- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- รมว.ยุติธรรม สั่งสอบพยานปากสำคัญคดีซ้อมผู้ต้องหาปล้นปืนหายตัวลึกลับ
รมว.ยุติธรรม สั่งสอบพยานปากสำคัญคดีซ้อมผู้ต้องหาปล้นปืนหายตัวลึกลับ
ทีมข่าวอิศรา
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สั่งการให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบกรณีมีข่าวว่า นายอับดุลเลาะห์ อาบูคารี อายุ 25 ปี พยานปากคำสำคัญในคดีซ้อมทรมานลูกความของ นายสมชาย นีละไพจิตร อดีตประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม หายตัวไปอย่างลึกลับจากละแวกบ้านในท้องที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส
เมื่อเร็วๆ นี้ ครอบครัวของ นายอับดุลเลาะห์ ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ระแงะ เพื่อให้ติดตามหาตัว นายอับดุลเลาะห์ ซึ่งเชื่อว่าหายตัวไปเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีรายงานจากองค์กรภาคประชาสังคมที่ทำงานในพื้นที่ว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 11 ธ.ค. เวลาประมาณ 19.00 น. นายอับดุลเลาะห์ได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านไปดื่มน้ำชากับเพื่อน กระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น. ได้ขี่รถกลับบ้าน ที่บ้านบือแจง ห่างจาก ต.บองอ อ.ระแงะ เพียงเล็กน้อย ทั้งนี้ ภรรยาของนายอับดุลเลาะห์ ได้ยินเสียงรถยนต์ขับผ่านหน้าบ้าน มีเสียงบีบแตร 3 ครั้ง และมีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด เมื่อออกไปดูไม่พบผู้ใด แต่ต่อมาพบรถจักรยานยนต์ที่คาดว่าเป็นของนายอับดุลเลาะห์ จอดอยู่ในสภาพปกติบริเวณทางเข้าหมู่บ้านตันหยงลิมอ อ.ระแงะ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของภรรยานายอับดุลเลาะห์ประมาณ 20 กิโลเมตร
นายอับดุลเลาะห์ เกิดเมื่อปี 2527 เป็นบุตรของ นายอาแว อาบูคารี และ น.ส.มัสตา เจะอูมา มีภรรยาชื่อ น.ส.รอฮานี ยูโซ๊ะ มีบุตรด้วยกัน 2 คน เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และอนุบาล 2
นายอับดุลเลาะห์ เป็นหนึ่งในพยานปากสำคัญในคดีซ้อมทรมานลูกความของ นายสมชาย นีละไพจิตร อดีตประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม ซึ่งคดีนี้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ และได้ทำสำนวนการสอบสวนส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวนเอาผิดข้าราชการตำรวจรวม 10 นาย ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีส่วนในการซ้อมทรมานผู้ต้องหาซึ่งเป็นลูกความของนายสมชาย เพื่อให้รับสารภาพว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปล้นอาวุธปืนจำนวน 413 กระบอก จากกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (ค่ายปิเหล็ง) อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547 ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการไต่สวนของ ป.ป.ช.
อย่างไรก็ดี ระหว่างการไต่สวน ปรากฏว่ามีข้าราชการตำรวจบางนายที่ถูกกล่าวหาได้ยื่นฟ้องพยานบางคนต่อศาลอาญาในข้อหาแจ้งความเท็จรวม 2 คดี คดีหนึ่งศาลมีคำสั่งไม่รับฟ้อง ส่วนอีกคดีหนึ่งยังอยู่ระหว่างรอไต่สวนมูลฟ้อง แม้ว่าพยานที่ถูกตำรวจฟ้องดังกล่าวจะไม่ใช่ นายอับดุลเลาะห์ แต่เขาและพยานที่ถูกฟ้องเป็นกลุ่มพยานที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของดีเอสไอตามพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ.2546 ขณะเดียวกันมีรายงานว่า นายอับดุลเลาะห์ ได้เดินทางกลับบ้านในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองของชาวมุสลิมเมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา และยังไม่ได้เดินทางกลับไปยังสถานที่พักพิงภายใต้การดูแลของดีเอสไอ กระทั่งมาหายตัวไปเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ดังกล่าว
แหล่งข่าวระดับสูงจากดีเอสไอ กล่าวว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นกับนายอับดุลเลาะห์แล้ว และได้สั่งการให้ดีเอสไอตรวจสอบเป็นการด่วน ขณะที่ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวกับ "ทีมข่าวอิศรา" ว่า ได้สั่งการให้ตั้งทีมตรวจสอบการหายตัวไปของนายอับดุลเลาะห์ แต่เบื้องต้นยืนยันว่าไม่ได้ถูกอุ้ม และไม่อยากให้ด่วนสรุปว่าเป็นการอุ้มหาย
สอดคล้องกับแหล่งข่าวระดับสูงจากดีเอสไออีกรายหนึ่ง ที่บอกว่า สำนักคดีอาญาพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบกรณีนี้ และได้ตั้งทีมลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น ยืนยันว่านายอับดุลเลาะห์ไม่ได้ถูกอุ้ม และไม่พบพฤติการณ์ว่ามีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลประทุษร้ายนายอับดุลเลาะห์แต่อย่างใด
"เรื่องนี้มีประเด็นที่ต้องตรวจสอบในทางลึก เพราะต้องถือว่าพยานฝ่าฝืนสัญญาการคุ้มครองพยาน ซึ่งดีเอสไอได้กำชับพยานตลอดเวลาว่าห้ามเดินทางกลับภูมิลำเนา แต่พยานรายนี้เดินทางกลับบ้าน กระทั่งเกิดเรื่องขึ้น อย่างไรก็ดี จากการรวบรวมข้อมูลของทีมสืบสวนดีเอสไอ ยังไม่พบหลักฐานการถูกอุ้มหรือประทุษร้าย จึงยังไม่สามารถสรุปได้ และอาจเป็นไปได้ที่พยานเกิดความเครียด จึงต้องการหลบหน้าหลบตาเจ้าหน้าที่" แหล่งข่าวจากดีเอสไอ ระบุ
พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) กล่าวกับ "ทีมข่าวอิศรา" ว่า ทาง กอ.รมน.ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องการหายตัวไปอย่างลึกลับของนายอับดุลเลาะห์ แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เมื่อได้ทราบข่าวจากสื่อเช่นนี้ ก็จะประสานไปยังหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ให้ตรวจสอบและช่วยกันติดตามหาตัวต่อไป