- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- ศาลไม่รับฟ้อง 5 ทหารซ้อม“อิหม่ามยะผา”จนตาย ชี้คดีอยู่ในอำนาจศาลทหาร
ศาลไม่รับฟ้อง 5 ทหารซ้อม“อิหม่ามยะผา”จนตาย ชี้คดีอยู่ในอำนาจศาลทหาร
แวลีเมาะ ปูซู / ปรัชญา โต๊ะอิแต
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
ศาลจังหวัดนราธิวาสมีคำสั่งเมื่อวันที่ 2 ก.ย.2553 ไม่รับฟ้องทหารและตำรวจรวม 6 นายที่ถูก นางนิม๊ะ กาเซ็ง ภรรยาของ นายยะผา กาเซ็ง อิหม่ามประจำมัสยิดบ้านกอตอ ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ยื่นฟ้องฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ร่วมกันทำร้ายอิหม่ามยะผาจนเสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัวเมื่อปี 2551
คดีนี้ ศาลจังหวัดนราธิวาสได้มีคำสั่งในกระบวนการไต่สวนการตายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 150 เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.2551 ว่าอิหม่ามยะผาถูกเจ้าหน้าที่ทหารทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัวอยู่ภายในฐานปฏิบัติการหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 39 ตั้งอยู่ในวัดสวนธรรม หมู่ 2 ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ระหว่างวันที่ 20-21 มี.ค.2551 ภายหลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ปิดล้อมจับกุมพร้อมกับพวกรวม 6 คนเมื่อวันที่ 19 มี.ค.2551
แม้ต่อมาพนักงานสอบสวนจะสรุปสำนวนส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการไต่สวนต่อตามขั้นตอน เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาล้วนเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งอ้างว่าปฏิบัติงานตามหน้าที่ แต่ฝ่ายครอบครัวผู้เสียหายโดยนางนิม๊ะ กาเซ็ง เห็นว่าคดีมีความล่าช้าและไม่คืบหน้า จึงใช้สิทธิ์ยื่นฟ้องต่อศาลเองเมื่อวันที่ 20 ส.ค.2552 ซึ่งตามกฎหมาย หากผู้เสียหายยื่นฟ้องต่อศาลในคดีอาญาเองโดยไม่ผ่านอัยการ จะต้องมีการไต่สวนมูลฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
กระทั่งเมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดนราธิวาสได้นัดฟังคำสั่งการไต่สวนมูลฟ้อง คดีหมายเลขดำที่ 1611/2552 ระหว่าง นางนิม๊ะ กาเซ็ง โจทก์ ยื่นฟ้อง พ.ต.วิชา ภู่ทอง ร.ต.สิริเขตต์ วาณิชบำรุง จ.ส.อ.เริงณรงค์ บัวงาม ส.อ.ณรงค์ฤทธิ์ หาญเวช ส.อ.บัณฑิต ถิ่นสุข อดีตทหารสังกัดหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 39 และ พ.ต.อ.ทนงศักดิ์ วังสุภา อดีตผู้กำกับการ สภ.รือเสาะ เป็นจำเลยที่ 1-6 ในข้อหาร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดหรือไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด, กักขังหน่วงเหนี่ยว, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย
ทั้งนี้ ศาลมีคำสั่งไม่รับฟ้องจำเลยที่ 6 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ (อดีตผู้กำกับการ สภ.รือเสาะ) ทุกข้อกล่าวหา โดยเห็นว่าที่โจทก์อ้างว่าการนำตัว นายยะผา กาเซ็ง กับพวก ไปแถลงข่าว เป็นการกระทำที่ขัดต่อระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญนั้น ระเบียบดังกล่าวไม่ใช่กฎหมาย อีกทั้งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยก็ไม่มีบทลงโทษการกระทำดังกล่าว จึงไม่มีผลบังคับจำเลยที่ 6 ได้
ส่วนการที่จำเลยที่ 6 นำรถยนต์บรรทุกผู้ต้องหาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปให้เจ้าหน้าที่ทหารใช้เป็นที่คุมขังและควบคุมตัว นายยะผา กาเซ็ง ผู้ตายกับพวก ภายในหน่วยเฉพาะกิจที่ 39 ก็เป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ทหารซึ่งใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก
ส่วนจำเลยที่ 1-5 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร ศาลมีคำสั่งไม่รับฟ้อง เนื่องจากคดีอยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลทหาร จึงให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ อย่างไรก็ดี หากโจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีกับจำเลยที่ 1-5 ก็สามารถยื่นฟ้องต่อศาลทหารที่มีเขตอำนาจได้
ภรรยาอิหม่ามยะผาเตรียมอุทธรณ์คำสั่ง
หลังฟังคำสั่งศาล ทนายความของนางนิม๊ะ กล่าวว่า จะใช้สิทธิ์อุทธรณ์คำสั่งต่อไป เพราะคดีนี้เป็นคดีแรกในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ผู้เสียหายซึ่งเป็นประชาชนได้ใช้สิทธิในกระบวนการยุติธรรมฟ้องเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐเป็นคดีอาญา เนื่องจากถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการซ้อมทรมานในระหว่างการควบคุมตัวเพื่อให้ได้ซึ่งคำรับสารภาพหรือข้อสนเทศจากผู้ถูกควบคุมตัว จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกควบคุมตัวเสียชีวิต
การกระทำดังกล่าวของเจ้าหน้าที่เป็นความผิดตามกฎหมายอาญา และเป็นความผิดตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมหรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (Convention Against Torture and Other Cruel Inhuman or Degrading Treatment or Punishment : CAT) ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรง และไม่อาจยอมรับได้
ส่วนคำสั่งของศาลจังหวัดนราธิวาสที่ว่า คดีนี้อยู่ในเขตอำนาจของศาลทหารนั้น ทนายของนางนิม๊ะ กล่าวว่า การที่ราษฎรจะนำคดีไปฟ้องต่อศาลทหารเองไม่สามารถกระทำเองได้ แต่จะต้องให้พนักงานสอบสวนเป็นผู้ทำสำนวนคดีส่งให้อัยการศาลทหารเป็นผู้ยื่นฟ้อง ซึ่งขณะนี้สำนวนการสอบสวน พนักงานสอบสวนได้ส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาไต่สวนแล้ว เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แต่การดำเนินการของ ป.ป.ช.ไม่คืบหน้าและไม่ทราบว่าจะชี้มูลความผิดเมื่อใด
สำหรับกรณีของจำเลยที่ 6 คือ พ.ต.อ.ทนงศักดิ์ ที่นำตัว นายยะผา กาเซ็ง กับพวกที่เป็นเพียงผู้ต้องสงสัยไปแถลงข่าว ซึ่งโจทย์เห็นว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติและรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ แต่ศาลเห็นว่าระเบียบไม่ใช่กฎหมาย และรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้กำหนดบทลงโทษเอาไว้นั้น ฝ่ายโจทก์ยังเห็นว่าน่าจะเข้าข่ายการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา จึงจะใช้สิทธิอุทธรณ์ประเด็นนี้ต่อไป
ชี้ชาวบ้านผิดหวังแต่ยังขอสู้ต่อ
นายสิทธิพงษ์ จันทรวิโรจน์ เลขาธิการมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม กล่าวว่า เมื่อศาลชี้ว่าไม่มีอำนาจในการพิจารณาตัดสินความผิดของจำเลยที่ 1-5 ได้ ต้องยื่นฟ้องไปที่ศาลทหารอย่างเดียว ประเด็นจึงอยู่ที่จำเลยที่ 6 คือ พ.ต.อ.ทนงศักดิ์ วังสุภา ที่ศาลไม่รับฟ้อง เพราะเห็นว่าคดีไม่มีมูล ฉะนั้นฝ่ายโจทก์ก็มีสิทธิที่จะยื่นอุทธรณ์ต่อ ถ้าศาลอุทธรณ์เห็นด้วยกับศาลชั้นต้น ก็เป็นอันว่าจบ แต่ถ้าศาลอุทธรณ์ไม่เห็นด้วย คดีก็ต้องกลับมาสู่ศาลชั้นต้นอีกครั้ง ซึ่งศูนย์ทนายความมุสลิมจะให้ความช่วยเหลือนางนิม๊ะต่อไปในการยื่นอุทธรณ์
“ต้องเข้าใจว่าจำเลยที่ 1-5 ศาลไม่ได้มีคำสั่งไม่รับฟ้องเพราะข้อกล่าวหาไม่มีมูล ศาลเพียงแต่บอกว่าคดีอยู่ในเขตอำนาจของศาลทหาร จึงต้องพิสูจน์กันอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็หวังว่าทาง ป.ป.ช.จะชี้มูลผู้ถูกกล่าวหาทุกคนโดยเร็ว คดีก็จะคลี่คลาย แน่นอนว่าผลของคำสั่งศาลทำให้ชาวบ้านที่มาให้กำลังใจรู้สึกผิดหวังไปตามๆ กัน แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องดีที่ครอบครัวผู้สูญเสียมีแรงสู้ และพร้อมที่จะสู้ต่อในชั้นอุทธรณ์”
หวั่นซ้ำเติมความรู้สึกหลังตร.เพิ่งสั่งไม่ฟ้องคดีไอร์ปาแย
ทนายสิทธิพงษ์ ยังกล่าวด้วยว่า คดีกราดยิง 10 ศพในมัสยิดอัลฟุรกอน บ้านไอร์ปาแย ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่งสรุปสำนวนสั่งไม่ฟ้องเมื่อไม่กี่วันมานี้ ล่าสุดยังมีคดีอิหม่ามยะผาที่ศาลไม่รับฟ้องอีก ทำให้ชาวบ้านรู้สึกว่าการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐที่ชาวบ้านเห็นว่ากระทำความผิดนั้นเป็นเรื่องยากเหลือเกิน
ด้าน น.ส.พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการโครงการเข้าถึงความยุติธรรมและคุ้มครองทางกฎหมาย มูลนิธิผสานวัฒนธรรม กล่าวว่า เมื่อผลคดีออกมาเป็นอย่างนี้ย่อมส่งผลต่อความรู้สึกของคนในพื้นที่แน่นอน เพราะประชาชนทั่วไปไม่เข้าใจหลักการและขั้นตอนของกฎหมาย รวมถึงไม่เข้าใจว่าทำไม ป.ป.ช.จึงยังไม่ชี้มูลคดีนี้เสียที
“ความรู้สึกของคนที่ติดตามความคืบหน้าของคดีมาตลอดก็คือ ดูเหมือนว่าเมื่อฝ่ายความมั่นคงประกาศใช้กฎอัยการศึกหรือกฎหมายพิเศษอื่นๆ แล้ว กระบวนการยุติธรรมจะไม่สามารถตรวจสอบการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐได้เลย และยังไม่มีคำตอบให้กับชาวบ้านเมื่อต้องการตรวจสอบการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐด้วย” น.ส.พรเพ็ญ ระบุ
------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : อิหม่ามยะผา กาเซ็ง (ภาพจากแฟ้มภาพ)
อ่านประกอบ :
- เมื่อความยุติธรรมเดินช้า...ญาติ “อิหม่ามยะผา” ยื่นฟ้องถูกซ้อมตาย
http://www.isranews.org/cms/index.php?option=com_content&task=view&id=4821&Itemid=86
- เกาะติดคดีละเมิดสิทธิมนุษยชน จากอิหม่ามยะผา ถึงอัสฮารี และมะยาเต็ง
http://www.isranews.org/cms/index.php?option=com_content&task=view&id=4931&Itemid=86