- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- กรุงเทพฯจลาจล! “ทหาร-เสื้อแดง”ปะทะเดือด ตาย 25 เจ็บ 840
กรุงเทพฯจลาจล! “ทหาร-เสื้อแดง”ปะทะเดือด ตาย 25 เจ็บ 840
ทีมข่าวอิศรา
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
กรุงเทพฯเกิดสงครามกลางเมือง หลังเสียงระเบิดดังลูกแรกที่สี่แยกคอกวัวขณะเจ้าหน้าที่ตรึงกำลังเผชิญหน้าคนเสื้อแดง ผู้ชุมนุมเปิดแก๊สจุดไฟก่อนมีเสียงตูมสนั่นทหารเจ็บระนาว มือมืดโยนระเบิดซ้ำอีกไม่น้อยกว่า 5 ลูก ตามด้วยเสียงปืนยิงกันเละลามถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเจ็บตายทั้งสองฝ่าย สุดท้ายรัฐบาลสั่งถอย วอน นปช.หยุดด้วย นายกฯประกาศไม่ทิ้งหน้าที่ ย้ำเอาความสงบกลับคืน พร้อมตั้งกรรมการสอบหาคนผิดทุกกรณี
สถานการณ์การสลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง บานปลายกลายเป็นสงครามกลางเมือง เมื่อเกิดเหตุระเบิดและใช้อาวุธปืนที่บริเวณสี่แยกคอกวัวเมื่อช่วงค่ำวันเสาร์ที่ 10 เม.ย.2553 ทำให้ทั้งฝ่ายทหารและผู้ชุมนุมเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
สถานการณ์โดยรวมตลอดทั้งวันตั้งแต่เวลาประมาณ 13.00 น.จนถึงช่วงเย็น ไม่มีอะไรรุนแรง แม้จะมีเหตุการณ์ตึงเครียดบนถนนราชดำเนินและบริเวณโดยรอบเนื่องจากฝ่ายทหารใช้กำลังกดดันเพื่อสลายการชุมนุมที่เชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ตามแผน "ขอคืนพื้นที่" ของทางรัฐบาล
ทั้งนี้ฝ่ายทหารที่ได้ระดมกันมาหลายพันนายจากกองทัพภาคที่ 1 หลังจาก นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำชมรมคนรักอุดร พาผู้ชุมนุมประมาณ 300 คนพยายามบุกเข้าไปในกองทัพภาคที่ 1 ช่วงก่อนเที่ยง แต่ถูกผลักดันออกมา กระทั่งเวลาประมาณ 13.00 น. ทหารได้กระจายกำลังกันปิดทางแยกสำคัญรอบสะพานผ่านฟ้าเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ชุมนุมจากที่อื่นเข้ามาเสริม และเริ่มปฏิบัติการฉีดน้ำ โยนแก๊สน้ำตา ยิงกระสุนยาง และยิงปืนขึ้นฟ้า รวมทั้งโปรยใบปลิวจากเฮลิคอปเตอร์
ผลการปฏิบัติทำให้สามารถยึดพื้นที่คืนได้หลายส่วน อาทิ ลานพระบรมรูปทรงม้า ถนนราชดำเนินนอก ถนนราชดำเนินกลางบางส่วน แยกมิสกวัน สะพานชมัยมรุเชฐ ถนนพิษณุโลกหน้าทำเนียบรัฐบาล เป็นต้น โดยมีการปะทะกันบ้างประปราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง ส่วนใหญ่จากกระสุนยางและแก๊สน้ำตา
ขณะที่การชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ซึ่งแกนนำคนสำคัญอยู่ที่บริเวณนั้นอย่างพร้อมหน้า ทั้ง นายวีระ มุสิกพงษ์ ประธาน นปช. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองทอง แกนนำ นปช. ได้มีการปราศรัยปลุกระดมมวลชนตลอดทั้งวัน และเรียกให้คนเสื้อแดงไปชุมนุมที่ราชประสงค์กันมากๆ เพราะเกรงจะถูกสลาย
ช่วงบ่ายวันเดียวกัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติส่งกำลังตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) และชุดปราบจลาจลนับพันนายเคลื่อนเข้าไปที่แยกเพลินจิต แต่ก็ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงที่ระดมกันมาเป็นโล่มนุษย์ยืนขวางเอาไว้ บรรยากาศเผชิญหน้าราว 3 ชั่วโมง ฝ่ายตำรวจยอมถอนกำลัง ทำให้ความตึงเครียดคลี่คลายลง
ตึงเครียดรอบใหม่ที่ผ่านฟ้า-คอกวัว
สถานการณ์ที่ทำท่าจะยุติลงในช่วงค่ำกลับเริ่มตึงเครียดขึ้นอีกครั้งที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศและพื้นที่โดยรอบ เมื่อฝ่ายทหารใช้วิธียิงแก๊สน้ำตากว่า 40 ลูกจากเฮลิคอปเตอร์เข้าใส่พื้นที่ชุมนุม ทำให้คนเสื้อแดงบริเวณเชิงสะพานผ่านฟ้าถูกแก๊สน้ำตาจนปวดแสบปวดร้อนเป็นจำนวนมาก และมีการปล่อยโคมลอยกับลูกโป่งขึ้นไปก่อกวนเฮลิคอปเตอร์เป็นการตอบโต้
ส่วนที่สี่แยกคอกวัวซึ่งมีคนเสื้อแดงไปรวมพลประจัญหน้ากับทหารและได้ปิดทางขึ้นลงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าและสะพานพระราม 8 ตั้งแต่ช่วงเย็นนั้น ปรากฏว่าเวลาประมาณ 19.00 น. ทหารเริ่มเข้าเคลียร์พื้นที่ แต่ฝ่ายคนเสื้อแดงไม่ยอมถอย ซ้ำยังปาประทัดยักษ์และขว้างไม้ไผ่ปลายแหลมเข้าใส่เจ้าหน้าที่ ทำให้ฝ่ายทหารยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อข่มขู่
ต่อมาผู้ชุมนุมได้นำระเบิดควันปาเข้าใส่ทหาร ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารแถวหน้าๆ ถึงกับถอยร่น ส่งผลให้ผู้บังคับบัญชาต้องสั่งผ่านเครื่องขยายเสียงห้ามถอย และเดินหน้าผลักดันผู้ชุมนุมอย่างเต็มที่ จนเกิดการปะทะกันบริเวณใกล้กับสี่แยกคอกวัว
มือมืดจุดไฟ-ปาระเบิดใส่ทหารเจ็บเกลื่อน
เวลา 19.45 น. สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นไปอีก เมื่อมีเปลวไฟและกลุ่มควันตรงสี่แยก เนื่องจากมีบางคนในกลุ่มผู้ชุมนุมเปิดวาล์วแก๊สและจุดไฟ หลังจากนั้นไม่กี่นาทีก็มีเสียงระเบิดดังขึ้น ซึ่งไม่ชัดเจนว่าเป็นถังแก๊สระเบิด หรือมีการโยนระเบิดเข้าใส่ทหาร แต่แรงระเบิดทำให้ทหารที่ยืนอยู่ด้านหน้าเพื่อผลักดันผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บนับสิบนาย นอนร้องโอดโอยเกลื่อนพื้นถนน
เหตุระเบิดดังกล่าวทำให้ฝ่ายทหารต้องถอยร่นไปทางถนนตะนาว (ไปทางตลาดบางลำพู) บางส่วนไปอยู่หน้าวัดบวรนิเวศวิหาร จังหวะนั้นยังมีเสียงระเบิดดังขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง และมีเสียงปืนยิงอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์ชุลมุนวุ่นวายไม่รู้ว่าใครเป็นใคร แต่ส่วนใหญ่เป็นฝ่ายทหารที่ล่าถอยอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ การปะทะกันกระจายไปอีกหลายจุด อาทิ บนถนนราชดำเนินใน บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนดินสอ หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา และสะพานวันชาติ มีการยิงแก๊สน้ำตาและใช้ไม้กับกระบองตีใส่กันทั้งสองฝ่าย เสียงปืนกับระเบิดยังคงดังตลอดเวลา มีรายงานผู้เสียชีวิตทั้งฝ่ายทหารและกลุ่มคนเสื้อแดง โดยทหารที่เสียชีวิตเป็นพลทหารนายหนึ่งถูกยิงที่คอขณะปฏิบัติหน้าที่บริเวณสะพานวันชาติ ส่วนผู้บาดเจ็บทั้งสองฝ่ายมีอีกหลายร้อยคน
ณัฐวุฒิพาม็อบบุกผ่านฟ้า-ไล่นายกฯไปตปท.
ขณะที่อีกด้านหนึ่ง นายณัฐวุฒิ ได้นำผู้ชุมนุมหลายพันคนจากแยกราชประสงค์มุ่งหน้าไปสนับสนุนที่เวทีผ่านฟ้า โดยใช้เส้นทางถนนเพชรบุรี โดยผู้ชุมนุมทั้งหมดอยู่ในอาการโกรธแค้น เพราะแกนนำได้ปราศรัยปลุกระดมว่ารัฐบาลได้ใช้อาวุธหนักกับกลุ่มผู้ชุมนุม และมีการนำอาวุธบางส่วนที่ยึดมาจากสถานีดาวเทียมไทยคม (ซึ่งเป็นอาวุธที่ทหารเตรียมไว้แต่ไม่ได้ใช้) นำไปแสดงบนเวทีด้วย
เวลาประมาณ 20.00 น. นายวีระขึ้นอ่านแถลงการณ์ของ นปช.บนเวทีราชประสงค์ว่า ข้อเรียกร้องขณะนี้คือรัฐบาลต้องยุบสภาทันที และให้นายอภิสิทธิ์ออกนอกประเทศสถานเดียว เพราะปิดกั้นสื่อ และใช้อาวุธทำร้ายประชาชน
ยิงเอ็ม 79 ถล่มทำเนียบ-บึ้มตึกไทยคู่ฟ้า
ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน เกิดเหตุการณ์แทรกซ้อนขึ้นมาอีก เมื่อมีคนร้ายใช้เครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 ยิงระเบิดเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล กระสุนตกบริเวณด้านหลังตึกนารีสโมสร แต่ระเบิดไม่ทำงาน
หลังจากนั้นยังมีการยิงลูกระเบิดเข้าไปบริเวณเสาธงที่อยู่บนตึกไทยคู่ฟ้าอีก 1 ลูก แรงระเบิดทำให้อาคารได้รับความเสียหายพอสมควร
ศอฉ.สั่งถอนทหารถอยหนีเสื้อแดง
สถานการณ์ในช่วงเวลา 20.00-21.00 น. สับสนอย่างหนัก โดยนายอริสมันต์พาผู้ชุมนุมอีกส่วนหนึ่งจากแยกราชประสงค์ไปสมทบที่สะพานผ่านฟ้า เมื่อเจอทหารซึ่งมีเฉพาะโล่กับกระบอง ก็ใช้ไม้และของแข็งที่พอหาได้ไล่ตี และพยายามล้อมกรอบทหาร โดยแกนนำทุกคนต่างปราศรัยปลุกระดม เช่น ทหารยิงหัวประชาชนแล้ว เป็นต้น ทำให้ผู้ชุมนุมอยู่ในอาการโกรธแค้นอย่างหนัก เสียงปืนกับเสียงระเบิดยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
กระทั่งเวลา 21.00 น. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แถลงว่า จากกรณีที่ ศอฉ.ได้ดำเนินการตามแผนขอพื้นที่การชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าจากกลุ่มคนเสื้อแดงคืน ซึ่งการปฏิบัติงานของกำลังพลของ ศอฉ.ทุกนายทั้งทหาร ตำรวจ และพลเรือน ได้ดำเนินการตามมาตรการจากเบาไปหาหนักตามกฎการใช้กำลัง 7 ขั้นนั้น
ปรากฏว่ากลุ่มคนเสื้อแดงได้ดำเนินการต่อต้านและตอบโต้การปฏิบัติของ ศอฉ.ทุกรูปแบบ มีการใช้อาวุธและกระสุนจริง มีระเบิดเอ็ม 67 ระเบิดเอ็ม 79 นอกจากนั้นยังมีการใช้ระเบิดแสวงเครื่องโดยใช้แก๊สทำร้ายทหาร เป็นผลให้ผู้ปฏิบัติงานต้องได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
"ศอฉ.ได้หารือร่วมกับรัฐบาล มีมติให้ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทนรัฐบาลประสานการปฏิบัติกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง เพื่อหยุดการปฏิบัติทั้งสองฝ่าย ทั้งเจ้าหน้าที่และกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งขณะนี้ทหารได้ถอยออกจากพื้นที่ และออกห่างจากกลุ่มผู้ชุมนุมแล้วระดับหนึ่ง แต่ยังมีการยิงระเบิดเอ็ม 79 ไปยังบริเวณที่ทหารรวมตัวอยู่อย่างต่อเนื่อง”
"อย่างไรก็ตาม คาดว่ากลุ่มเสื้อแดงที่ได้รับการประสานจะหยุดการปฏิบัติ และเคลื่อนย้ายกำลังออกจากทหาร เพื่อหารือถึงแนวทางการปฏิบัติต่อไป เพราะหากปฏิบัติในลักษณะอย่างนี้ และมีการตอบโต้กับทหารอาจทำให้ความรุนแรงขยายตัวออกไป" พ.อ.สรรเสริญ กล่าว
"ณัฐวุฒิ-กอร์ปศักดิ์"รับเงื่อนไขหยุดยิง
ด้าน นายณัฐวุฒิ ได้ประกาศบนรถปราศรัยว่า ให้เวลา 5 นาทีเพื่อให้กองทัพประกาศหยุดยิง โดยขอให้ประสานตรงมายังเขา หากประกาศชัด เขาจะส่งตัวแทนไปชวนผู้ชุมนุมที่เผชิญหน้าอยู่กับทหารให้กลับมารวมตัวที่สะพานผ่านฟ้า ขอให้ยุติปฏิบัติการสลายการชุมนุมโดยทันที คืนนี้ต้องไม่มีคนตายเพิ่ม
ต่อมาเวลา 21.10 น. นายณัฐวุฒิประกาศบนเวทีปราศรัยที่สะพานผ่านฟ้าว่า ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายกอร์ปศักดิ์แล้ว โดยรัฐบาลยืนยันว่าหยุดปฏิบัติการและถอนกำลังทหารแล้ว หลังจากนี้จึงขอให้คนเสื้อแดงกลับมาชุมนุมอย่างสงบที่เวทีผ่านฟ้า แต่ต้องปลอดจากเสียงปืน อย่าพูดถึงเรื่องการเอาคืนหรือล้างแค้น ภารกิจเฉพาะหน้าคือทุกคนต้องปลอดภัย
มีรายงานเมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ว่า ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งไปถึง 8 ราย ทั้งทหารและฝ่ายคนเสื้อแดง โดยมีช่างภาพจากสำนักข่าวรอยเตอร์ซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่นถูกกระสุนปืนที่หน้าอกเสียชีวิตด้วย
แกนนำบุกชิงศพ รพ.แห่ปลุกระดมต่อ
สถานการณ์ดูจะคลี่คลายลงชั่วคราว แต่แล้วก็ปะทุร้อนแรงขึ้นมาอีก เมื่อ นายวีระ กับนายจตุพร ขึ้นเวทีที่สี่แยกราชประสงค์นำมวลชนยืนไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ปะทะกันที่สี่แยกคอกวัวเป็นเวลา 1 นาที จากนั้นนายจตุพร ปราศรัยว่า ขณะนี้มวลชนของเราเสียชีวิตไปแล้ว 3 ศพ บาดเจ็บกว่า 400 คน จึงขอให้แกนนำเสื้อแดง จ.ปทุมธานี นำมวลชน 1,000 คน มุ่งหน้าไปเสริมกำลังที่เวทีสะพานผ่านฟ้าเพื่อรักษาฐานที่มั่นเอาไว้ ขณะเดียวกันก็ต้องรักษาเวทีราชประสงค์ซึ่งเป็นฐานที่มั่นสำคัญเอาไว้ด้วย
ด้าน นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน แกนนำคนเสื้อแดง กับนายอริสมันต์ ได้นำศพคนเสื้อแดงขึ้นเวทีที่ผ่านฟ้า พร้อมประกาศให้หน่วยจักรยานยนต์ล่วงหน้าไปตามโรงพยาบาลต่างๆ เช่น โรงพยาบาลหัวเฉียว โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลวชิรพยาบาล เพื่อป้องกันไม่ให้ทหารนำศพของคนเสื้อแดงไปซ่อน หลังการประกาศทำให้มีกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนมากบุกไปตามโรงพยาบาลต่างๆ และมีการแย่งชิงศพกันด้วย
"ประยุทธ์"ฮึ่มยอมไม่ได้แดงละเมิดก.ม.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ โอชา รองผู้บัญชาการทหารบก (รองผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า อยากให้กลุ่มคนเสื้อแดงหยุดการเคลื่อนไหวได้แล้ว เพราะมันไม่มีประโยชน์ จะยิ่งทำให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายออกไป และส่งผลเสียหายให้กับประเทศชาติ กลุ่มคนเสื้อแดงจะต้องยึดหลักกฎหมายของบ้านเมือง เพราะถ้าไม่ยึดกฎหมายของบ้านเมืองก็แก้ไขกันไม่ได้
"ผมคงยอมไม่ได้ที่กลุ่มคนเสื้อแดงไม่ยึดกฎหมายบ้านเมือง ผมยืนยันว่าจะทำให้ทุกอย่างเกิดความเรียบร้อย และให้บ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯสั่งกำลังหนุน-รบพิเศษเข้ากรุง
ด้านความเคลื่อนไหวของรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุม ศอฉ. โดยมีผู้บัญชาการเหล่าทัพเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายกฯได้สั่งให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เพิ่มกำลังทหารเข้าไปเสริมการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ และให้ พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ผบ.พล ร. 2 รอ.) เป็นหัวหน้าชุดในการคลี่คลายสถานการณ์
ขณะเดียวกัน มีการเรียกกำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ฉก.90 สังกัดหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จ.ลพบุรี เข้าพื้นที่กรุงเทพฯ และกองกำลังชุดดังกล่าวได้เดินทางถึงกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) แล้ว
ด้าน ศอฉ.ได้สรุปยอดทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดนับร้อยนาย รวมทั้ง พ.อ.มานะ ปริญญาศิริ ที่ถูกยิงบริเวณท้องสนามหลวงขณะโปรยใบปลิวบนเฮลิคอปเตอร์ ขณะนี้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า
นายกฯลั่นไม่ทิ้งหน้าที่-เล็งตั้งกรรมการอิสระสอบหาคนผิด
เวลา 23.30 น. นายอภิสิทธิ์ ได้แถลงทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยว่า ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต และความสูญเสียที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา พร้อมกับระบุถึงความจำเป็นที่เจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติการขอพื้นที่คืน หลังจากที่ผู้ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงได้ยกระดับการชุมนุมขึ้นจนเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย ทั้งที่รัฐบาลได้อดกลั้นมาโดยตลอด และพยายามใช้วิธีการเจรจา จนถูกตำหนิว่าไม่มีความเด็ดขาด โดยเฉพาะจากกลุ่มที่เดือดร้อนจากการชุมนุมและไม่เห็นด้วยกับคนเสื้อแดง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ปัญหาเกิดขึ้นเนื่องจากคนบางกลุ่มพร้อมที่จะใช้ความรุนแรง เห็นได้จากการก่อวินาศกรรมตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะสถานการณ์ 2-3 วันมานี้ รัฐบาลไม่มีทางเลือกนอกจากแสดงออกถึงความจำเป็นของการบังคับใช้กฎหมาย ไม่เช่นนั้นจะกระทบกระเทือนต่อการบังคับใช้กฎหมายในอนาคต และกระทบถึงสถาบันหลักของชาติ
“รัฐบาลได้บังคับใช้กฎหมายโดยเลือกวิธีการขอพื้นที่บางส่วนจากผู้ชุมนุม โดยต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนให้มากที่สุด โดยมีขั้นตอนชัดเจน การใช้กระสุนจริงใช้ได้แค่ 2 กรณีคือยิงขึ้นฟ้าและป้องกันตัวเองจากอันตรายที่ใกล้จะถึงตัว” นายกฯกล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า การขอคืนพื้นที่นั้นประสบอุปสรรคมากมาย ในภาพที่เกิดขึ้นทางสื่อต่างๆ มีภาพอาวุธของผู้ชุมนุมด้วย ซึ่งต่างฝ่ายต่างอ้างถึงความจำเป็นและความชอบธรรม เหตุการณ์ที่นำมาสู่ความสูญเสียหลักมาจากการใช้อาวุธเอ็ม 79 ที่ถูกนำมาใช้ก่อวินาศกรรมก่อนหน้านี้หลายครั้ง ทำให้ทหารเสียชีวิตจำนวนหนึ่ง พลเรือนเสียชีวิตจำนวนหนึ่ง ซึ่งต้องมีการพิสูจน์และชันสูตรต่อไปว่าเสียชีวิตที่ไหน เมื่อไหร่ และด้วยสาเหตุอะไร
“ความสูญเสียที่เกิดขึ้นนี้ รัฐบาลและแกนนำผู้ชุมนุมต้องประสานงานกันว่าต้องหยุดยั้งไม่ให้สูญเสียมากกว่านี้ รัฐบาลต้องยุติปฏิบัติการ แกนนำผู้ชุมนุมต้องเรียกผู้ชุมนุมให้กลับไปชุมนุมอยู่ที่เวที ส่วนความสูญเสียที่เกิดขึ้นทุกกรณีต้องมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงเพื่อเป็นคำตอบของสังคมว่าเหตุการณ์ที่แท้จริงเป็นอย่างไร โดยต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ให้ผู้มีวิชาชีพโดยตรงดำเนินการโดยอิสระ เพื่อให้ความจริงต่อสังคม ไม่ควรมีการกล่าวหาว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทำให้เกิดความสูญเสีย มิฉะนั้นเราจะไม่สามารถรักษาบรรยากาศที่เย็นลงแล้วได้”
นายกฯกล่าวด้วยว่า เขาและรัฐบาลยังมีหน้าที่คลี่คลายสถานการณ์ต่อไป และจะทำทุกวิถีทางที่จะทำให้บ้านเมืองสงบลงให้ได้ โดยรักษาหลักการของบ้านเมืองเอาไว้ ขอให้คำมั่นว่าการดำเนินงานของรัฐบาลจะตรงไปตรงมาโปร่งใสและเป็นธรรม คิดถึงประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง ไม่คิดถึงประโยชน์ส่วนตัวแม้แต่น้อย
สรุปยอดเสียชีวิต 25 ราย บาดเจ็บ 840
กลางดึกวันเดียวกัน นพ.เพ็ชรพงษ์ กำจรกิจการ ผู้อำนวยการศูนย์เอราวัณ สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร (กทม.) แถลงว่า เมื่อเวลา 22.00 น. สรุปตัวเลขผู้บาดเจ็บ 521 ราย เสียชีวิต 12 ราย ในจำนวนนี้มีพลเรือน 9 ราย ทหาร 3 นาย ส่งต่อไปโรงพยาบาลหัวเฉียว 2 ราย โรงพยาบาลกลาง 6 ราย โรงพยาบาลวชิระพยาบาล 3 ราย ส่วนช่างภาพชาวญี่ปุ่นชื่อ นายฮิรายูกิ เสียชีวิต
ต่อมา หลังเหตุการณ์สงบลง ได้มีการสรุปยอดผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บอย่างเป็นทางการอีกครั้ง โดยผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เม.ย.มีทั้งสิ้น 25 ราย ได้รับบาดเจ็บถึง 840 คน
-------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ : ภาพจากเว็บไซต์ผู้จัดการ www.manager.co.th
บรรยายภาพ : ทหารเข้าผลักดันกลุ่มคนเสื้อแดงเพื่อขอพื้นที่คืนใกล้กับสะพานผ่านฟ้าลีลาศในช่วงบ่าย ก่อนที่ตกค่ำจะเกิดจลาจลขึ้นในเขตกรุงเทพฯชั้นใน