- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- นายกฯสั่ง กอ.รมน.ลดกำลังทหารที่ชายแดนใต้!
นายกฯสั่ง กอ.รมน.ลดกำลังทหารที่ชายแดนใต้!
ทีมข่าวอิศรา
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
"อภิสิทธิ์" ล่องใต้สั่งปรับนโยบายแก้ไขปัญหาความไม่สงบ ให้ กอ.รมน.ลดกำลังพลในพื้นที่ เหตุใช้กำลังมากแก้ปัญหาได้ไม่ยั่งยืน หันเน้นสร้างความเข้าใจและความไว้วางใจกับชาวบ้านแทน ส่วนสถานการณ์ช่วงนายกฯปฏิบัติภารกิจ กลุ่มป่วนลอบวางระเบิด 2 จุด ทหารพรานพลีชีพ 1 นาย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายหลังลงพื้นที่เมื่อวันที่ 7 ม.ค.2553 โดยระบุว่า การเข้าถึงหมู่บ้านของเจ้าหน้าที่ และการสร้างความไว้วางใจระหว่างรัฐกับประชาชนดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งต้องขยายผลและใช้เวลา เชื่อว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมมากขึ้นในเรื่องของความสงบสุข แม้นโยบายในภาพรวมจะไม่เห็นความสำเร็จชัดเจนนัก และประชาชนยังไม่พอใจมากนัก แต่ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีทั้งในแง่ของการฟื้นฟูภาคเศรษฐกิจกับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับประชาชน
ส่วนกรณีที่เกิดเหตุระเบิดที่ จ.ยะลา ซึ่งถูกมองว่าเป็นการวางระเบิดต้อนรับนายกฯนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นธรรมดาเวลาลงพื้นที่มักจะมีบางฝ่ายพยายามก่อเหตุหรือสร้างให้เกิดความวุ่นวาย ทั้งนี้การรักษาความสงบเรียบร้อยถ้าใช้กำลังมากๆ จากกำลังพลที่อื่น (หมายถึงทหารจากกองทัพภาคอื่น) ก็ไม่ยั่งยืน ดังนั้นเป้าหมายสุดท้ายต้องสามารถลดกำลังลงให้ได้
"กองทัพเข้าใจเรื่องนี้ดี และปีนี้ กอ.รมน. (กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร) ก็จัดกำลังลดลงแล้ว พร้อมทั้งทำควบคู่กับการใช้กระบวนการสร้างความไว้วางใจ โดยลดการใช้อำนาจพิเศษตามกฎหมาย แต่ปีนี้ยังลดกำลังได้น้อยอยู่ และเราต้องประเมินสถานการณ์ภาคใต้เป็นระยะๆ ส่วนการใช้กฎหมายความมั่นคงในพื้นที่ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ซึ่งมีบทบัญญัติมาตรา 21 นั้น ตอนนี้ให้ สมช. (สภาความมั่นคงแห่งชาติ) นัดประชุมเพื่อทำความเข้าใจเงื่อนไขการใช้มาตรา 21 เพราะเกี่ยวข้องทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายตุลาการ คาดว่าภายใน 1-2 เดือนจะมีความชัดเจน" นายกฯกล่าว
อนึ่ง มาตรา 21 ในพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 หรือกฎหมายความมั่นคงนั้น เปิดช่องให้สามารถเบี่ยงเบนคดีสำหรับผู้ต้องหาที่แสดงความบริสุทธิ์ใจเข้ามอบตัวและยอมเข้ารับการอบรม โดยไม่จำเป็นต้องถูกฟ้องดำเนินคดีอาญา แต่กระบวนการต้องผ่านความเห็นชอบจากทั้งพนักงานสอบสวน กอ.รมน. และศาล
บึ้ม 2 จุดรับนายกฯ-ทหารพรานพลีชีพ
สำหรับเหตุระเบิดที่ จ.ยะลา ช่วงที่นายกฯเดินทางลงพื้นที่นั้น เกิดขึ้น 2 จุด โดยจุดแรกก่อนที่นายกฯจะเดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 418 เพียงครึ่งชั่วโมง ได้เกิดระเบิดขึ้นที่บริเวณศาลาที่พักผู้โดยสารริมถนนสาย 418 ห่างจากประรำพิธีซึ่งตั้งอยู่บริเวณ ต.ท่าสาป อ.เมือง จ.ยะลา เพียง 130 เมตร ทำให้ ส.ต.ต.ชัยยุทธ์ บรรณศักดิ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กรงปินัง จ.ยะลา ซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่อารักขานายกรัฐมนตรีและคณะ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
ตรวจสอบพบว่าระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นชนิดแสวงเครื่อง โดยคนร้ายวางระเบิดไว้ในพงหญ้าริมศาลา จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ คาดว่าคนร้ายน่าจะแอบแฝงมากับกลุ่มนักเรียนที่มารอรถโดยสารประจำทาง แล้วนำระเบิดขนาดเล็กมาวางไว้ และกดระเบิดทันทีเมื่อพบเจ้าหน้าที่เดินตรวจ
ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน คนร้ายใช้โทรศัพท์มือถือจุดชนวนระเบิดชนิดแสวงเครื่องที่วางไว้ใกล้กับศาลาหน้าโรงเรียนบาตัน หมู่ 4 ต.ลิดล อ.เมือง จ.ยะลา ขณะเจ้าหน้าที่ทหารพราน ร้อย ร.4712 กำลังออกลาดตระเวน แรงระเบิดทำให้ทำให้ อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) สมมาตร เรืองสว่าง เสียชีวิต
"สุเทพ"ชี้กลุ่มป่วนจ้องสร้างข่าว
ส่วนภารกิจของนายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ซึ่งลงพื้นที่พร้อมกันนั้น ได้เดินทางไปเยี่ยมชมกิจกรรมโครงการแกไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินโดยชุมชนท้องถิ่น ตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ที่บ้านซือเลาะ ต.เรียง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส จากนั้นไปเปิดทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 418 เชื่อมระหว่าง จ.ปัตตานี กับยะลา เสร็จแล้วเดินทางต่อไปยังกรมทหารพรานที่ 41 ต.วังพญา อ.รามัน จ.ยะลา เพื่อชมนิทรรศการงานด้านกิจการพลเรือนของหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 41 ที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนจากโรคชิกุนกุนยา การจัดกิจกรรมผ่าตัดต้อเนื้อ ต้อกระจก ก่อนจะเดินทางไปเยี่ยมชมกิจการหมู่บ้านประมงชายฝั่งที่บ้านปาตาบาระ ต.ปะเสยะวอ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เป็นจุดสุดท้ายแล้วเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร
นายสุเทพ กล่าวถึงกรณีคนร้ายลอบวางระเบิดใกล้จุดที่คณะของนายกรัฐมนตรีเดินทางลงพื้นที่ จ.ยะลา ว่า เป็นการจงใจสร้างสถานการณ์ เพราะเห็นว่ามีคณะสื่อมวลชนติดตามทำข่าวเป็นจำนวนมาก จึงต้องการให้เป็นข่าวออกไป ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในภาพรวมยังสามารถควบคุมได้อยู่