- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- ใต้เดือดบึ้มบาเจาะ อส.ดับ 3 แค่สามวันระเบิด-ยิง 10 จุดตายเจ็บระนาว
ใต้เดือดบึ้มบาเจาะ อส.ดับ 3 แค่สามวันระเบิด-ยิง 10 จุดตายเจ็บระนาว
แวดาโอ๊ะ หะไร / รอซิดะห์ ปูซู
อะหมัด รามันห์สิริวงศ์
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
ใต้เดือดอีกระลอก ฝังระเบิดถังแก๊สกลางถนนกดบึ้มรถปลัดป้องกัน อ.บาเจาะ ขณะเดินทางไปทำงานมวลชนในหมู่บ้าน ตูมสนั่น อส.เสียชีวิตคาที่ 3 นาย ส่วนปลัดกับลูกน้องอีกคนอาการสาหัส คนร้ายทิ้งจดหมายอ้างเป็นกลุ่ม "มุสลิมมีน ดาลอวิทยา" สามวันสามจังหวัดชายแดนป่วนหนัก ไล่ยิง-กดระเบิดรวม 10 จุด ตายเจ็บระนาว แม่ทัพภาค 4 ยันสถานการณ์ดีกว่าปีก่อน
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงร้อนระอุ และเกิดเหตุรุนแรงโดยเฉพาะระเบิดอย่างต่อเนื่องหลายจุดในรอบ 3 วัน โดยเมื่อเวลา 12.15 น.วันเสาร์ที่ 19 ธ.ค.2552 พ.ต.ท.เฉลิมชัย บุญศิริ ร้อยเวร สภ.บาเจาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายจุดชนวนระเบิดดักสังหารปลัดอำเภอ และอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) ประจำที่ว่าการ อ.บาเจาะ เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบนถนนสายอาตาบือเร๊ะ-บือแนปีแย ท้องที่บ้านยือรอ หมู่ 3 ต.บาเร๊ะเหนือ อ.บาเจาะ จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบหลุมระเบิดขนาดใหญ่กลางถนน มีสายไฟสีเขียวยาวประมาณ 100 เมตร ลากเข้าไปในป่ารกทึบริมทาง ห่างจากหลุมระเบิดเล็กน้อย พบรถกระบะยี่ห้อมาสด้า สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน 9ฎ 9080 กรุงเทพมหานคร อยู่ในสภาพพังยับเยิน นอกจากนี้ยังพบจดหมายคาดว่าเป็นของคนร้าย 1 ฉบับ เขียนข้อความทั้งภาษาไทยและภาษายาวีโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐอยู่เบื้องหลังความรุนแรง ลงชื่อกลุ่ม มุสลิมมีน ดาลอวิทยา จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ส่วนผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ พลเมืองดีช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลบาเจาะไปก่อนหน้าแล้ว แบ่งเป็นผู้เสียชีวิต 3 ราย คือ อส.ซาการี รีแมย๊ะ อส.มูฮำมัดไซดี หะยีหะยา และ อส.อาดือรัง สะอุ โดยทั้ง 3 คนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ สภาพศพถูกสะเก็ดระเบิดจนพรุนไปทั้งร่าง ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 2 ราย คือ นายแวสะมะแอ เจ๊ะหะ อายุ 35 ปี ปลัดป้องกันประจำที่ว่าการอำเภอบาเจาะ และ อส.อาดือนัน มะเก แพทย์ต้องส่งไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมือง จ.นราธิวาส
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายแวสะมะแอ ปลัดป้องกันฯ พร้อมกำลัง อส. รวม 5 นาย นั่งรถกระบะออกจากที่ว่าการอำเภอบาเจาะ เพื่อเดินทางไปร่วมงานมวลชนของชาวบ้านในหมู่บ้านใกล้จุดเกิดเหตุ ระหว่างทางมีคนร้ายไม่ทราบจำนวนแฝงตัวอยู่ในป่ารกทึบ ใช้แบตเตอรี่จุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังแก๊ส หนักประมาณ 20 กิโลกรัม ฝังไว้กลางถนน จนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แรงระเบิดทำให้รถกระบะของปลัดป้องกันฯ ได้รับความเสียหาย และมีผู้เสียชีวิตคาที่ 3 ราย บาดเจ็บอีก 2 รายดังกล่าว เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
พ.ต.อ.สมจิตร นาสมยนต์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส (รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส) กล่าวถึงจดหมายของคนร้ายที่อ้างตัวเป็นกลุ่ม "มุสลิมมีน ดาลอวิทยา" ว่า กลุ่มนี้จะมีจริงหรือไม่ ในชั้นต้นยังสันนิษฐานอะไรไม่ได้ แต่เชื่อว่ากลุ่มที่ก่อเหตุคงจะเป็นเครือข่ายเดียวกันหมด เพียงแต่กลุ่มนี้อาจจะเป็นกลุ่มย่อยที่ใช้เรียกกันระหว่างกลุ่มก่อความไม่สงบเท่านั้น
ยิง ชรบ.ดับที่บานา ปัตตานี
เวลา 17.30 น.ที่ จ.ปัตตานี พ.ต.อ.มนัส ศิกษมัส ผู้กำกับการ สภ.เมืองปัตตานี ได้นำกำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุคนร้ายลอบยิง นายมะรอยี สุตี อายุ 38 ปี ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) เสียชีวิตบนถนนในหมู่บ้านกูแบอีเตะ หมู่ 10 ต.บานา อ.เมืองปัตตานี โดยนายมะรอยี ผู้ตาย มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 35/1 หมู่บ้านที่เกิดเหตุนั่นเอง
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายกำลังวิ่งออกกำลังกายตามลำพังอยู่บนถนนในหมู่บ้าน มีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 2 คน ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะขี่ตามมาประกบ จากนั้นใช้อาวุธปืนพกสั้นไม่ทราบชนิดและขนาดยิงใส่นายมะรอยีหลายนัด จนเสียชีวิตคาที่ เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปว่าเป็นเหตุขัดแย้งส่วนตัวหรือการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบ
รัวอาก้าถล่มผู้ช่วยสัสดีเบตงสาหัส
ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 16.40 น. วันศุกร์ที่ 18 ธ.ค.2552 ศูนย์วิทยุ สภ.เมืองยะลา รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงชาวบ้านได้รับบาดเจ็บบนทางหลวงหมายเลข 410 ยะลา-เบตง ท้องที่บ้านพงกราเสาะ หมู่ 7 ต.บุดี อ.เมืองยะลา จึงประสานส่งกำลังตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดรุดไปตรวจสอบ
ทั้งนี้ ที่เกิดเหตุอยู่หน้าโรงเรียนปอเนาะดารุลอูโลมวิทยา พบปลอกกระสุนปืนอาก้าตกอยู่ 4 ปลอก ห่างไปเล็กน้อยบริเวณใต้ต้นประดู่ พบขวดบรรจุน้ำมันโซล่า 1 ลิตรวางอยู่ ห่างไปอีก 200 เมตร พบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักซ์ไมตี้เอ็กซ์แบบแค็บ สีขาว หมายเลจขทะเบียน บค 3138 นราธิวาส (ป้ายทะเบียนปลอม) จอดอยู่ สภาพถูกยิงเข้าที่กระจกหน้าและประตูด้านขวาหลายนัด
ส่วนผู้บาดเจ็บ มูลนิธิแม่ก่อเหนี่ยวยะลานำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลาแล้ว ทราบชื่อคือ ร.ต.กิตติ นวลแก้ว อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/1 ซอย 4 ถนนขุนลุมประพาส ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน เป็นผู้ช่วยสัสดี อ.เบตง จ.ยะลา ถูกยิงที่บริเวณหัวไหล่ขวาและขาขวา อาการสาหัส
สอบสวนทราบว่า ขณะที่ ร.ต.กิตติ ขับรถกระบะคันดังกล่าวมุ่งหน้ากลับบ้านในพื้นที่ อ.เบตง หลังเสร็จจากการประชุมในเขตเทศบาลนครยะลา ระหว่างทางมีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 3 คน ขับรถกระบะไม่ทราบสี ยี่ห้อ และแผ่นป้ายทะเบียนตามประกบ ก่อนจะใช้อาวุธปืนอาก้ายิงใส่หลายนัด แต่ ร.ต.กิตติ ยังพอมีสติ จึงใช้อาวุธปืนประจำกายยิงตอบโต้จนคนร้ายต้องขับรถหลบหนีไป
สำหรับน้ำมันโซล่าที่พบนั้น คาดว่าเป็นของคนร้ายที่เตรียมมาใช้เผารถยนต์ของ ร.ต.กิตติ แต่ทำไม่ได้เพราะถูกยิงตอบโต้ เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
โจมตีชุดลาดตระเวนที่บาเจาะเจ็บหนึ่ง
เวลา 07.20 น.วันเดียวกัน เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงใส่ทหารชุดลาดตระเวนเส้นทาง สังกัดร้อย ร.3012 หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 บน ถนนเพชรเกษม ช่วงปัตตานี-นราธิวาส ท้องที่บ้านส้มป่อย หมู่ 3 ต.กาเยาะมาตี อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส มีพลทหารได้รับบาดเจ็บ 1 นาย
หลังเกิดเหตุ ตำรวจ สภ.บาเจาะ นำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบรถจักรยานยนต์ของทหารล้มคว่ำอยู่ 3 คัน ส่วนผู้บาดเจ็บทราบชื่อคือ พลทหารชัยวัฒน์ รังกา อายุ 22 ปี ถูกยิงที่ฝ่ามือซ้าย 1 นัด เพื่อนทหารช่วยกันนำส่งรักษาโรงพยาบาลบาเจาะ ห่างออกไปพบปลอกกระสุนปืนอาก้าตกอยู่บนจำนวน 12 ปลอกจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวน พ.จ.อ.ไพฑูรย์ สบง หัวหน้าชุด ทราบว่าก่อนเกิดเหตุได้นำทหาร 6 นายขี่รถจักรยานยนต์ 3 คันออกจากฐานที่บ้านชูโว หมู่ 5 ต.บาเร๊ะใต้ อ.บาเจาะ เพื่อลาดตระเวนเส้นทางให้กับชุดรักษาความปลอดภัยครู (รปภ.ครู) แต่เมื่อถึงบริเวณทางแยกหมู่บ้านส้มป่อย มีคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ไล่หลัง โดยคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายใช้อาวุธปืนอาก้ายิงใส่จน พลทหารชัยวัฒน์ ได้รับบาดเจ็บ อย่างไรก็ดี เขาได้สั่งให้จอดรถและใช้อาวุธปืนประจำกายยิงตอบโต้ แต่คนร้ายอาศัยความชำนาญพื้นที่หลบหนีไปได้ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบเช่นกัน
ดักยิงตำรวจนาประดู่หน้ามัสยิดหวิดสิ้นชื่อ
ที่ จ.ปัตตานี เวลา 13.05 น.วันเดียวกัน พ.ต.ท.นุกูล ธานีรัตน์ สารวัตร สภ.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ รับแจ้งเหตุคนถูกยิงที่หน้ามัสยิดศาลาลาก หมู่ 8 ต.นาประดู่ จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบผู้บาดเจ็บคือ จ.ส.ต.เปาซี ตาเยะ อายุ 37 ปี ตำรวจสังกัด สภ.นาประดู่ อยู่บ้านเลขที่ 185/17 หมู่ 1 ต.ตุยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลโคกโพธิ์
สอบสวนทราบว่า ขณะเกิดเหตุ จ.ส.ต.เปาซี กำลังเดินออกจากมัสยิดหลังทำพิธีละหมาด ระหว่างนั้นมีคนร้าย 1 คน ดักยิงด้วยปืนสั้นไม่ทราบขนาด 3 นัด กระสุนถูกที่ไหปลาร้า หน้าอก และไหล่ขวา ทำให้ จ.ส.ต.เปาซี ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนคนร้ายวิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ที่เพื่อนขี่มาจอดรอรับหลบหนีไป เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นฝีมือของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ดับ อส.ยะหริ่ง คาถนน
เวลา 01.00 น. วันพฤหัสบดีที่ 17 ธ.ค.2552 พ.ต.อ.จักรภพ ท้าวฤทธิ์ ผู้กำกับการ สภ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงเสียชีวิตบนถนนสายตอหลัง-ยะหริ่ง ท้องที่หมู่ 3 ต.ตอหลัง อ.ยะหริ่ง จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบศพ นายอิสเหาะ เจะนิ อายุ 24 ปี อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) อ.ยะหริ่ง อยู่บ้านเลขที่ 47/1 หมู่ 3 ต.ตอหลัง
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายกำลังขี่รถจักรยานยนต์ไปซื้อน้ำแข็งในหมู่บ้าน ระหว่างทางมีคนร้าย 2 คนใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะขี่ตามประกบ และใช้อาวุธปืนลูกซองจ่อยิง 1 นัดจนเสียชีวิต เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปว่าเป็นการล้างแค้นส่วนตัวหรือเป็นการก่อเหตุรุนแรงของกลุ่มผู้ไม่หวังดี
บึ้มรถทหารชุดลาดตระเวนโชคดีแค่เจ็บ
เวลา 07.50 น. วันเดียวกัน พ.ต.อ.พูนศักดิ์ ประเสริฐเมธ ผู้กำกับการ สภ.ยะรัง จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุระเบิดบนถนนในท้องที่บ้านโคกหญ้าคา หมู่ 6 ต.คลองใหม่ อ.ยะรัง มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 5 นาย จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบหลุมระเบิดกว้าง 2 เมตร ลึก 1 เมตร คาดว่าระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นชนิดแสวงเครื่อง ฝังไว้ใต้ผิวถนน น้ำหนักประมาณ 15 กิโลกรัม แรงระเบิดทำให้รถยนต์ของทหารได้รับความเสียหาย และเสียหลักตกข้างทาง มีทหารได้รับบาดเจ็บ 5 นาย ประกอบด้วย ส.อ.สุรพงศ์ ศรีสุธรรม ส.อ.วิชัย โตตายมูล ส.อ.ศศิสุทธิ หะไกรลาศ ส.อ.สิทธิเดช วังนาพัน และ พลทหารโกมุท แน่นอุดร ทั้งหมดสังกัดร้อย ร.3034 หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 21
สอบสวนทราบว่า ทั้งหมดนั่งอยู่ในรถยนต์ยูนิม็อก ขณะขับลาดตระเวนเส้นทาง เมื่อถึงจุดเกิดเหตุถูกคนร้ายลอบกดระเบิดจากใต้ผิวถนน แรงระเบิดทำให้รถกระเด็น และทหาร 5 นายได้รับบาดเจ็บดังกล่าว เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ตูมสนั่นหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวเจ็บ 12 ราย
เวลา 12.20 น. วันเดียวกัน เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่หน้าร้านราชาบะหมี่เกี๊ยว ริมถนนหนองจิก ตรงข้ามปั๊มน้ำมันบางจาก ในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี ท้องที่หมู่ 5 ต.รูสะมิแล อ.เมืองปัตตานี หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐ์พันธ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี (ผบก.ภ.จว.ปัตตานี) พ.ต.อ.มนัส ศิกษมัส ผู้กำกับการ สภ.เมืองปัตตานี นำกำลังเข้าตรวจสอบ พบคนร้ายใช้ระเบิดชนิดแสวงเครื่องจุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ วางไว้ในกระถางต้นไม้ ซึ่งขณะนั้นมีเจ้าหน้าที่และประชาชนกำลังนั่งรับประทานอาหารเที่ยงอยู่เป็นจำนวนมาก แรงระเบิดทำให้มีผู้บาดเจ็บ 12 ราย
ทั้งนี้ ผู้บาดเจ็บประกอบด้วย อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) พัฒนกิจ บัวกราน อายุ 28 ปี อส.ทพ.ประสิทธิ์ หนูโมระ อายุ 22 ปี นางฐิตารีย์ นันทอง อายุ 26 ปี น.ส.เยาวนิจ ชื่นช่วยหาย อายุ 27 ปี นายรังสิทธิ์ เมตตามะตะกุล อายุ 35 ปี นายไพศาล อ่อนหัวโทร อายุ 46 ปี นางบุปผา คงหมื่นเพชร อายุ 50 ปี ร.ต.มนฑล ชื่นหมี้ หัวหน้าชุดทหารพราน อายุ 26 ปี นางมะลิ ใสบริสุทธิ์ อายุ 43 ปี อส.ทพ.บุญมา จันทร์นิยม อายุ 50 ปี นายกฤษณะ เพชรภิมล อายุ 56 ปี และ ส.อ.สุรพงค์ ศรีสุธรรม อายุ 25 ปี เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
กดระเบิดชุด รปภ.ครูสุไหงปาดี
ส่วนที่ จ.นราธิวาส เมื่อเวลา 08.15 น.วันเดียวกัน ร.ต.ท.เด่นพงษ์ เต็มยอด ร้อยเวร สภ.สุไหงปาดี รับแจ้งมีคนร้ายจุดชนวนระเบิดดักสังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด รปภ.ครู ของ สภ.สุไหงปาดี โดยจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณพงหญ้าใต้ป้ายชื่อองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ริโก๋ ริมถนนสายสากอ-สุไหงปาดี บ้านดอเฮะ หมู่ 3 ต.ริโก๋ จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบหลุมระเบิดลึก 1 ฟุต กว้าง 2 ฟุต มีเศษซากชิ้นส่วนระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในกล่องเหล็ก หนัก 5 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยรีโมตคอนโทรลกระจายเกลื่อนพื้น จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ร.ต.ท.ภิญโญ จำเนียรกุล หัวหน้าชุด รปภ.ครู ของ สภ.สุไหงปาดี พร้อมกำลังรวม 13 นาย ขึ้นรถกระบะอีซูซุ รุ่นดีแม็กซ์ สีเลือดหมู ตราโล่ ออกจาก สภ.สุไหงปาดี ไปตามถนนสายสากอ-สุไหงปาดี เพื่อส่งครูโรงเรียนบ้านดอเฮะ หลังเสร็จภารกิจได้ขับรถกลับโรงพัก แต่ระหว่างทางถูกกลุ่มคนร้ายซึ่งแฝงตัวอยู่ใช้รีโมตคอนโทรลจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ลอบนำมาฝังไว้บริเวณพงหญ้าใต้ป้ายชื่อ อบต.ริโก๋ จนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากรถกระบะคันดังกล่าวเป็นรถหุ้มเกราะ
ต่อมา พ.ต.อ.ขวัญดี ฉิมพลี ผู้กำกับการ สภ.สุไหงปาดี นำกำลังตำรวจสนธิกับกำลังทหารเข้าปิดล้อมสวนยางพาราใกล้จุดเกิดเหตุ และควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 1 คน คือ นายมหามะ เฮาะสนิ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 102 หมู่ 1 ต.กาวะ อ.สุไหงปาดี ขณะกำลังกรีดยาง โดยสาเหตุที่ นายมหามะถูกจับ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ใช้เครื่องตรวจสารระเบิด จีที 200 ตรวจสอบนายมหามะในเบื้องต้นแล้วพบว่าปนเปื้อนสารประกอบระเบิด
ซุ่มยิงผู้ช่วย ผญบ.ตายคาสวนยางพร้อมลูกสาว
ที่ อ.รามัน จ.ยะลา เมื่อเวลา 08.30 น.วันเดียวกัน ตำรวจ สภ.จะกว๊ะ นำกำลังเข้าตรวจสอบเหตุคนร้ายยิง นายเจ๊ะอารง ยามา อายุ 44 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 และด.ญ.นัรมี ยามา อายุ 2 ขวบ 7 เดือนจนเสียชีวิต ก่อนจะขโมยอาวุธปืนยาวคาบิน ทะเบียนปืน 2189829 หลบหนีไป เหตุเกิดบนถนนภายในหมู่บ้าน หมู่ 2 ต.จะกว๊ะ ตั้งแต่เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 16 ธ.ค.ต่อเนื่อง 17 ธ.ค.
ทั้งนี้ ที่เกิดเหตุอยู่ในสวนยางพาราข้างทาง เจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 ตกอยู่หลายปลอก สอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุ นายเจ๊ะอารง พร้อมบุตรสาว กำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน ระหว่างทางมีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 8 คน สวมเสื้อสีดำ กางเกงสีดำ มีหมวกไหมพรมและผ้าปิดบังใบหน้า ดักซุ่มอยู่ในสวนยางพารา และใช้อาวุธปืนยิงใส่ทั้งคู่จนเสียชีวิต ก่อนขโมยอาวุธปืนของผู้ตายหลบหนีไปด้วย เบื้องต้นตำรวจเชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ
ผู้ต้องหาคดียิงรถนักเรียนที่ปะนาเระมอบตัว
ส่วนความคืบหน้าคดีคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ไล่ยิงรถรับส่งนักเรียน เป็นเหตุให้มีนักเรียนได้รับบาดเจ็บ 3 คน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 พ.ย.2552 นั้น ล่าสุด พล.ต.ต.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐ์พันธ์ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี เปิดเผยว่า ได้มีผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดปัตตานีในคดีดังกล่าวติดต่อมอบตัวเพื่อสู้คดีแล้ว คือ นายมะสุกือรี เจะมะ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 หมู่ 6 ต.บ้านนอก อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี โดยนายมะสือกรีให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
ที่ จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2552 พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (ผอ.รมน.ภาค 4) กล่าวถึงสถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2552 เมื่อเทียบกับเหตุการณ์ในปี 2551 พบว่ามีจำนวนและความรุนแรงลดน้อยลง เนื่องจากได้รับความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ ซึ่งมีการแจ้งเบาะแสและข้อมูลข่าวสารต่างๆ เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้สามารถจับกุมผู้ที่จะก่อเหตุหรือวัตถุที่เกี่ยวข้องกับการนำไปประกอบระเบิดได้ แต่มักจะไม่เป็นข่าว ตรงข้ามกับเมื่อเกิดเหตุระเบิด มักจะเป็นข่าวค่อนข้างใหญ่โต