- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- ทหารโต้ทำระเบิดหล่น แต่ยอมรับมีรถ จนท.ผ่านหน้ามัสยิดกลางยะลา อ้างถูกคนร้ายปาบึ้มใส่
ทหารโต้ทำระเบิดหล่น แต่ยอมรับมีรถ จนท.ผ่านหน้ามัสยิดกลางยะลา อ้างถูกคนร้ายปาบึ้มใส่
ทีมข่าวอิศรา
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
ทหารยอมรับแล้วมีรถของกำลังพลแล่นผ่านขณะเกิดระเบิดหน้ามัสยิดกลางยะลาเมื่อค่ำวันที่ 8 มิ.ย.จริง หลังปล่อยให้อึมครึมมาหลายวัน ผบ.พตท.เผยเป็นรถของหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 21 แต่ยังยืนกรานโดนคนร้ายปาบึ้มใส่ ไม่ได้ทำระเบิดหล่นตามที่ชาวบ้านสงสัย พร้อมเปิดตัว “ร้อยโท” เล่าเหตุการณ์ละเอียดยิบ บอกเสียใจไม่ได้จอดรถช่วยชาวบ้าน อ้างกลัวระเบิดลูกสอง
เหตุระเบิดบนถนนหน้ามัสยิดกลางประจำจังหวัดยะลา เมื่อค่ำวันที่ 8 มิ.ย.2553 ซึ่งมีผู้ได้รับบาดเจ็บถึง 23 ราย อาการสาหัส 2 ราย โดยหนึ่งในสองเป็นเด็กหญิงอายุแค่ 5 ขวบนั้น ตกเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในพื้นที่มาหลายวัน เนื่องจากฝ่ายทหารยืนยันว่าไม่มีรถของกำลังพลแล่นผ่านขณะเกิดเหตุ แต่ภายหลังกลับมีภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดชี้ให้เห็นว่ามีรถของทหารแล่นผ่านจริง ทำให้ชาวบ้านตั้งข้อสงสัยว่าระเบิดหล่นจากรถของทหารเองหรือไม่ ซึ่งสวนทางกับการสืบสวนสอบสวนของตำรวจที่สันนิษฐานว่าเป็นการปาระเบิดของกลุ่มก่อความไม่สงบแต่พลาดเป้า
ผบ.พตท.ยอมรับแล้วมีรถทหารผ่านขณะเกิดเหตุ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พล.ท.กสิกร คิรีศรี ผู้บัญชาการกองบัญชาการผสมพลเรือนตำรวจทหาร (ผบ.พตท.) แถลงว่า กรณีที่ชาวบ้านร่ำลือกันว่าเหตุระเบิดบริเวณปากซอย 14 ถนนสิโรรส ย่านชุมชนตลาดเก่า ในเขตเทศบาลนครยะลา ทำให้ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บกว่า 20 คน เป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ทหารนั้น ข้อเท็จจริงสามารถพิสูจน์ได้จากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่มีอยู่ตามสถานที่ต่างๆ และข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ทหารที่ประสบเหตุว่าเป็นการกระทำของผู้ก่อเหตุรุนแรง
"มีคนร้ายขว้างระเบิดใส่รถยนต์ของเจ้าหน้าที่ทหาร แต่ว่าระเบิดพลาดเป้า จึงไปสร้างความเสียหายให้กับประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนมาก ข้อมูลนี้เป็นข้อเท็จจริงที่ถ้าทุกฝ่ายได้ดูหลักฐานก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ ส่วนรถยนต์คันที่ปรากฏในภาพจากกล้องวงจรปิดนั้น ผมทราบแล้วว่าเป็นของทหารหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 21 รับผิดชอบพื้นที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี มีฐานปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่ ต.ระแว้ง อ.ยะรัง โดยผมได้เรียกให้ทหารที่อยู่ในเหตุการณ์มาชี้แจงแล้ว" พล.ท.กสิกร ระบุ
ซัดแก๊งป่วนปาระเบิดไม่สนชาวบ้านเจ็บ-ตาย
ส่วนการเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บนั้น ผบ.พตท. กล่าวว่า ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร และจังหวัดยะลา ได้เข้าไปดูแลอย่างเต็มที่ โรงพยาบาลศูนย์ยะลาเองก็ได้จัดทีมแพทย์เฉพาะทางคอยดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างใกล้ชิด ขณะที่การเยียวยาสภาพจิตใจ ทางทหารก็รีบเข้าไปทำความเข้าใจและชี้แจงข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งสอบถามพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ ให้พี่น้องมีความเชื้อมั่นว่าเจ้าหน้าที่เข้ามาในพื้นที่เพื่อปกป้องดูแลความปลอดภัย ไม่ได้ก่อเหตุรุนแรงกับพี่น้องประชาชนอย่างแน่นอน
"จะเห็นได้ว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ไม่ได้เลือกเป้าในการก่อเหตุ และไม่คำนึงว่าใครจะได้รับบาดเจ็บหรือสูญเสียชีวิตบ้าง ส่วนรถยนต์ของทหารที่ปรากฏในภาพจากกล้องวงจรปิดนั้น เมื่อมาสอบถามแล้วก็ทราบเหตุผลว่าทำไมขณะนั้นเจ้าหน้าที่ทหารจึงไม่ลงไปช่วยชาวบ้านที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิด" พล.ท.กสิกร ระบุ
“ร้อยโท”ยันหน่วยไม่มีระเบิดแบบเอ็ม 67
โอกาสนี้ พล.ท.กสิกร ได้อนุญาตให้ ร.ท.อนุชา มหาลีวีรัศมี รองผู้บังคับกองร้อย ร.8023 หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 21 อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ ได้เล่าข้อเท็จจริงของเรื่องที่เกิดขึ้น โดย ร.ท.อนุชา ระบุว่ารถกระบะของหน่วยถูกขว้างวัตถุเข้าใส่ จากนั้นก็มีเสียงระเบิดดังขึ้น จึงให้พลขับจอดรถห่างจากจุดที่ได้ยินเสียงระเบิดประมาณ 100 เมตร เมื่อลงมาตรวจดูรถไม่พบความเสียหาย และกำลังพล 5 นายก็ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ จึงตัดสินใจให้พลขับออกรถเดินทางต่อไป เพราะเกรงว่าหากมีกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงแฝงตัวปะปนอยู่ในหมู่พี่น้องประชาชน อาจจะมีความรุนแรงมากกว่านี้เกิดขึ้นได้ เช่น อาจมีระเบิดลูกที่ 2 เป็นต้น
ร.ท.อนุชา กล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุในภายหลัง ทราบว่าระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นระเบิดขว้างชนิด เอ็ม 67 ซึ่งเป็นระเบิดที่หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 21 ไม่มีใช้ และเป็นไปไม่ได้ที่กำลังพลจะทำระเบิดหล่นจนเกิดระเบิดขึ้น
แจงยิบเสียใจไม่ได้เข้าไปช่วยคนเจ็บอ้างกลัวบึ้มลูกสอง
“ทีมข่าวอิศรา” ขอนำเสนอคำกล่าวของ ร.ท.อนุชา อย่างละเอียด เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงครบถ้วน ดังนี้
“คืนนั้น (8 มิ.ย.) เวลา 19.30 น. ผมกับกำลังพลจำนวน 5 นายได้เดินทางเข้าไปในพื้นที่ อ.เมือง จ.ยะลา โดยใช้ยานพาหนะ คือ รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักซ์ วีโก้ สีบรอนซ์เงิน ซึ่งเป็นรถของทางราชการทหาร ได้เคลื่อนที่จากค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ไปยังเขตเทศบาลนครยะลา เมื่อขับผ่านบริเวณย่านตลาดเก่า ในห้วงเวลานั้นมีประชาชนและนักศึกษาเป็นส่วนใหญ่ได้ออกมาจับจ่ายซื้อของ และออกมารับประทานอาหาร เป็นช่วงที่มีชาวบ้านหนาตา”
“เมื่อขับผ่านบริเวณหอนาฬิกา หน้ามัสยิดกลางประจำจังหวัดยะลา ผมได้ยินเสียงสิ่งของกระทบตัวรถยนต์บริเวณด้านซ้ายของรถยนต์ จำนวน 2 ครั้ง เหมือนมีใครขว้างอะไรเข้ามา เสียงที่ได้ยินครั้งแรกกับครั้งที่ 2 ห่างกันไม่ถึง 1 วินาที หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นจำนวน 1 ลูก ผมและพลขับที่อยู่ในห้องโดยสารก็ตั้งสติว่าได้กิดเหตุระเบิดขึ้นแล้ว ซึ่งจากจุดที่ระเบิดกับตัวรถยนต์ที่เคลื่อนออกไปเกือบ 100 เมตร พลขับได้จอดรถ ผมเองก็ได้ลงมาจากรถยนต์เพื่อตรวจสอบว่ารถยนต์ได้รับความเสียหาย และกำลังพลที่อยู่ด้านท้ายกระบะรถเป็นอย่างไรบ้าง ปรากฏว่ารถยนต์ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด ส่วนกำลังพลทั้งหมดปลอดภัย”
“เมื่อมองไปรอบๆ ก็พบมีกลุ่มวัยรุ่นจำนวนหลายราย และกำลังพลของผมมีเพียง 5 นาย หากมีกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงอยู่ในจุดนั้น เจ้าหน้าที่ทหารก็จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ซึ่งก็มีประชาชนหลาย ๆ คนตั้งคำถามในใจว่าทำไมเจ้าหน้าที่ทหารชุดของผมในตอนนั้นไม่เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ และไม่ได้เข้าไปตรวจสอบดูว่ามีประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บหรือไม่อย่างไร ซึ่งผมขออนุญาตเรียนว่า ถ้าผมดำเนินการอย่างนั้น ความเสียหายหรือสิ่งที่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ไม่คาดคิดอาจจะมีความรุนแรงมากกว่านี้ได้ เช่น อาจจะมีระเบิดลูกที่ 2 ตามมา เหมือนกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดระเบิดขึ้นบริเวณหน้าโชว์รูมรถยนต์มาสด้า และหน้าร้าน 07 คัลเลอร์แล็บ ถนนรวมมิตร ในเขตเทศบาลนครยะลา ห่างกันเพียง 100 เมตร ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 2 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 50 คน (เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 พ.ค.2553)
“ผมคิดแล้วคิดอีก และก็ได้ตัดสินใจให้พลขับขับรถยนต์ออกไปจากพื้นที่นั้นก่อน ถ้าถามว่ารู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ ผมตอบได้เลยว่ารู้สึกเสียใจมาก และจะต้องรีบทำความจริงให้ปรากฏโดยเร็ว ซึ่งผมเองกับกำลังพลก็พร้อมแจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชน”
“สุดท้ายอยากบอกกับประชาชนว่าระเบิดที่คนร้ายใช้นั้นเป็นระเบิดชนิด เอ็ม 67 ซึ่งเป็นระเบิดทางทหารที่ทางหน่วย ร้อย ร.8023 ไม่ได้รับจ่ายอยู่ในอัตรา จะได้รับจ่ายก็เฉพาะกระสุนปืนเล็ก และ กระสุนเอ็ม 203 หรือที่รู้จักในชื่อ เอ็ม 79 และไม่มีเหตุผลใดที่จะเป็นของทหาร ถึงแม้ว่าเป็นของทหารจริงก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะร่วงจากรถ จนทำให้เกิดความเสียหายกับประชาชนผู้บริสุทธิ์”
กังขาโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าแถลงป้องล่วงหน้า
อนึ่ง ก่อนหน้านี้เพียง 1 วัน พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้ออกมาแถลงถึงเหตุการณ์ดังกล่าว โดยไม่ยอมระบุว่ารถกระบะคันที่แล่นผ่านขณะเกิดเหตุเป็นรถของทหารหรือไม่ แต่กลับชี้แจงในทางเทคนิคอย่างละเอียดว่า ไม่มีทางที่ระเบิดจะหล่นจากรถคันที่ว่านี้ได้ (ซึ่งภายหลัง ผบ.พตท.ยอมรับว่าเป็นรถของทหาร) ทำให้หลายฝ่ายสับสนในช่วงนั้นว่าหากไม่ได้เป็นรถของกำลังพลแล้ว กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าออกมาแถลงปกป้องรถคันดังกล่าวด้วยสาเหตุใด
อย่างไรก็ดี จากการลงพื้นที่ของผู้สื่อข่าวบางสำนัก และรายงานข่าวผ่านสื่อกระแสหลักหลายแห่ง มีการอ้างถึงพยานบางคนที่อยู่ในเหตุการณ์ แสดงความเชื่อมั่นว่ารถของทหารน่าจะถูกคนร้ายปาระเบิดมากกว่า ไม่ได้ทำระเบิดหล่นเอง
ใต้ยังป่วนยิงรายวัน ทหารพราน-ลูกจ้าง 4,500 ดับ
สำหรับสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอด 2-3 วันที่ผ่านมา ยังคงเกิดเหตุรุนแรงขึ้นบ้างประปราย โดยเมื่อเวลา 01.00 น.วันศุกร์ที่ 11 มิ.ย.2553 คนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิง อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) มะดารี สาเอาะ อายุ 29 ปี สังกัดหน่วยพัฒนาสันติ 44-3 หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 44 เสียชีวิตขณะขี่รถจักรยานยนต์กลับฐาน บนถนนสายมายอ-ปาลัส ท้องที่หมู่ 5 ต.ลางา อ.มายอ จ.ปัตตานี
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 มิ.ย. พบศพ นายรุกมัน แดเมาะเร็ง อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 106 หมู่ 8 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส อยู่ในลำธารกลางสวนยางพาราหลังหมู่บ้านบาโงระนะ หมู่ 5 ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุปืนลูกซองเข้าที่กลางหลัง 1 นัด คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3 วัน เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่า ผู้ตายน่าจะถูกกลุ่มก่อความไม่สงบลวงมาฆ่า เพราะเป็นลูกจ้างโครงการจ้างงานเร่งด่วน 4,500 บาทของทางราชการ และยังเป็นสายข่าวของฝ่ายความมั่นคง
วันอังคารที่ 8 มิ.ย. คนร้ายไม่ต่ำกว่า 2 คน ใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดระดมยิง นายอับดุลฮาเร็ม เซ๊ะ อายุ 34 ปี พ่อค้ารับซื้อไม้ยางพาราส่งโรงงานทำเฟอร์นิเจอร์ อยู่บ้านเลขที่ 25/1 หมู่ 5 ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เหตุเกิดในสวนยางพาราในท้องที่บ้านโผลง หมู่ 5 ต.โต๊ะเด็ง ทำให้นายอับดุลฮาเร็มได้รับบาดเจ็บสาหัส เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง เพราะเคยเกิดเหตุในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง
---------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 รถกระบะของทหารที่แล่นผ่านฝั่งตรงข้ามมัสยิดกลางประจำจังหวัดยะลาขณะเกิดระเบิดเมื่อค่ำวันที่ 8 มิ.ย.
2 ร.ท.อนุชา มหาลีวีรัศมี รองผู้บังคับกองร้อย ร.8023 หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 21 พร้อมลูกน้อง แถลงเปิดใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น (โปรดคลิก next ที่ใต้รูป)
อ่านประกอบ : คลี่ปมกังขา...ระเบิดบนถนนหน้ามัสยิดกลางยะลา!