- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- ใต้ป่วนรับการเมืองร้อน ยิงถล่มร้านอาหารชาวบ้านเจ็บ 6 ปาระเบิด ตชด.ดับ ออกหมายจับมือบึ้ม“สมเพียร”
ใต้ป่วนรับการเมืองร้อน ยิงถล่มร้านอาหารชาวบ้านเจ็บ 6 ปาระเบิด ตชด.ดับ ออกหมายจับมือบึ้ม“สมเพียร”
อับดุลเลาะ หวังนิ / แวดาโอ๊ะ หะไร
อะหมัด รามันห์สิริวงศ์
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
ใต้ป่วนหนัก คนร้ายหย่อนระเบิดใส่ ตชด.ขณะนั่งตกปลาใต้สะพานเทพา ตูมสนั่นดับ 1 สาหัส 2 อีกรายควงอาวุธสงครามยิงถล่มร้านอาหารที่โคกโพธิ์ ชาวบ้านรับเคราะห์เจ็บ 6 ลือสนั่นใช้ เอ็ม 79 อีกแห่งเผาโรงยางล่อทหารเข้าพื้นที่ จุดชนวนระเบิดบาดเจ็บอีก 7 นาย ด้านตำรวจบันนังสตาขออนุมัติหมายจับ 2 มือระเบิดสังหาร “ผู้กำกับฯสมเพียร”
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ปั่นป่วนอย่างหนัก ในช่วงที่กระแสการเมืองในส่วนกลางกำลังร้อนแรง โดยเมื่อเวลา 17.00 น.วันจันทร์ที่ 15 มี.ค.2553 เกิดระเบิดขึ้นบริเวณใต้สะพานข้ามคลองเทพา บนถนนสายหลักที่เชื่อมระหว่าง จ.สงขลา กับ จ.ปัตตานี ท้องที่หมู่ 2 บ้านพระพุทธ ต.เทพา อ.เทพา จ.สงขลา เป็นเหตุให้ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) สังกัดกองร้อยเฉพาะกิจ ตชด.42 ซึ่งตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ที่บ้านกรงอีตำ อ.เทพา เสียชีวิต 1 นาย ทราบชื่อคือ ส.ต.ท.นเรศ แก้วศรีคำ และมี ตชด.ได้รับบาดเจ็บอีก 2 นาย คือ ส.ต.ท.บุญธรรม กาลิโก กับ ส.ต.ท.สุรศักดิ์ สุดใจไหม
หลังเกิดเหตุ ตำรวจ สภ.เทพา นำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบศพของ ส.ต.ท.นเรศ ตกลงไปในน้ำ ส่วน ตชด.ที่ได้รับบาดเจ็บอีก 2 นาย ได้ช่วยกันลำเลียงส่งโรงพยาบาล สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ตชด.ทั้ง 3 นายลงไปนั่งตกปลาอยู่ที่บริเวณตอม่อสะพาน จากนั้นมีคนร้ายไม่ทราบจำนวนโยนระเบิดแสวงเครื่องที่บรรจุอยู่ในท่อพีวีซี จากบนสะพานลงไปตรงตอม่อที่ ตชด.ทั้ง 3 นายนั่งตกปลาอยู่ แรงระเบิดทำให้ ส.ต.ท.นเรศ เสียชีวิต และเพื่อนอีก 2 นายได้รับบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ยิงถล่มร้านอาหารที่โคกโพธิ์เจ็บ 6 ลือแซ่ดใช้เอ็ม 79
เวลาประมาณ 21.00 น. คนร้าย 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ขี่ไปจอดที่หน้าร้านอาหารชื่อสองพี่น้อง บนถนนสายโคกโพธิ์-ลำไพล ท้องที่หมู่ 2 ต.โคกโพธิ์ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี จากนั้นใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มเข้าไปในร้าน เป็นเหตุให้ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ 6 ราย ในจำนวนนี้อาการสาหัส 2 ราย
มีรายงานว่า หนึ่งในสองคนร้ายใช้เครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 ยิงระเบิดเข้าไปในร้านด้วย ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า การใช้อาวุธชนิดนี้แทบไม่เคยเกิดขึ้นเลยในช่วง 2-3 ปีหลัง แต่กลับมาเกิดเหตุในช่วงนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่มีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในกรุงเทพฯ และมีมือมืดใช้เครื่องยิงลูกระเบิด เอ็ม 79 ยิงเข้าใส่กรมทหารริมถนนวิภาวดีรังสิต
ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 23.00 น. คืนวันอาทิตย์ที่ 14 มี.ค. เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนพกสั้นจ่อยิง ด.ต.เจะโซะ หะยีสาเมาะ อายุ 54 ปี ผู้บังคับหมู่งานสืบสวน (ผบ.หมู่สส.) สภ.มายอ จ.ปัตตานี เสียชีวิตคาร้านน้ำชา เลขที่ 126/6 หมู่ 1 ต.มายอ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบเช่นกัน
เผาโรงยางล่อ จนท.ก่อนกดบึ้มทหารเจ็บ 7
เวลา 00.30 น.วันอาทิตย์ที่ 14 มี.ค.เกิดเหตุระเบิดบนถนนชนบท สายบ้านป่าพ้อ-บ้านปลักใหญ่ หมู่ 4 ต.ปากล่อ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ทำให้ทหารจำนวน 7 นายซึ่งนั่งมาบนรถกระบะยี่ห้อเชฟโรเลตได้รับบาดเจ็บ
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โคกโพธิ์ ได้นำกำลังรุดไปตรวจสอบ และลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลโคกโพธิ์ ประกอบด้วย ร.ท.ชัชวาล บุญนาค อายุ 46 ปี ร.ต.อุดม คำหอม อายุ 46 ปี ส.อ.เอกลักษณ์ พุฒตาล อายุ 28 ปี พลทหารอิสมาแอ มาหามิค อายุ 22 ปี พลทหารอิสมาแอ ยาลา อายุ 23 ปี พลทหารอดิเทพ วังสะกุล อายุ 23 ปี และ พลทหารรอสะ เละสะอะ อายุ 23 ปี ทั้งหมดสังกัด ร้อย ร.15334 หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 24 แต่อาการไม่สาหัสมากนัก
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ทหารชุดดังกล่าวเดินทางไปตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงยางร้าง และช่วยกันดับเพลิง หลังจากเพลิงสงบได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดในหมู่บ้านป่าพ้อ ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 500 เมตร เข้าใจว่าอาจจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับประชาชน จึงรีบรุดไปตรวจสอบ แต่ระหว่างทางถูกคนร้ายซึ่งซุ่มอยู่ในมุมมืด กดจุดชนวนระเบิดที่ซุกไว้ในท่อระบายน้ำข้างทาง แรงระเบิดทำให้รถตกไปข้างทาง และทหารทั้ง 7 นายได้รับบาดเจ็บ แต่ทั้งหมดก็ยังแข็งใจกระโดดลงจากรถและใช้อาวุธประจำกายยิงตอบโต้คนร้ายจนต้องล่าถอยไป เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบที่ลอบวางเพลิงเผาโรงยางร้างเพื่อลวงเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบก่อนจะลอบวางระเบิดซ้ำ
เมื่อเวลา 22.30 น.คืนวันเสาร์ที่ 13 มี.ค. เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงถล่มร้านน้ำชาไม่มีเลขที่ของ นายอับดุล อาแซ อายุ 46 ปี ตั้งอยู่ปากทางเข้าน้ำตกซีโป หมู่ 3 ต.เฉลิม อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย คือ นายอาแซ มะนอ อายุ 34 ปี เป็นนายช่างขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เฉลิม นายดอแม ยูโซ๊ะ อายุ 56 ปี ทั้งสองมีภูมิลำเนาอยู่ในหมู่ 3 ต.เฉลิม และนายอับดุล อาแซ อายุ 46 ปี เจ้าของร้านน้ำชา เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มผู้ไม่หวังดี
หมายจับ 2 มือระเบิดฆ่า"สมเพียร"
วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บันนังสตา จ.ยะลา ได้นำพยานหลักฐานเข้าขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาลอบวางระเบิดรถยนต์ของ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.บันนังสตา ขณะออกตรวจพื้นที่กับลูกน้องรวม 4 นาย เป็นเหตุให้ พ.ต.อ.สมเพียร และ ด.ต.โสภณ อินทรบวร พลขับ เสียชีวิต
แหล่งข่าวจากชุดสืบสวน สภ.บันนังสตา เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บันนังสตา ได้นำสำนวนการสอบสวนไปขออนุมัติศาลออกหมายจับ นายมะตอแฮ สิแล อายุ 31 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่หมู่ 9 ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา และ นายยูกีบือลี เจ๊ะดีแม อายุ 31 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่หมู่ 4 ต.ตาเนะปูเต๊ะ เป็นผู้ต้องหาฐานร่วมกันฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว หลังจากมีพยานหลักฐานชี้ว่าทั้งสองน่าจะเกี่ยวข้องกับเหตุลอบวางระเบิดรถของ พ.ต.อ.สมเพียร
แหล่งข่าวเผยต่อว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บันนังสตา ได้ออกติดตามบุคคลตามหมายจับทั้ง 2 คนซึ่งเชื่อว่ายังหลบซ่อนอยู่ในพื้นที่ ต.ตลิ่งชัน ต.ตาเนาะปูเต๊ะ และเขตร่อยต่อ อ.กรงปินัง จ.ยะลา รวมทั้งประสานการไล่ล่า นายมุกตาร์ อาลีมามะ ซึ่งเชื่อว่าเป็นหัวหน้าของ นายมะตอเฮ กับนายยูกีบือลี ด้วย
ก่อนหน้านี้ ฝ่ายสืบสวน สภ.บันนังสตา สันนิษฐานว่า การก่อเหตุลอบวางระเบิด พ.ต.อ.สมเพียร น่าจะเป็นฝีมือกลุ่มของ นายมุกตาร์ ซึ่งพื้นเพเป็นชาว ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา และเป็นแกนนำอาร์เคเค (กองกำลังขนาดเล็กที่ผ่านการฝึกรบแบบจรยุทธ์) ที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ ต.ตลิ่งชั่น ต.ตาเนาะปูเต๊ะ ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา ที่ผ่านมาเคยก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่มาแล้วหลายครั้ง
ในหลวง พระราชินี ทรงห่วงกำลังพลใต้
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 มี.ค. ที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา อ.เมือง จ.ยะลา นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ได้อัญเชิญสิ่งของพระราชทานเยี่ยมจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มอบให้ ร.ต.ท.กิตติศักดิ์ โลมา ด.ต.โสภณ อินทรบวร และ ส.ต.ท.ระวิกร สังข์ศิริ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บันนังสตา จ.ยะลา รวมทั้ง นายอับดุลอาซิ กาจะลากี อาสารักษาดินแดน (อส.) อ.บันนังสตา ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา บนถนนในหมู่บ้านทับช้าง หมู่ 2 ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ พ.ต.อ.สมเพียร เสียชีวิต
นายพลากร กล่าวว่า ที่ได้เดินทางมาในครั้งนี้ ได้รับพระราชกระแสรับสั่งโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งทรงมีความห่วงใยทหาร ตำรวจ พลเรือน อาสาสมัครทุกคนที่ทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเสี่ยงต่อภัยอันตรายต่างๆ จากการปะทะ การต่อสู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์นี้พร้อมๆ กับ พ.ต.อ.สมเพียร โดยทั้งสองพระองค์ได้มีพระราชกระแสรับสั่งให้รีบลงมาดู มาเยี่ยม มาสำรวจตรวจสอบว่ามีพ่อ แม่ ญาติพี่น้อง บุตร ภรรยา กี่คน เพื่อจะได้พระราชทานความช่วยเหลือในคราวต่อไป ในครั้งนี้ก็ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์มามอบให้กับผู้บาดเจ็บทุกคน เพื่อช่วยในการรักษาตัวด้วย นอกเหนือจากที่ทุกคนจะได้รับการดูแลอย่างดีจากทางราชการแล้ว
พร้อมกันนี้ ทั้งสองพระองค์ยังทรงรับสั่งให้มาดูแลทุกคนให้ดี กำชับให้แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดของทุกคนให้เอาใจใส่ทุกข์สุขผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำรวจ ทหาร และข้าราชการพลเรือนทุกฝ่ายที่ทำงานในการป้องกันปราบปรามการก่อการร้าย และการดูแลประชาชน
“ในส่วนของผู้กำกับฯสมเพียรที่เสียชีวิต ทั้งสองพระองค์ทรงสลดพระราชหฤทัยเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งได้ทรงทราบว่าผู้กำกับฯสมเพียร อยากจะขอพระราชทานพระราชวโรกาสเข้าเฝ้าฯ แต่ก็ไม่มีโอกาส จนกระทั่งเสียชีวิต ซึ่งทั้งสองพระองค์ทรงให้กำลังใจครอบครัวของผู้กำกับฯสมเพียร และกำลังพลต่างๆ อย่างเต็มที่ ทุกคนก็ทราบกันดีว่าพระองค์ทรงห่วงพวกเราทุกคน และในงานพระราชทานเพลิงศพของ พ.ต.อ.สมเพียร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จแทนพระองค์มาเป็นองค์ประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพด้วย” นายพลากร กล่าว
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษก ตร. กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จแทนพระองค์ในพิธีพระราชทานเพลิงศพ พ.ต.อ.สมเพียร ในวันพุธที่ 17 มี.ค.2553 เวลา 14.00 น. นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้แก่ครอบครัวของ พ.ต.อ.สมเพียร และข้าราชการตำรวจโดยส่วนรวม
บรรจุลูกชาย"สมเพียร"เป็นตำรวจ
โฆษก ตร. กล่าวด้วยว่า หลังงานสวดพระอภิธรรมศพ พ.ต.อ.สมเพียร ได้หารือกับ นางพิมพ์ชนา ภูวพงษ์พิทักษ์ ภรรยา พร้อมกับลูกๆ ของ พ.ต.อ.สมเพียร เกี่ยวกับแนวทางการช่วยเหลือของ ตร. โดยเฉพาะบุตรชายทั้ง 4 คน ได้ข้อสรุปว่า ส.ต.ท.โรจนินทร์ ภูวพงษ์พิทักษ์ ซึ่งเป็นลูกชายคนสุดท้องนั้น ทางมารดายังคงมีความห่วงใย จึงขอให้ ตร.ได้ช่วยพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายให้ด้วย ส่วน นายรัฐวิชย์ ภูวพงษ์พิทักษ์ ซึ่งเป็นบุตรชายคนที่สาม มีความประสงค์ที่จะเข้ารับราชการตำรวจ เพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ของบิดา
"ผมได้ทำเรื่องเสนอ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ซึ่งได้อนุมัติในหลักการ พร้อมทั้งสั่งให้สำนักงานกำลังพลดำเนินการโดยเร่งด่วน โดยจะดำเนินการโยกย้าย ส.ต.ท.โรจนินทร์ จาก ผบ.หมู่ กก.ตชด.44 อ.เมือง จ.ยะลา ไปดำรงตำแหน่ง ผบ.หมู่ ตรวจคนเข้าเมือง 6 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยจะสามารถออกคำสั่งได้ภายในวันที่ 14 มี.ค. และบรรจุ นายรัฐวิชย์ เข้ารับราชการตำรวจในตำแหน่ง ผบ.หมู่ สภ.คอหงส์ จ.สงขลา เพื่อจะได้ดูแลมารดาซึ่งมีบ้านอยู่ในเขตพื้นที่ดังกล่าว" พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าว
"ด.ต.โสภณ"ลูกน้อง"สมเพียร"สิ้นใจ
ด้านความคืบหน้าอาการบาดเจ็บของ ด.ต.โสภณ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดรถยนต์จน พ.ต.อ.สมเพียร ต้องเสียชีวิตนั้น เมื่อเวลา 14.28 น.วันอาทิตย์ที่ 14 มี.ค. โรงพยาบาลศูนย์ยะลาแจ้งว่า ด.ต.โสภณ ซึ่งทำหน้าที่เป็นพลขับของ พ.ต.อ.สมเพียร และนอนรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียูของโรงพยาบาล ได้เสียชีวิตลงแล้ว
ต่อมา วันจันทร์ที่ 15 มี.ค. ที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา นางสมจิตต์ อินทรบวร และ ด.ช.ณัฐนนท์ อินทรบวร ภรรยาและบุตรของ ด.ต.โสภณ ได้เดินทางไปรับศพ ด.ต.โสภณ จากนั้นได้เคลื่อนศพไปทำพิธีรดน้ำศพที่วัดพุทธภูมิ พระอารามหลวง อ.เมือง จ.ยะลา
นางสมจิตต์ กล่าวว่า อยากให้ทางราชการเข้ามาดูแลครอบครัวด้วย โดยเฉพาะบุตรชาย อยากให้เรียนจบถึงปริญญาตรี และเมื่อเรียนจบแล้วก็จะให้เป็นตำรวจเหมือนพ่อ และตัวเธอเองก็ได้แจ้งความจำนงขอเป็นตำรวจด้วย เพื่อจะได้มีเงินมาเลี้ยงลูก
"ดิฉันรู้สึกเสียใจที่ต้องสูญเสียสามี ที่ผ่านมาสามีก็ทำแต่งาน ไม่ค่อยได้กลับบ้าน เคยคุยกันไว้ว่าปีหน้าจะให้ขอย้ายกลับมาอยู่ที่ยะลาด้วยกัน ซึ่งสามีบอกว่าจะขออยู่ช่วยงานผู้กำกับฯสมเพียรก่อนอีก 1 ปี แต่สุดท้ายก็เกิดเหตุร้ายเสียก่อน อย่างไรก็ดี ก็รู้สึกภาคภูมิใจที่สามีได้ทำเพื่อชาติ เพราะเป็นงานที่เขารักมาก"
ด.ช.ณัฐนนท์ กล่าวเช่นกันว่า รู้สึกเสียใจที่ต้องสูญเสียบิดา แต่ก็มีภาคภูมิใจ และอยากเป็นตำรวจเหมือนบิดา อยากช่วยชาติ
"ก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 ชั่วโมง ผมโทรศัพท์เข้าไปหาพ่อ และได้พูดคุยกัน พ่อบอกว่าจะมารับไปอยู่ด้วยที่บันนังสตาวันพุธที่ 17 มี.ค.นี้ แต่มาเกิดเหตุเสียก่อน หลังจากวันนี้ผมสัญญาว่าจะเป็นคนดีและเรียนหนังสือให้สูงที่สุดตามที่พ่อเคยสอนไว้" ด.ช.ณัฐนนท์ กล่าว
ในหลวงพระราชทานพวงมาลา"ดาบโสภณ"
ที่ศาลาพระอภิธรรมศพ วัดพุทธภูมิ พระอารามหลวง 17.30 น. นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ได้อัญเชิญพวงมาลาพระราชทานจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ รวม 11 พระองค์ ไปวางหน้าหีบศพ ด.ต.โสภณ ยังความปลาบปลื้มให้กับครอบครัวของ ด.ต.โสภณ เป็นล้นพ้น
ขณะเดียวกัน นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปเป็นประธานในพิธีรดน้ำศพ ด.ต.โสภณ โดยมีตำรวจ ทหารระดับสูงเข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก โอกาสนี้ นายไตรรงค์ ได้มอบเงินช่วยเหลือตามโครงการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบให้กับนางสมจิตร ขณะที่ พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 ก็ได้มอบเงินช่วยเหลือ พร้อมเหรียญบางระจันให้เช่นกัน
-------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ได้อัญเชิญพวงมาลาพระราชทานจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ รวม 11 พระองค์ ไปวางหน้าหีบศพ ด.ต.โสภณ อินทรบวร ตำรวจ สภ.บันนังสตา พลขับของ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา ที่วัดพุทธภูมิ พระอารามหลวง อ.เมือง จ.ยะลา