลเลาะ หวังนิ
อะหมัด รามันสิริวงศ์
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
เปิดข้อมูล 3 คนไทยที่ถูกตำรวจมาเลย์จับคาบ้านพร้อมอุปกรณ์ประกอบระเบิด เผยเป็นชาวนราธิวาส ของกลางมีทั้งเอ็ม 16 อาก้า เครื่องกระสุน ไดนาไมท์กว่าร้อยแท่ง และปุ๋ยยูเรีย สอบเครียดหาที่ซ่อนยุทธภัณฑ์พร้อมขยายผลเครือข่าย ทหารไทยรับลูกกดดัน 4 อำเภอชายแดน ยะลายังป่วน “วิฯ” รายวันเพิ่มอีกศพ
ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจปาเสมัส ในรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย นำกำลังบุกเข้าจับกุมคนไทย 3 คน พร้อมยึดของกลางเป็นอุปกรณ์ประกอบระเบิดจำนวนมาก ที่บ้านเลขที่ 17 บ้านแกเด็ง ต.บาโงสะโต อำเภอปาเสมัส รัฐกลันตัน ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบ้านแฆแบ๊ะ หมู่ 1 ต.นานาค อ.ตากใบ จ.นราธิวาส นั้น
ล่าสุดมีรายละเอียดเกี่ยวกับคดีดังกล่าวเพิ่มเติม โดยคนไทย 3 คนที่ถูกจับนั้น ประกอบด้วย
1. นายมูฮำหมัดฟาโร บินยาการียา อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 130 หมู่ 2 ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส
2. นายมะยูไน บินเจ๊ะดอเลาะ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 71 หมู่ 2 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จ.นราธิวาส
3. นายสารี มูฮำหมัด บินอับดุลฮาสิ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 120 หมู่ 5 ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส
สำหรับของกลางที่ยึดได้จากภายในบ้าน อาทิ กระสุนปืนพกสั้น ขนาด .32 จำนวน 48 นัด กระสุนปืนพกสั้น ขนาด .38 จำนวน 210 นัด ไดนาไมท์ จำนวน 136 แท่ง คู่มือประกอบวัตถุระเบิด 6 เล่ม ปุ๋ยแอมโมเนียมไนเตรท จำนวน 5 กิโลกรัม รีโมทรถยนต์ จำนวน 6 ชุด ถ่านไฟฉายขนาด 12 โวลต์จำนวน 8 ก้อน ถ่านไฟฉายขนาด 9 โวลต์ จำนวน 9 ก้อน รถยนต์เก๋งยี่ห้อโปรตรอน สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน WKB 7153 จำนวน 1 คัน อาวุธปืนสงครามเอ็ม 16 และอาก้า จำนวน 2 กระบอก แผนที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นต้น
มีรายงานว่า ดาโต๊ะราฮิบ ฮานาฟี หัวหน้าตำรวจรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย และตัวแทนกรมตำรวจกรุงกัวลาลัมเปอร์ ได้ควบคุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ไปสอบสวนขยายผลในทางลับที่สถานีตำรวจปาเสมัส เพื่อขยายผลเกี่ยวกับของกลางที่เชื่อว่าบุคคลทั้งสามยังซุกซ่อนไว้ตามสถานที่ต่างๆ อีกหลายแห่ง
แหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจปาเสมัส เปิดเผยว่า บุคคลทั้งสามให้ความร่วมมือกับการสอบสวนเป็นอย่างดี กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐกลันตันทราบเบาะแสของกลุ่มขบวนการที่คนเหล่านี้สังกัด ซึ่งโยงใยกันหลายกลุ่ม ทั้งคนมาเลเซียเองและกลุ่มคนไทยที่แฝงตัวเข้าไปค้าแรงงาน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐกลันตันได้เก็บรวบรวมข้อมูลของบุคคลทั้งสามเสนอผ่านไปยังตัวแทนกรมตำรวจกรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผู้ดำเนินการต่อ โดยเฉพาะการขยายผลและตรวจยึดอุปกรณ์ประกอบระเบิด ตลอดจนอาวุธสงครามที่เหลือ ก่อนดำเนินคดีและลงโทษบุคคลทั้งสามตามกฎหมายมาเลเซียต่อไป
ทหารลุยขยายผลล่าแนวร่วม 4 อำเภอรอยต่อ
พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) กล่าวว่า ได้รับการยืนยันจากทางการมาเลเซียว่า ได้ควบคุมตัวคนไทย 3 คนพร้อมอุปกรณ์ที่เชื่อว่าอาจนำไปประกอบวัตถุระเบิดจริง โดยของกลางที่ยึดได้ เช่น ระเบิดชนิดแท่งจำนวนกว่าร้อยแท่ง ปุ๋ยเคมี 5 กิโลกรัม โดยจับกุมได้ที่รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย เบื้องต้นได้ประสานให้กงสุลไทยในมาเลเซียเร่งติดตามความคืบหน้ากรณีที่เกิดขึ้นแล้ว เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ตรงกันสำหรับการขยายผลหลังการจับกุม
"ขณะนี้ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าการควบคุมตัวคนไทยทั้ง 3 คนเป็นผลมาจากการขยายผลเปิดปฏิบัติการกดดันกลุ่มผู้ก่อเหตุความไม่สงบที่กบดานในพื้นที่ชายแดนมาเลเซียโดยตรง หรือเป็นการตรวจค้นเป้าหมายทั่วไปแล้วบังเอิญพบกลุ่มผู้ต้องสงสัยจึงควบคุมตัวไปตรวจสอบ ข้อเท็จจริงเหล่านี้จะมีส่วนช่วยในการเชื่อมโยงการแกะรอยหากลุ่มขบวนการที่เกี่ยวข้องได้เร็วและง่ายมากขึ้น ซึ่งคงต้องรอการประสานข้อมูลจากมาเลเซีย"
พ.อ.บรรพต กล่าวอีกว่า การจับกุมที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่า กลุ่มขบวนการที่ก่อความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้ จะสร้างเครือข่ายการทำงานไว้เป็นทีมและรับผิดชอบแต่ละพื้นที่อย่างชัดเจน ข้อมูลที่ได้จากการจับกุมในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับการติดตามเครือข่ายที่เหลือต่อไป โดยเฉพาะกลุ่มแนวร่วมในเขตพื้นที่รอยต่อ 4 อำเภอของ จ.นราธิวาส ที่ติดกับมาเลเซีย คือ อ.สุไหงโก-ลก ตากใบ แว้ง และสุคิริน
พล.ต.ต.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐ์พันธ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี (ผบก.ภ.จว.ปัตตานี) กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนที่ถูกจับที่มาเลเซีย เป็นมือผลิตระเบิดจริง และเป็นชาว จ.นราธิวาส ขณะนี้กำลังตรวจสอบเพิ่มเติมว่าอุปกรณ์ที่คนร้ายใช้ผลิตระเบิดนำมาจากไหน หาเอาในมาเลเซียหรือขนข้ามแดนไปจากฝั่งไทย
ยะลา"วิฯ"รายวัน บันนังสตาสังเวยอีกศพ
ด้านสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังคงร้อนแรงและเกิดการยิงปะทะจนนำไปสู่การวิสามัญฆาตกรรมโดยเจ้าหน้าที่รัฐอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 13.30 น.วันพุธที่ 16 ธ.ค.2552 ร.ต.ท.ศุภกิจ ศรีไพร ร้อยเวร สภ.บันนังสตา จ.ยะลา รับแจ้งมีเหตุยิงปะทะกัน ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง กับกลุ่มผู้ต้องสงสัย บนเนินเขาใกล้หมู่บ้าน บ้านอูแบ หมู่ 1 ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ทั้งนี้ ที่เกิดเหตุเป็นเนินเขาซึ่งแน่นขนัดไปด้วยป่ายางพารา อยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 500 เมตร พบศพ นายฮัมดี สามะ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46/1 บ้านอูแบ ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา สภาพศพถูกยิงตามร่างกายและต้นขาขวา ข้างตัวมีปืนพกสั้น ขนาด 9 ม.ม.ตกอยู่ 1 กระบอก
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ พ.อ.นิติ ติณสูลานนท์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา 15 พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผู้กำกับการ สภ.บันนังสตา พร้อมด้วยฝ่ายปกครอง ได้สนธิกำลังกันเข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านต้องสงสัยไม่มีเลขที่ ซึ่งอยู่ติดกับเนินเขา หลังได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า มีกลุ่มผู้ต้องสงสัยเป็นแนวร่วมก่อความไม่สงบไม่น้อยกว่า 5 คนกบดานอยู่ อย่างไรก็ดี เมื่อกลุ่มผู้ต้องสงสัยมองเห็นเจ้าหน้าที่ จึงพากันกระโดดลงจากบ้าน และหลบหนีขึ้นเขา แต่ก็ไปเจอกับกำลังตำรวจที่ดักรออยู่ในสวนยางพารา จึงเกิดการยิงปะทะกันราว 10 นาที
เมื่อเสียงปืนสงบลง จึงเข้าเคลียร์พื้นที่ พบศพ นายฮัมดี สามะ พร้อมทั้งควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเอาไว้อีก 3 คน ประกอบด้วย นายมอซือรี กอลำ อยู่บ้านเลขที่ 34 หมู่ 1 ต.กอลำ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี นายอับดุลนาเซะ กะตา อยู่บ้านเลขที่ 94/1 หมู่ 2 ต.กอลำ อ.ยะรัง เช่นกัน และนายดอรอแม กอลำ อยู่บ้านเลขที่ 58/2 หมู่ 1 ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา โดยนำตัวไปสอบสวนขยายผลเพื่อติดตามกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่เหลือซึ่งหลบหนีไปได้
สำหรับ นายฮัมดี จากการตรวจสอบประวัติที่เก็บรวบรวมโดยฝ่ายความมั่นคง พบว่าเคยก่อเหตุลอบวางระเบิดและซุ่มยิงทหาร ตำรวจ ในพื้นที่ อ.บันนังสตา เมื่อปี 2547 และมีหมายจับของ สภ.บันนังสตา ในคดีความมั่นคง
พบหลักฐานเหยื่อวิสามัญฯ2ศพโยงเหตุบึ้มรับผู้นำมาเลย์
ด้านความคืบหน้ากรณีทหารหน่วยเฉพาะกิจยะลา 11 สนธิกำลังกับตำรวจและฝ่ายปกครอง เข้าปิดล้อมตรวจค้นขนำในท้องที่ ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา และเกิดการยิงปะทะกับกลุ่มผู้ต้องสงสัย กระทั่ง นายบุครี กาลาตัน อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีความมั่นคงหลายคดี เสียชีวิตพร้อมกับ นายต่วนมานัส ตาแซ อายุ 27 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบประวัติของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย พบว่าเป็นผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับของ สภ.เมืองยะลา เคยก่อคดีรุนแรงมาหลายคดี ที่สำคัญคือคดีฆ่าและทำร้ายครูในเขต อ.เมืองยะลา 2 เหตุการณ์ นอกจากนั้น อาวุธปืนเอ็ม 16 กับอาวุธปืนพกสั้นที่ยึดได้จากที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์พบว่าเป็นปืนที่เคยก่อเหตุร้ายในเขต อ.เมืองยะลา จำนวน 4 เหตุการณ์
ผู้ว่าฯยะลา ยังยืนยันด้วยว่า ก่อนการยิงปะทะจนนำไปสู่การสูญเสียนั้น เจ้าหน้าที่ได้พยายามเจรจาขอให้คนร้ายออกมามอบตัวแล้ว แต่ปรากฏว่าฝ่ายคนร้ายได้ใช้อาวุธสงครามและอาวุธปืนพกประจำกายยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องยิงตอบโต้ อย่างไรก็ดี หลังจากนี้เชื่อว่าเหตุรุนแรงในเขต ต.ยุโป และท่าสาป อ.เมืองยะลา น่าจะลดน้อยลง
มีรายงานจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียด ยังพบวิทยุสื่อสารตกอยู่ 1 เครื่อง เมื่อดูยี่ห้อและหมายเลขเครื่องแล้ว พบว่าเป็นวิทยุสื่อสารล็อตเดียวกับที่พบในที่เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดบนถนนเลียบแม่น้ำปัตตานี เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่นายกรัฐมนตรีของไทยและมาเลเซียเดินทางลงพื้นที่ จ.นราธิวาส จึงคาดว่าคนร้ายที่เสียชีวิตน่าจะเกี่ยวพันกับกลุ่มที่ลอบวางระเบิดในวันดังกล่าวด้วย