- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- ชาวบ้านปิดถนนโวย“ตายหลายศพ รัฐช่วยไม่ได้” ใต้เดือดปะทะ 2 จุด-ฆ่าผู้ต้องหาทำร้ายครูจูหลิง
ชาวบ้านปิดถนนโวย“ตายหลายศพ รัฐช่วยไม่ได้” ใต้เดือดปะทะ 2 จุด-ฆ่าผู้ต้องหาทำร้ายครูจูหลิง
อะหมัด รามันห์สิริวงศ์
แวดาโอ๊ะ หะไร และทีมข่าวอิศรา
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
ใต้ตึงเครียด ชาวบ้านคอกกระบือ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี รวมตัวปิดถนนจี้รัฐดูแลความปลอดภัย หลังคนในตำบลถูกฆ่า 4 ศพในห้วง 1 เดือน รับไม่ได้ผู้หญิงยังไม่เว้น ล่าสุดสังหารโหดสองแม่ลูกวันวาเลนไทน์ โวยไม่เอาแล้วความสมานฉันท์ รองผู้ว่าฯรับปากตั้งฐานทหารถาวรในพื้นที่จึงยอมสลายตัว ส่วนที่นราธิวาสปะทะเดือด 2 เหตุการณ์ สังเวยทั้งทหารทั้งกลุ่มป่วน อีกรายรัวกระสุนฆ่าสองแม่ลูกผู้ต้องหาทำร้ายครูจูหลิง
สถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้กลับมาตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง เมื่อชาวบ้านหมู่ 1, 2 และ 3 ต.คอกกระบือ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี จำนวนกว่า 300 คน รวมตัวชุมนุมประท้วงปิดถนนเขตรอยต่อระหว่างหมู่ 4 บ้านโต๊ะชา ต.ท่าน้ำ และหมู่ 2 บ้านหัวนอน ต.คอกกระบือ เมื่อเช้าวันอังคารที่ 16 ก.พ.2553 เพื่อเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐดูแลความปลอดภัยของประชาชน และเร่งติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุยิง นางรัตยา แดงประเทศ อายุ 44 ปี ชาว ต.คอกกระบือ กับ ด.ญ.จีรพัฒน์ แดงประเทศ อายุ 14 ปี ลูกสาวซึ่งเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนวุฒิชัยวิทยา เสียชีวิตขณะขี่รถจักรยานยนต์ออกจากตลาดนัดมุ่งหน้ากลับบ้านเมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ผู้ชุมนุมซึ่งมีทั้งชาวไทยพุทธและมุสลิมต่างแสดงความไม่พอใจที่มีประชาชนในพื้นที่ถูกลอบสังหารอย่างต่อเนื่อง เฉพาะในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมามากถึง 4 ศพ โดยกลุ่มชาวบ้านได้ป้ายผ้าและพ่นสีบนถนนมีข้อความว่า “ตายหลายศพ รัฐช่วยไม่ได้“ พร้อมทั้งตัดต้นไม้และนำลวดหนามมาขวางถนน
ต่อมา ว่าที่ร้อยตรีเลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พร้อมด้วย พล.ต.จีระศักดิ์ ชมประสพ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี และ พล.ต.ต.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐพันธ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี (ผบก.ภ.จว.ปัตตานี) ได้เดินทางมารับทราบปัญหาและเจรจาให้ชาวบ้านเปิดถนน
ทั้งนี้ กลุ่มชาวบ้านได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกพร้อมข้อเรียกร้องรวม 5 ข้อคือ
1.ให้เจ้าหน้าที่จับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุสังหารสองแม่ลูกให้ได้ภายใน 3 วัน
2.ให้จัดกำลังทหารเข้ามารับผิดชอบพื้นที่เขตรอยต่อระหว่าง ต.คอกกระบือ ต.ท่าน้ำ และ ต.พ่อมิง อย่างถาวร
3.ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้าน ต.ท่าน้ำ รับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด
4.ถ้าชาวบ้านใน ต.คอกกระบือเสียชีวิตอีก จะไม่รับผิดชอบความปลอดภัยของผู้ที่เข้ามาในพื้นที่ ต.คอกกระบือ
และ 5.ไม่เอาความสมานฉันท์
ทั้งนี้ หลังจากรับจดหมาย ว่าที่ร้อยตรีเลิศเกียรติ ได้ขอเจรจากับกลุ่มชาวบ้านว่า ทางจังหวัดสามารถดำเนินการตามข้อเรียกได้เพียง 2 ข้อ คือข้อ 1 กับข้อ 2 โดยจะจัดตั้งฐานปฏิบัติในพื้นที่บริเวณปอเนาะร้าง ใช้กำลังกองร้อยอาสาสมัครทหารพรานจาก อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี จำนวน 1 กองร้อย อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่รอความชัดเจนของหน่วยที่จะมาตั้งฐาน จะให้หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 22 มาประจำการก่อนชั่วคราว นอกจากนั้นจะสั่งการให้นายอำเภอดูแลเรื่องความปลอดภัยเป็นพิเศษ โดยใช้กำลังของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และอาสารักษาดินแดน (อส.) ส่วนการติดตามจับกุมคนร้าย จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด
ทั้งนี้ หลังจากรองผู้ว่าฯปัตตานี ยอมรับข้อเสนอ 2 ข้อ โดยเฉพาะการตั้งฐานทหารถาวรในพื้นที่ ทำให้ชาวบ้านส่วนใหญ่พอใจและสลายการชุมนุมไปโดยไม่มีเหตุรุนแรงใดๆ เกิดขึ้น
ย้อนเหตุสังหารโหดสองแม่ลูกคาถนน
สำหรับเหตุการณ์สังหาร 2 แม่ลูกจนนำมาสู่การชุมนุมประท้วงดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา โดย พ.ต.อ.นฤชา สุวรรณลาภา ผู้กำกับการ สภ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุยิงกันบนถนนในหมู่บ้าน หมู่ 4 บ้านโต๊ะสา ต.ท่าน้ำ จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบศพ นางรัตยา แดงประเทศ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12/1 หมู่ 2 ต.คอกกระบือ อ.ปะนาเระ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 11 ม.ม.เข้าศีรษะ 1 นัด และ ด.ญ.จีรพัฒน์ แดงประเทศ อายุ 14 ปี ลูกสาวของนางรัตยา เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนวุฒิชัยวิทยา ถูกยิงด้วยอาวุธปืนชนิดเดียวกันเข้าลำตัว ใกล้กันพบรถรถจักรยานยนต์ล้มคว่ำอยู่ 1 คัน และพบปลอกกระสุนปืนขนาด 11 ม.ม.จำนวน 3 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นางรัตยา กำลังขี่รถจักรยานยนต์โดยมีลูกสาวนั่งซ้อนท้าย กลับจากตลาดนัดปาลัส มุ่งหน้ากลับบ้าน แต่ระหว่างถูกคนร้าย 2 คนเป็นชายวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์ประกบด้านหลัง ก่อนจะชักอาวุธปืนขนาด 11 ม.ม.ยิงใส่ถึง 5 นัด กระสุนถูกสองแม่ลูกจนเสียชีวิตทั้งคู่ จากนั้นได้เร่งเครื่องรถจักรยานยนต์หลบหนีไป เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
รือเสาะเดือดซุ่มยิงทหารดับสอง
เวลา 15.40 น.วันเดียวกัน ร.ต.ท.อุกฤช สังขมณี ร้อยเวร สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายซุ่มยิงทหารชุดลาดตระเวนเส้นทาง สังกัด ร้อย ร.1111 หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 เสียชีวิต 2 นาย และได้รับบาดเจ็บ 1 นาย เหตุเกิดบนถนนในพื้นที่บ้านไอร์จือนะ หมู่ 5 ต.โคกสะตอ อ.รือเสาะ จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบศพทหาร 2 นาย คือ ส.อ.นักรบ สมมูลนา และ พลทหารสุริยา กงซุย ส่วนบริเวณเนินดินสองฟากถนนซึ่งเป็นสวนยางพารารกทึบ เจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุน เอ็ม 16 และอาก้าของคนร้ายตกอยู่กว่า 60 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนั้นยังมีทหารบาดเจ็บอีก 1 นาย คือ จ.ส.อ.ถนอม ทองเกลียว เพื่อนทหารช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลรือเสาะ
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ จ.ส.อ.ถนอม หัวหน้าชุด ได้นำกำลังรวม 7 นายพร้อมอาวุธครบมือ เดินเท้าออกจากฐานซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านปาโงปะแต หมู่ 1 ต.โคกสะตอ เพื่อลาดตระเวนตรวจสอบความเรียบร้อยเส้นทางให้กับคณะครูโรงเรียนบ้านธรรมเจริญก่อนเดินทางกลับบ้านหลังเลิกเรียน เมื่อลาดตระเวนมาถึงจุดเกิดเหตุ มีคนร้ายจำนวน 10 คน แบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุด แฝงตัวอยู่บนเนินดินในสวนยางพารา เมื่อสบโอกาสได้ใช้อาวุธปืนสงคราม เอ็ม 16 และ อาก้า ยิงถล่มใส่ทหารทั้ง 7 นายจนทั้งสองฝ่ายเปิดฉากยิงปะทะกันเป็นระลอกนานกว่า 15 นาที แต่ฝ่ายเจ้าหน้าที่กำลังน้อยกว่าและอยู่ในจุดอับ จึงถูกกลุ่มคนร้ายยิงได้รับบาดเจ็บ 1 นาย และเสียชีวิต 2 นาย ทั้งยังถูกกลุ่มคนร้ายยิงเปิดทางให้พรรคพวกวิ่งออกมาขโมยอาวุธปืน เอ็ม 16 ประจำกายของทหารที่เสียชีวิตไปด้วย ก่อนจะหลบหนีไป
เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบที่ต้องการแก้แค้นหลังจากฝ่ายเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรมสมาชิกกลุ่มก่อความไม่สงบได้หลายศพในช่วงที่ผ่านมา
ยิงหนุ่มใหญ่สิ้นใจคารถที่กรงปินัง
ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ร.ต.ต.สุทธิชัย คำมี ร้อยเวร สภ.กรงปินัง จ.ยะลา รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตในท้องที่บ้านปุโรง หมู่ 2 ต.ปุโรง อ.กรงปินัง จ.ยะลา จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบศพ นายสะตอพาร์เซะ กาเซ็ง อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13 หมู่ 6 ต.ลาโล๊ะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เสียชีวิตอยู่ในรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ หมายเลขทะเบียน กข 3860 ปัตตานี ริมถนนสายปุโรง-หน้าถ้ำ สภาพศพมีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิดและ ขนาด โดยไม่พบหลักฐานอื่นใด
เบื้องต้นสันนิษฐานว่า นายสะตอพาร์เซะ น่าจะนัดกับคนร้ายเพื่อตกลงอะไรบางอย่าง แต่ตกลงกันไม่ได้ จึงถูกยิงเสียชีวิตคาพวงมาลัย เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุของการสังหารโหดครั้งนี้
ดักถล่มปลัดอำเภอเจาะไอร้อง เจอวิฯ 1 ศพ
ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 22.10 น.คืนวันจันทร์ที่ 15 ก.พ.2553 ขณะที่ นายจักรา พรหมแก้ว ปลัดอำเภอเจาะไอร้อง จ.นราธิวาส พร้อมด้วยอาสารักษาดินแดน (อส.) รวม 7 นาย กำลังนั่งรถกระบะหุ้มเกราะ 4 ประตู ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ไปตามถนนสายเจาะไอร้อง-จะแนะ เพื่อลาดตระเวนตรวจสอบความเรียบร้อยของจุดตรวจ อส.ที่ตั้งอยู่บริเวณหน้ามัสยิดอัลฟุรกอน บ้านไอร์ปาแย หมู่ 8 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง
ปรากฏว่าระหว่างทางพบขอนไม้วางขวางทางอยู่ ปลัดอำเภอจึงสั่งให้พลขับจอดรถเพื่อตรวจสอบ ทันใดนั้นคนร้ายประมาณ 10 คน ซึ่งแบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุด ซุ่มอยู่สองข้างทาง ได้ใช้อาวุธปืน เอ็ม16 และอาก้ายิงถล่มใส่รถยนต์ของปลัดอำเภอ จนทั้ง 2 ฝ่ายเปิดฉากยิงปะทะกัน กระทั่งนายจักราต้องวิทยุขอกำลังเสริม
ต่อมา พ.ท.จรัญ เอี่ยมฐานนท์ รองผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 45 พร้อมด้วย พ.ท.ยุทธนา สายประเสริฐ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 31 และ พ.ต.อ.พีระพล ณ พัทลุง ผู้กำกับการ สภ.เจาะไอร้อง ได้นำกำลังตามมาสนับสนุน และยิงปะทะกับกลุ่มคนร้ายอย่างดุเดือด จนฝ่ายคนร้ายต้องล่าถอยไป
จากการเข้าเคลียร์พื้นที่หลังเสียงปืนสงบลง เจ้าหน้าที่พบศพผู้ต้องสงสัย 1 ศพ ในสภาพสวมเสื้อและกางเกงลายพรางทหาร นอนจมกองเลือดอยู่ริมถนน โดยในมือยังถืออาวุธปืน เอ็ม 16 อยู่ ส่วนฝ่ายปลัดอำเภอและ อส.ที่มาด้วยกันก็ได้รับบาดเจ็บรวม 5 คน มี 2 คนที่อาการสาหัส คือ อส.มะรอมลี อาลี กับ อส.พรชัย ตูเร๊ะ ต้องนำส่งโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมือง จ.นราธิวาส
จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องสงสัยที่เสียชีวิต พบว่าคือ นายอาหามัด สะรีสาเมาะ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47 หมู่ 6 บ้านบาโงดุดุง ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง เป็น 1 ใน 6 ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีความมั่นคงในพื้นที่ จ.นราธิวาส และได้ร่วมกับพวกรวม 6 คน หลบหนีออกจากห้องขังของ สภ.ตันหยง อ.เมืองนราธิวาส เมื่อวันที่ 13 ม.ค.2551 ส่วนปืนที่อยู่ในมือของ นายอาหามัด เป็นปืนเอ็ม 16 ที่ถูกปล้นไปจากกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เจาะไอร้อง เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547 นอกจากนั้นยังยึดเครื่องกระสุนได้อีกเป็นจำนวนมาก
รัวกระสุนปลิดชีพ 2 แม่ลูกผู้ต้องหาทำร้ายครูจูหลิง
เวลา 09.45 น.วันเดียวกัน ร.ต.ท.เฮรามาน เจ๊ะดี ร้อยเวร สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุยิงกันในสวนยางพารา ท้องที่หมู่ 4 บ้านกูจิงลือปะ ต.เฉลิม อ.ระแงะ จ.นราธิวาส จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุซึ่งอยู่บนภูเขาหลังหมู่บ้านกูจิงลือปะ พบศพผู้หญิง 2 ศพ คือ นางเจ๊ะแมะ หะแย อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55 หมู่ 4 ต.เฉลิม อ.ระแงะ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่ลำตัวและกลางหลัง เสียชีวิตบริเวณโคนต้นยางพารา กับ น.ส.บาราตี ลาบอ อายุ 25 ปี ลูกสาวของนางเจ๊ะแมะ ถูกยิงเข้าที่ลำตัวและกลางหลังเช่นกัน
สอบสวนทราบว่า ขณะเกิดเหตุ นางเจ๊ะแมะ น.ส.บาราตี กำลังกรีดยางอยู่ในสวน มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนซึ่งดักซุ่มอยู่ในป่าข้างสวนยางพารา ใช้อาวุธปืนยิงใส่ทั้งคู่จนเสียชีวิต พร้อมขโมยอาวุธปืนพกสั้นขนาด 11 ม.ม.จำนวน 2 กระบอกของผู้ตายไปด้วย
สำหรับ นางเจ๊ะแมะ และ น.ส.บาราตี นั้น เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนราธิวาส เลขที่ จ.680/49 ลงวันที่ 13 มิ.ย.2549 ในคดีรุมทำร้าย ครูจูหลิง ปงกันมูล ครูโรงเรียนบ้านกูจิงลือปะ จนเสียชีวิต
6 คนร้ายยิงถล่มผู้สมัครผู้ใหญ่บ้านที่ยะรัง
ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 23.30 น.วันเสาร์ที่ 13 ก.พ.2553 พ.ต.ท.ต่วนเดร์ จุฑานันท์ รองผู้กำกับการ สภ.ยะรัง จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุยิงกันหน้าบ้านเลขที่ 111/15 บ้านเกาะบาตอ หมู่ 5 ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบศพ นายอันวาร์ วิชา อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 138/1 หมู่ 5 ต.เมาะมาวี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนสงครามเข้าที่หน้าท้อง เสียชีวิตคาที่
นอกจากนั้นยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 ราย พลเมืองดีช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา ทราบชื่อคือ นายดอรอแม็ง สามะ อายุ 65 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ และ น.ส.มุรณี สามะ อายุ 21 ปี ลูกสาวของนายดอรอแม็ง
สอบสวนทราบว่า นายอันวาร์ เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน โดยก่อนเกิดเหตุได้นั่งคุยกับนายดอรอแม็งและ น.ส.มุรณี อยู่ที่หน้าบ้าน ปรากฏว่ามีคนร้าย 6 คนใช้รถกระบะไม่ทราบหมายเลขทะเบียนเป็นพาหนะขับมาจอด จากนั้นคนร้าย 3 ใน 6 คนใช้อาวุธสงครามกราดยิงใส่ทั้งนายอันวาร์ นายดอรอแม็ง และลูกสาว จนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บดังกล่าว เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าชนวนเหตุน่าจะมาจากปมขัดแย้งเรื่องการเมืองท้องถิ่น แต่ก็ยังไม่ตัดประเด็นความมั่นคงทิ้ง
----------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : เจ้าหน้าที่กำลังชันสูตรพลิกศพผู้ต้องหาคดีความมั่นคงที่ถูกวิสามัญฆาตกรรมหลังก่อเหตุซุ่มยิงคณะของปลัดอำเภอเจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ขณะนำกำลัง อส.ออกตรวจการตั้งด่านในพื้นที่ เมื่อคืนวันที่ 15 ก.พ.
ขอบคุณ : ภาพประกอบต้นฉบับจากเว็บไซต์สมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย