- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- “ผู้ถูกเชิญตัว”เครียดเอาหัวโขกกำแพง หวิดตายคาค่ายทหารซ้ำรอย“สุไลมาน”
“ผู้ถูกเชิญตัว”เครียดเอาหัวโขกกำแพง หวิดตายคาค่ายทหารซ้ำรอย“สุไลมาน”
สุเมธ ปานเพชร
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
ศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ ซึ่งเป็น “ศูนย์ซักถาม” ที่ใหญ่ที่สุดของทหารในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งอยู่ภายในค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ตกเป็นข่าวขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อมี “ผู้ถูกเชิญตัว” พยายามทำร้ายตัวเองด้วยการใช้ศีรษะโขกกำแพง
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 13.50 น.วันอาทิตย์ที่ 11 ก.ค.2553 โดย นาย ฮ. (นามสมมติ) ชาวอำเภอบาเจาะ จ.นราธิวาส ซึ่งถูกเชิญตัวมาซักถาม และพักอยู่ในห้องพักของศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ อาคาร 2 ห้องที่ 8 ได้พยายามใช้ศีรษะโขกกับผนังปูนห้องน้ำภายในห้องพักดังกล่าวอย่างแรง พร้อมกับตะโกนว่า “อยู่อย่างนี้ตายเสียดีกว่า” ทำให้เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ที่กำลังเข้าเวรอยู่และได้ยินเสียงพากันตกใจ รีบเข้าไปห้ามปราม ก่อนพาตัวไปสงบสติอารมณ์
ต่อมา พ.อ.ปิยวัฒน์ นาควานิช ผู้อำนวยการศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่พาตัวนาย ฮ.ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลหนองจิก พร้อมทั้งแจ้งประสานไปยังทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งอัยการ ตำรวจ และทหารจากหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 ซึ่งเป็นผู้เชิญตัวนาย ฮ.มา ตลอดจนผู้นำศาสนาและครอบครัวของนาย ฮ.เองด้วย เพื่อไปร่วมในกระบวนการตรวจร่างกาย ป้องกันปัญหาความเข้าใจผิดและเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย
ทั้งนี้ แพทย์เวรของโรงพยาบาลหนองจิกได้ตรวจสอบร่างกายนาย ฮ.และเก็บตัวอย่างปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติด รวมถึงซักถามสภาพจิตใจของนาย ฮ.อย่างละเอียด
นาย ฮ. กล่าวกับแพทย์ว่า รู้สึกเครียดมากหลังจากถูกเชิญตัวมาอยู่ที่ศูนย์ซักถาม คิดถึงลูกและภรรยาตลอดเวลา จึงคิดว่าตายเสียดีกว่าที่ต้องมาอยู่แบบนี้ แต่เมื่อได้เห็นหน้าลูกกับภรรยาแล้วก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก และจะไม่ทำเช่นนี้อีก
นาย ฮ.ยังได้ยอมรับกับแพทย์ด้วยว่า เสพสารเสพติดประเภทน้ำใบกระท่อมและกัญชาอยู่เป็นประจำมาเป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว โดยเสพครั้งล่าสุดก่อนหน้าจะถูกเชิญตัวมาเมื่อ 3 วันก่อน และที่ผ่านมายังเคยเสพยาบ้าด้วย
โอกาสนี้ แพทย์ได้ซักถามถึงการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ภายในศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ นาย ฮ. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติกับเขาเหมือนคนอื่นๆ ไม่ได้ใช้ความรุนแรงหรือกดดันอะไร สาเหตุที่พยายามทำร้ายตัวเองเกิดจากความเครียดของตนเอง ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่
ด้าน ภรรยาของนาย ฮ. ซึ่งเดิมเป็นชาวไทยพุทธ และเข้ารับอิสลามเมื่ออยู่กินฉันท์สามีภรรยากับนาย ฮ. กล่าวว่า ปกติสามีเป็นคนร่าเริง ไม่เคยทำร้ายร้ายตัวเองแบบนี้ แต่ทราบว่าหลังจากที่ถูกนำตัวมาอยู่ที่ศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ ทำให้เครียดมาก คิดถึงทางบ้าน จึงทำให้ทำร้ายตัวเอง
“เรามีปัญหาทางบ้านอยู่ คือทางพ่อกับแม่ของสามีไม่ค่อยชอบฉัน เนื่องจากฉันเป็นคนไทยพุทธมาเข้ารับอิสลาม ฉะนั้นเมื่อสามีถูกนำตัวมาอยู่ที่นี่ สามีจึงกังวลว่าฉันกับลูกจะเกิดปัญหาทะเลาะกันกับพ่อและแม่ของเขา ทำให้เขายิ่งเครียด” ภรรยาของผู้ถูกเชิญตัวรายนี้ กล่าว
หลังจากทุกฝ่ายได้ร่วมกับตรวจร่างกายและสอบถามข้อเท็จจริงจากนาย ฮ. จนได้ข้อยุติแล้ว ก็ได้ร่วมกันลงลายมือชื่อเป็นพยานต่อกรณีที่เกิดขึ้น ขณะที่แพทย์ของโรงพยาบาลหนองจิกได้ตรวจร่างกาย นาย ฮ.อย่างละเอียด และลงความเห็นว่า กรณีที่พยายามทำร้ายตัวเอง เกิดจากความเครียด และอาจเป็นผลมาจากการที่เคยใช้ยาเสพติด เมื่อไม่ได้ใช้ อาจทำให้ความเครียดเพิ่มขึ้นถึงขั้นพยายามทำร้ายตัวเอง
ขณะที่ พ.อ.ปิยวัฒน์ กล่าวว่า เมื่อเกิดกรณีของนาย ฮ.ที่พยายามเอาศีรษะโขกกับกำแพงเพื่อฆ่าตัวตาย ทางเจ้าหน้าที่ของศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ก็หวั่นเกรงว่าจะซ้ำรอยกับกรณีของ นายสุไลมาน แนซา ผู้ต้องสงสัยวัย 25 ปีที่ถูกควบคุมตัวมาจาก อ.สายบุรี จ.ปัตตานี และพบเป็นศพมีผ้าผูกคอติดอยู่กับเหล็กดัดหน้าต่างในห้องพัก เมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา จึงรีบสั่งให้นำตัวนาย ฮ.ไปตรวจร่างกาย และเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าไปเป็นพยาน รวมไปถึงครอบครัวและญาติของนาย ฮ.เองด้วย เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย และป้องกันการถูกกลุ่มผู้ไม่หวังดีนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปขยายผลแอบอ้างโจมตีว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว
“ทางศูนย์ฯรับตัวผู้ต้องสงสัยรายนี้มาจากหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 เมื่อช่วงเย็นของวันเสาร์ที่ 10 ก.ค. โดยนาย ฮ.ถูกเชิญตัวโดยอาศัยอำนาจตามกฎอัยการศึก เนื่องจากต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 ที่โรงเรียนศิริธรรมวิทยา บ้านดูกู หมู่ 3 ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส แต่ยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการซักถามเลย ก็มาเกิดเหตุการณ์พยายามฆ่าตัวตายเสียก่อน”
พ.อ.ปิยวัฒน์ ยังกล่าวถึงมาตรการป้องกันการทำร้ายตัวเองของผู้ถูกเชิญตัว ผู้ต้องสงสัย และผู้ถูกควบคุมตัวว่า ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการเฝ้าระวังป้องกันให้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงอย่างนาย ฮ.ที่มีการใช้ยาเสพติดร่วมด้วย คงต้องให้เจ้าหน้าที่เข้าไปอยู่เป็นเพื่อนถึงในห้องพัก ส่วนกรณีของนาย ฮ. เมื่อกระบวนการซักถามเสร็จสิ้นและพบว่าไม่เกี่ยวข้องกับเหตุรุนแรงในพื้นที่ ก็จะรีบส่งตัวกลับภูมิลำเนาทันที
ย้อนรอยความจริง 2 ชุด “สุไลมาน แนซา”
อนึ่ง ศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ เพิ่งตกเป็นข่าวฮือฮาเมื่อ นายสุไลมาน แนซา เด็กหนุ่มวัย 25 ปี ชาว ต.กะดุนง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ถูกพบเป็นศพในลักษณะมีผ้าขนหนูผูกคอติดกับเหล็กดัดหน้าต่าง ในห้องพักของศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ ภายในค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อเช้าวันที่ 30 พ.ค.2553 หลังจากถูกควบคุมตัวอยู่ภายในศูนย์เป็นเวลา 8 วัน
กรณีดังกล่าวเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในพื้นที่อย่างกว้างขวาง เพราะเป็นการเสียชีวิตถึงในค่ายทหารระหว่างถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ ซึ่งทางศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ยืนยันว่านายสุไลมานผูกคอตายเอง และได้พยายามเชิญทุกฝ่ายเข้าร่วมเป็นสักขีพยานในการชันสูตรพลิกศพ ณ จุดเกิดเหตุ ภายในห้องพักของนายสุไลมาน ในศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ อย่างไรก็ดี ทางฝ่ายองค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) และภาคประชาสังคมที่ทำงานในพื้นที่ ต่างมีข้อสงสัยถึงการเสียชีวิตดังกล่าว จนทำให้เกิดกระแสในพื้นที่ว่า นายสุไลมานอาจจะไม่ได้ฆ่าตัวตายเอง แต่ถูกทำให้ตาย
ต่อมาแพทย์โรงพยาบาลหนองจิกได้สรุปรายงานผลการชันสูตรศพ ขณะที่เจ้าหน้าที่จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ก็ได้สรุปผลตรวจดีเอ็นเอจากวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ โดยลงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า นายสุไลมานน่าจะฆ่าตัวตายเอง เพราะไม่มีร่องรอยถูกทำร้าย และไม่มีร่องรอยการต่อสู้ ตลอดจนไม่มีดีเอ็นเอของบุคคลอื่นภายในห้องพักและที่ผ้าเช็ดตัวที่ใช้ผูกคอ
อย่างไรก็ดี ผลสรุปของแพทย์และผู้เชี่ยวชาญไม่อาจหยุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของฝ่ายต่างๆ ได้ เพราะเชื่อว่านายสุไลมานน่าจะถูกทำให้ตายมากกว่า กระทั่งมีแถลงการณ์ของมูลนิธิผสานวัฒนธรรม และมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม เนื่องในโอกาสวันต่อต้านการทรมานสากล วันที่ 26 มิ.ย.2553 เรียกร้องให้ปิดศูนย์ซักถามที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร เพราะเชื่อว่ามีการซ้อมทรมานและละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่ข้อเรียกร้องดังกล่าวก็ถูกตอบโต้อย่างรุนแรงจากฝ่ายทหาร
เปิดปูม “ศูนย์ซักถาม” ชายแดนใต้
“ศูนย์ซักถาม” จัดตั้งขึ้นโดยบทบัญญัติของพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) ซึ่งประกาศใช้ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มาแล้วเกือบ 5 ปี โดยมาตรา 12 ระบุว่า ต้องควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยหรือผู้ถูกเชิญตัวในสถานที่ที่กำหนด ซึ่งไม่ใช่สถานีตำรวจ ที่คุมขัง ทัณฑสถาน หรือเรือนจำ และจะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นในลักษณะเป็นผู้กระทำความผิดมิได้
ทั้งนี้ ศูนย์ซักถามขนาดใหญ่และพยายามจัดระบบให้ได้มาตรฐานสากลในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีอยู่ 2 ศูนย์คือ
1. ศูนย์พิทักษ์สันติ หรือ ศพส. ตั้งอยู่ในโรงเรียนตำรวจภูธร 9 อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งเป็นที่ตั้งเดิมของศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า (ศปก.ตร.สน.) ปัจจุบันยกฐานะเป็นกองบัญชาการ ชื่อศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้
ศูนย์พิทักษ์สันติ เป็นศูนย์ซักถามและควบคุมตัวที่ได้มาตรฐานแห่งแรกในพื้นที่ ตั้งขึ้นมาตั้งแต่ช่วงปี 2548 ต่อเนื่องปี 2549 เพื่อรองรับการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยที่ถูกเชิญมา “ซักถาม” ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ใหม่มากในเวลานั้น
ศูนย์พิทักษ์สันติ ได้รับการยอมรับจากทั้งในและต่างประเทศว่าเป็นศูนย์ที่ได้มาตรฐาน และปลอดการซ้อมทรมาน ทำให้ข้อกล่าวหาเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชนซึ่งเคยพุ่งเป้าไปที่ “ตำรวจ” ลดน้อยลงอย่างมาก
2. ศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ หรือ ศสฉ. เป็นศูนย์ซักถามของทหาร ตั้งอยู่ในค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ทั้งนี้ที่ผ่านมาฝ่ายทหารมีศูนย์ซักถามชั่วคราวหลายแห่ง แต่ไม่ค่อยได้มาตรฐาน จึงตัดสินใจตั้งศูนย์แห่งนี้ขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางการซักถามผู้ถูกเชิญตัวทั้งหมด
ศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ เดิมชื่อ “ศูนย์วิวัฒน์สันติ” ตั้งอยู่ในสถานที่เดียวกันนี้ แต่มีปัญหาการทำร้ายร่างกายผู้ต้องสงสัย ทางกองทัพจึงสั่งปิดศูนย์ ลงโทษเจ้าหน้าที่ที่กระทำ และเปิดศูนย์ใหม่คือศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ มีการปรับระบบให้ได้มาตรฐาน และยืนยันเรื่องความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ปราศจากการซ้อมทรมาน โดยห้องพักของผู้ต้องสงสัยหรือผู้ถูกเชิญตัวทุกห้อง จะไม่มีกลอนประตู
---------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 นาย ฮ. ผู้ต้องสงสัยที่ถูกเชิญตัวจาก อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส
2 ภรรยาและลูกของ นายฮ. ขณะเฝ้าดูอาการสามีที่ถูกส่งตัวไปตรวจร่างกายอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลหนองจิก
หมายเหตุ : กองบรรณาธิการโต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา ทำภาพเบลอปิดบังใบหน้าและใช้นามสมมติ เพื่อรักษาสิทธิผู้ต้องสงสัยและครอบครัว เพราะทางการยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นผู้กระทำความผิด
อ่านประกอบ :
- เอ็นจีโอจี้ปิด "ศูนย์ซักถาม" ค่ายอิงคยุทธฯ ทหารโวยให้ตรวจสอบองค์กรสิทธิ์บ้าง!
- ประธานกรรมการสิทธิฯแถลงผลสอบเบื้องต้นการตายของ “สุไลมาน แนซา” ไม่ชอบมาพากล!
- ปากคำจากทุกฝ่าย...พิสูจน์เบื้องหลังการตายคาค่ายทหาร!
- เทียบข้อเท็จจริง "ทหาร-องค์กรสิทธิ์" กับสาเหตุการเสียชีวิตคาค่ายทหารของผู้ต้องสงสัยคดีความมั่นคง
- เปิดผลชันสูตรศพ "สุไลมาน" ไม่พบร่องรอยถูกทำร้าย
- "หมอพรทิพย์" แจงทุกประเด็น คดีตายปริศนา "สุไลมาน แนซา"
- ว่าด้วยการตายของ สุไลมาน แนซา กับผลสะเทือนรุนแรงกว่าที่คาด
- บุกพิสูจน์ศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ ไขข้อข้องใจ "ซ้อม-ทรมาน" ผู้ถูกเชิญตัว