- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- ยิงนักข่าวยะลาดับ ศาลลงโทษทหารทำร้ายชาวบ้าน คดี 3 คนไทยในมาเลย์ส่อยืดเยื้อ
ยิงนักข่าวยะลาดับ ศาลลงโทษทหารทำร้ายชาวบ้าน คดี 3 คนไทยในมาเลย์ส่อยืดเยื้อ
อะหมัด รามันห์สิริวงศ์
ปรัชญา โต๊ะอิแต / แวลีเมาะ ปูซู
ใต้ยังระอุต่อเนื่อง คนร้ายควบมอเตอร์ไซค์สาดกระสุนใส่นักข่าวท้องถิ่นยะลาดับคาถนน ขณะขี่รถไปช่วยแม่ขายของที่ตลาดนัด ตำรวจตั้งปมสร้างสถานการณ์หรือขัดแย้งส่วนตัว ด้านคดีทหารทำร้ายชาวบ้าน ศาลพิพากษาจำคุก 6 เดือน แต่จำเลยรับสารภาพและกระทำผิดครั้งแรก ลดโทษให้รอลงอาญา 2 ปี ขณะที่คดี 3 คนไทยถูกจับในมาเลย์พร้อมอาวุธส่อเค้ายืดเยื้อ โอนคดีให้ศาลโกตาบารูไต่สวน
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงปั่นป่วนและเกิดเหตุรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 07.45 น.วันที่ 2 พ.ค.2553 ร.ต.ท.อรรถกร แก้วพวง รองสารวัตรป้องกันและปราบปราม (รอง สวป.) สภ.ลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา รับแจ้งเหตุยิงกันบริเวณริมทุ่งนาบ้านตาสา ถนนสายทางลัดลำใหม่ หมู่ 3 ต.พร่อน อ.เมือง จ.ยะลา จึงนำกำลังรีบรุดไปตรวจสอบ
ทั้งนี้ ที่เกิดเหตุอยู่บนเส้นทางลัดสายท่าสาป-ลำใหม่ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 4-5 พบศพ นายอารูมิง ยามา อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/4 หมู่ 5 บ้านทุ่งสะเดา ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา ถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้น นอนจมกองเลือดคารถจักรยานยนต์ส่วนตัว ส่วนบริเวณจุดเกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนจำนวนหนึ่ง จึงเก็บไว้เป็นนหลักฐาน
สอบสวนทราบว่า นายอารูมิงเป็นผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์หาดใหญ่เจอนัล และผู้ช่วยช่วงภาพของนักข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ประจำ จ.ยะลา ก่อนเกิดเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านในตัวเมืองยะลาเพื่อไปช่วยมารดาขายของตามตลาดนัด ระหว่างทางมีคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียนตามประกบ เมื่อสบโอกาสรถคันดังกล่าวได้แซงขึ้นหน้า คนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายได้ชักปืนยิงใส่จนนายอารูมิงเสียชีวิตคาที่ เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบ หรือมีสาเหตุจากเรื่องส่วนตัว
ร.ต.ท.ประพันธ์ บัวแก้ว ร้อยเวรเจ้าของคดี กล่าวว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ประกบ แล้วใช้อาวุธปืนพกสั้นขนาด 11 และ 9 ม.ม.ยิงในระยะประชิด เมื่อรถของผู้ตายล้มคว่ำ คนร้ายยังตามลงไปยิงซ้ำด้วยปืนขนาด 9 ม.ม.ที่ลำตัวอีกหลายนัด นอกจากนั้นก่อนจะหลบหนี คนร้ายยังได้นำโทรศัพท์มือถือ วิทยุสื่อสาร และกล้องถ่ายภาพนิ่งยี่ห้อแคนนอน พร้อมอุปกรณ์ไปด้วย หลังเกิดเหตุได้ไปตรวจสอบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดของเทศบาลนครยะลา และขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) พร่อน แต่ไม่พบภาพรถจักรยานยนต์ต้องสงสัย
ร.ต.ท.ประพันธ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ตั้งประเด็นการก่อเหตุเอาไว้ 2 ประเด็น คือเรื่องส่วนตัว กับการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ซึ่งจากการสอบสวนชาวบ้านในหมู่บ้านเดียวกันกับผู้ตาย ทราบว่าผู้ตายเป็นคนเรียบร้อย ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร จึงได้ให้น้ำหนักไปในเรื่องสร้างสถานการณ์มากกว่า อย่างไรก็ตาม จะเรียกญาติและแฟนของผู้ตายมาสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้ง
ต่อมา นายอับดุลการิม รามันห์สิริวงศ์ เลขาธิการสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย ได้รับมอบหมายจาก นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมฯ นำเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจำนวน 5,000 บาทจากทางสมาคมฯ ไปมอบให้กับ นางยาหารอ หมานเต๊ะ มารดาของนายอารูมิง ในงานประกอบพิธีศพตามหลักศาสนา
นายอับดุลการิม กล่าวว่า รู้สึกสลดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะผู้ตายเป็นคนมีความประพฤติเรียบร้อย ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะหมางใจกับใคร เมื่อว่างจากการทำข่าวก็จะไปทำงานเป็นช่างซ่อมรถยนต์และเสมียนที่อู่ซ่อมรถ แม้ครอบครัวจะลำบาก มีฐานะยากจน แต่ก็ยังบากบั่นศึกษาจนจบระดับปริญญาตรี ขณะนี้ทางสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทยกำลังรอผลการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากเรื่องใดแน่
ด้าน นายวีรศักดิ์ พงษ์อักษร เลขาธิการสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้โทรศัพท์สอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากนายอับดุลการิมเพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือ และเร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว
ศาลพิพากษาจำคุกทหารทำร้ายชาวบ้าน
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมายังมีความคืบหน้าคดีละเมิดสิทธิมนุษยชน และคดี 3 คนไทยที่ถูกจับกุมในมาเลเซียด้วย
โดยเมื่อวันที่ 26 เม.ย.2553 ศาลจังหวัดทหารบกปัตตานีมีคำพิพากษาในคดีคดีหมายเลขดำที่ 11 ก./2553 ซึ่งพนักงานอัยการศาลจังหวัดทหารบกปัตตานีเป็นโจทก์ฟ้อง ส.อ.ขวัญชัย สีนิล เป็นจำเลยในข้อหาทำร้ายร่างกาย ด.ช.อาดิล สาแม และ นายมะเซาฟี แขวงบู
คำฟ้องระบุว่า จำเลยใช้กำลังประทุษร้ายโดยการเตะและตบด้วยด้ามปืนที่บริเวณลำตัวและศีรษะ จนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายทั้งสองได้รับอันตรายแก่กาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 พ.ค.2552 ที่ ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพว่าได้กระทำผิดจริง
ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเป็นเวลา 6 เดือน ปรับ 2,000 บาท แต่จำเลยไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน และมีประวัติความประพฤติดี โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี แต่ให้บังคับโทษปรับ คดีเป็นอันถึงที่สุด อย่างไรก็ดี ภายหลังจากศาลมีคำพิพากษา ผู้เสียหายทั้งสองคนยังติดใจที่จะฟ้องคดีแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายต่อไป
โอนคดี 3 คนไทยถูกจับในมาเลย์ไปศาลโกตาบารู
วันที่ 28 เม.ย.2553 เวลา 09.40 น.ตามเวลาท้องถิ่นประเทศมาเลเซีย ศาลมาเจสเตต ปาเสมัส (Mahkamah Majistret Pasir Mas) อำเภอปาเสมัส รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ได้นัดไต่สวนคนไทย 3 คนที่ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2552 พร้อมของกลางอาวุธปืนและวัตถุระเบิดจำนวนสมากในเขตปาเสมัส
โดยชายไทย 3 คนประกอบด้วย นายมูฮำหมัดฟาโร บินยาการียา อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 130 หมู่ 2 ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส นายสารีมูฮำหมัด บินอับดุลฮาสิ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 120 หมู่ 5 ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส และ นายมะยูไน บินเจ๊ะดอเลาะ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 71 หมู่ 2 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จ.นราธิวาส
ทั้งนี้ เมื่อถึงเวลานัด ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนได้ถูกนำตัวไปที่ศาล โดยมีการควบคุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด จากนั้นทั้ง 3 คนได้ถูกเรียกเข้าห้องพิจารณาคดี ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่คุมตัวขึ้นรถเพื่อนำไปฝากขังต่อที่เรือนจำเปอร์กาลัง จาปอ ( Pang Kalang Capa) เมืองโกตาบารู รัฐกลันตัน
เจ้าหน้าที่ประจำศาลมาเจสเตต เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาใช้เวลาอยู่ในห้องพิจารณาคดีประมาณ 10 นาที โดยศาลมีคำสั่งว่า คดีนี้มีพยานหลักฐานที่จะทำการไต่สวนได้ แต่เนื่องจากความผิดมีอัตราโทษสูงเกินกว่าอำนาจศาลแขวงปาเสมัสจะไต่สวน จึงให้โอนคดีไปไต่สวนที่ศาลเมืองโกตาบารู ส่วนวันนัดต้องเป็นไปตามกำหนดของศาลโกตาบารู
สำหรับบรรยากาศที่หน้าศาลมาเจสเตต มีผู้สื่อข่าวท้องถิ่นทั้งหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ของมาเลเซียให้ความสนใจเดินทางมาติดตามรายงานข่าวพอสมควร แต่ไม่มีญาติพี่น้องของผู้ต้องหาทั้ง 3 คนเข้าร่วมรับฟังการไต่ส่วนคดีด้วยแต่อย่างใด
คดีนี้มีการนัดไต่สวนนัดแรกไปเมื่อวันที่ 25 ก.พ.2553 แต่เนื่องจากศาลยังไม่ได้รับเอกสารรายงานเกี่ยวกับการตรวจพิสูจน์ของกลาง จึงมีคำสั่งเลื่อนนัดไต่สวนเป็นวันที่ 11 เม.ย.2553 เพื่อรอผลการพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับของกลางที่ยึดได้ระหว่างการจับกุม แต่เมื่อถึงวันนัด ศาลได้เลื่อนการไต่สวนอีกครั้งเป็นวันที่ 28 เม.ย.ดังกล่าว
อนึ่ง การจับกุม 3 คนไทย เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2552 โดยตำรวจมาเลเซียนำกำลังเข้าตรวค้นบ้านเช่าของผู้ต้องหาทั้ง 3 คน เลขที่ 17 บ้านแกเด็ง ตำบลบาโงสะโต อำเภอปาเสมัส รัฐกลันตัน ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบ้านแฆแบ๊ะ หมู่ 1 ต.นานาค อ.ตากใบ จ.นราธิวาส และพบของกลางหลายรายการ อาทิ กระสุนปืนพกสั้น ขนาด .32 จำนวน 48 นัด กระสุนปืนพกสั้น ขนาด .38 จำนวน 210 นัด ไดนาไมท์ จำนวน 136 แท่ง คู่มือประกอบวัตถุระเบิด 6 เล่ม ปุ๋ยแอมโมเนียมไนเตรท จำนวน 5 กิโลกรัม รีโมทรถยนต์ จำนวน 6 ชุด ถ่านไฟฉายขนาด 12 โวลต์จำนวน 8 ก้อน ถ่านไฟฉายขนาด 9 โวลต์ จำนวน 9 ก้อน รถยนต์เก๋งยี่ห้อโปรตรอน สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน WKB 7153 จำนวน 1 คัน อาวุธปืนสงครามเอ็ม 16 และอาก้า จำนวน 2 กระบอก แผนที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นต้น
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลจับกุมคนไทยเพิ่มอีก 8 คน เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. ที่บ้านรันตูปันยัง รัฐกลันตัน แต่ทั้ง 8 คนได้รับการปล่อยตัว หรือถูกดำเนินคดีในข้อหาเบาเท่านั้น เนื่องจากไม่พบว่าพัวพันกับประเด็นความมั่นคง
สำหรับนายมูฮำหมัดฟาโร มีหมายจับ ป.วิอาญา (ออกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา) ของ สภ.เจาะไอร้อง ในคดีลอบวางระเบิดด้ย โดยมีชื่อตามบัตรประชาชนไทยว่า นายมามะกอยรี สือแบ ส่วนนายสารี มูฮำหมัด มีหมายจับ ป.วิอาญา ในคดีลอบวางระเบิดของ สภ.ตากใบ เช่นกัน และมีชื่อตามบัตรประชาชนไทยว่า นายมูฮัมหมัดซีดี สาและ
----------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 นักข่าวท้องถิ่นยะลาถูกยิงเสียชีวิตคาถนน
2 นายอารูมิง ยามา
3 นายอับดุลการิม รามันห์สิริวงศ์ เลขาธิการสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้กับมารดาของนายอารูมิง
4 สามคนไทย (เสื้อสีส้ม) ขณะถูกคุมตัวไปขึ้นศาลปาเสมัส รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย
อ่านประกอบ :
- ศาลเลื่อนไต่สวนคดี 3 คนไทยถูกมาเลย์รวบพร้อมระเบิด
- เบื้องลึกมาเลย์จับ 11 คนไทย ยังมิใช่บทพิสูจน์กระชับความสัมพันธ์
- เปิดรายละเอียด 3 คนไทยถูกมาเลย์รวบพร้อมระเบิด ยะลา “วิ” รายวัน
- มาเลย์รวบ 3 คนไทยสงสัยผลิตระเบิดป่วนใต้ ยะลาวิสามัญฯ 2 ศพ