- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- นราฯป่วนพร้อมกัน 6 อำเภอ ปัตตานี จยย.บอมบ์ตลาดนัด "สุเทพ"กร้าวไม่เสี่ยงทดลองเลิก พ.ร.ก.
นราฯป่วนพร้อมกัน 6 อำเภอ ปัตตานี จยย.บอมบ์ตลาดนัด "สุเทพ"กร้าวไม่เสี่ยงทดลองเลิก พ.ร.ก.
ทีมข่าวอิศรา
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
ชายแดนใต้ยังป่วนต่อเนื่อง คนร้ายจุดระเบิด "มอเตอร์ไซค์บอมบ์" ในลานจอดรถตลาดนัดวันอาทิตย์ที่บ้านทรายขาว อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ตูมสนั่นชาวบ้านรับเคราะห์บาดเจ็บ 4 ราย ส่วนที่นราธิวาสกลุ่มก่อความไม่สงบปฏิบัติการในเวลาไล่เลี่ยกัน 6 อำเภอรวด ทั้งเผาศาลาริมทาง เสาส่งสัญญาณมือถือ ตู้โทรศัพท์ แถมกราดยิงที่ทำการ อบต. ที่ยะลาทหารนำกำลังปิดล้อมบ้านต้องสงสัย ปะทะเดือดผู้ต้องหาคดีระเบิด สุดท้ายดับฝ่ายละหนึ่ง ยะรังระอุยิงผู้ใหญ่บ้านดับอีก เผยไฟใต้ถึงสิ้น ก.ค.2553 ยอดผู้เสียชีวิตพุ่ง 4,090 ศพ "สุเทพ" ไม่เสี่ยงทดลองงดใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วงใกล้สิ้นสุดเดือนแห่งการถือศีลอด หรือเดือนรอมฎอน และเป็นช่วงของการสับเปลี่ยนโยกย้ายข้าราชการในตำแหน่งสำคัญ ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 10.45 น.วันอาทิตย์ที่ 5 ก.ย.2553 ร.ต.ต.ทรงวุฒิ หวังหมัด ร้อยเวร สภ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุระเบิดบริเวณลานจอดรถตรงข้ามตลาดนัดวันอาทิตย์ ริมถนนสายนายประดู่-ทรายขาว ท้องที่บ้านทรายขาว หมู่ 3 ต.ทรายขาว อ.โคกโพธิ์ จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วยฝ่ายทหาร และชุดเก็บกู้ทำลายล้างวัตถุระเบิด (อีโอดี)
เมื่อไปถึง เจ้าหน้าที่ได้กันประชาชนออกห่าง และเปิดเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือเพื่อป้องกันการจุดระเบิดลูกที่สอง จากนั้นได้เข้าไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีดำ ซึ่งคนร้ายซุกระเบิดไว้ภายใน ถูกแรงระเบิดทำลายจนพังยับทั้งคัน นอกจากนั้นยังมีชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนระเบิดกระจายเกลื่อน ขณะเดียวกันยังพบว่ารถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ใกล้ๆ ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับความเสียหาย 10 คัน เจ้าหน้าที่ได้ทะยอยเคลื่อนย้ายรถออกจากลานจอดรถทีละคัน เนื่องจากเกรงว่าจะมีระเบิดซุกซ่อนอยู่อีก
นอกจากนั้น แรงระเบิดยังทำให้มีประชาชนได้รับบาดเจ็บอีก 4 ราย ได้แก่ นายสมพร ชัยบุญแก้ว อายุ 48 ปี เป็นชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ของบ้านทรายขาว ด.ช.บุญโชติ ชัยบุญแก้ว อายุ 13 ปี ลูกชายของนายสมพร นายซำซูดิง เจะมูซอ อายุ 40 ปี พ่อค้า และ นางสะปีน๊ะ โต๊ะดอเลาะ อายุ 35 ปี แม่ค้าที่ขายของในตลาดนัด ทั้งหมดถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บไม่สาหัส เจ้าหน้าที่ช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลโคกโพธิ์
จากการตรวจสอบรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายนำมาทำเป็น "มอเตอร์ไซค์บอมบ์" พบว่าคนร้ายประกอบระเบิดชนิดแสวงเครื่อง น้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม บรรจุไว้ในกล่องเหล็ก และซุกไว้ใต้เบาะรถใกล้กับถังน้ำมันเชื้อเพลิง แล้วจุดชนวนระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือ
สอบสวนทราบว่า ถนนสายนี้อยู่ในย่านหมู่บ้านสันติสุขบ้านทรายขาว ด้านหนึ่งเปิดเป็นตลาดนัดของหมู่บ้าน ขณะที่ฝั่งตรงข้ามทำเป็นลานจอดรถจักรยานยนต์ โดยตลาดนัดแห่งนี้เปิดเฉพาะวันอาทิตย์ ช่วงก่อนเกิดเหตุมีประชาชนออกมาจับจ่ายซื้อของหลายร้อยคน โดยจอดรถจักรยานยนต์ไว้ในลานจอด แล้วข้ามถนนไปซื้อของในตลาด
ต่อมามีคนร้ายไม่ทราบจำนวนแฝงตัวปะปนกับชาวบ้าน นำรถจักรยานยนต์ที่ซุกระเบิดไว้ใต้เบาะไปจอดในลานจอดรถ จากนั้นคนร้ายได้เดินเข้าไปในตลาดเพื่อรอจังหวะให้เจ้าหน้าที่ทหารนำกำลังมาคุ้มครองความปลอดภัยก็จะกดจุดชนวนระเบิด อย่างไรก็ดี เมื่อเวลาผ่านไป ปรากฏว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ทหารหรือตำรวจชุดใดส่งกำลังมา คนร้ายจึงตัดสินใจจุดชนวนระเบิดจนเกิดระเบิดขึ้น 1 ครั้ง แรงระเบิดทำให้ประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของ และพ่อค้าแม่ค้าได้รับบาดเจ็บไปตามๆ กัน รวมทั้งมีรถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหายดังกล่าว
เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่า เป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบเพื่อสร้างสถานการณ์ความรุนแรง ส่วนรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายนำมาประกอบระเบิด ตรวจสอบพบว่าเป็นรถที่ถูกโจรกรรมมา มีการแจ้งหายไว้ที่ สภ.โคกโพธิ์
ป่วนนราธิวาสพร้อมกัน 6 อำเภอ
ต่อมา ช่วงเวลาประมาณ 18.50-20.15 น. เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในลักษณะสร้างความปั่นป่วนพร้อมกันในพื้นที่ 6 อำเภอของ จ.นราธิวาส ประกอบด้วย อ.ยี่งอ อ.จะแนะ อ.บาเจาะ อ.ระแงะ อ.สุไหงปาดี และ อ.เมือง แยกเป็นแต่ละอำเภอได้ดังนี้
อ.ยี่งอ เวลา 18.50 น. คนร้ายลอบวางเพลิงเผาศาลาที่พักริมทาง ตั้งอยู่บ้านศาลาลูกไก่ หมู่ 6 ตะหาร ทำให้ศาลาที่พักได้รับความเสียหายเล็กน้อย เนื่องจากมีผู้พบเห็นและช่วยกันสกัดเพลิงเอาไว้ได้
อ.บาเจาะ เวลา 18.40 น. คนร้ายลอบวางเพลิงเผาเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม ท้องที่บ้านกาเยาะมาตี หมู่ 3 ต.กาเยาะมาตี ทำให้เสาส่งสัญญาณได้รับความเสียหาย นอกจากนั้นคนร้ายยังได้เผาตู้โทรศัพท์สาธารณะที่ตั้งอยู่เขตเทศบาลตำบลต้นไทร อ.บาเจาะ อีก 1 ตู้ด้วย
อ.จะแนะ เวลา 19.30 น. คนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามเอ็ม 16 และอาก้ายิงถล่มอาคารที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ช้างเผือก ตั้งอยู่หมู่ 1 บ้านน้ำวน ต.ช้างเผือก ทำให้อาคารได้รับความเสียหาย หลังก่อเหตุยังได้โปรยตะปูเรือใบตามเส้นทางเพื่อสกัดไม่ให้เจ้าหน้าที่ไล่ติดตามจับกุม ทำให้รถยนต์ของเจ้าหน้าที่และประชาชนได้รับความเสียหายหลายคัน
อ.ระแงะ เวลา 19.50 น. คนร้ายลอบวางเพลิงเผาตู้โทรศัพท์สาธารณะริมถนนสายนราธิวาส-ตันหยงมัส ท้องที่บ้านแกแม หมู่ 9 ต.ตันหยงมัส ทำให้ตู้โทรศัพท์ได้รับความเสียหายเล็กน้อย
อ.สุไหงปาดี เวลา 19.55 น. คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ตระเวนโปรยตะปูเรือใบบนถนนในเขตเทศบาลตำบลปะลุรู ทำให้รถยนต์และรถจักรยานยนต์ของประชาชนที่สัญจรผ่านไปมาได้รับความเสียหาย
อ.เมืองนราธิวาส เวลา 20.15 น. คนร้ายวางเพลิงเผาตู้โทรศัพท์สาธารณะริมถนนสายมะนังตายอ-โคกสุมุ ต.มะนังตายอ ทำให้ตู้โทรศัพท์ได้รับความเสียหาย
รวบ 2 แนวร่วมป่วนใต้ที่โก-ลก-ยะหา
วันเสาร์ที่ 4 ก.ย. หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 36 รับผิดชอบพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ได้กระจายกำลังกันเฝ้าจุดผ่อนปรนพรมแดนไทย-มาเลเซีย ตั้งแต่บ้านมูโน๊ะ หมู่ 5 ต.มูโน๊ะ อ.สุไหงโก-ลก จรดเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ระยะทางกว่า 15 กิโลเมตร เพื่อป้องกันผู้ต้องสงสัยเป็นแนวร่วมก่อความไม่สงบแฝงตัวข้ามแดนเข้ามาช่วงใกล้เทศกาลฮารีรายอ ผลการปฏิบัติสามารถควบคุมตัว นายมาฮามัดอิสกันนา อารีย์ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93 หมู่ 6 ต.ศรีสาคร อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนราธิวาส ลงวันที่ 2 ธ.ค.2551 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และยังถูกออกหมาย ฉฉ. โดยอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) อีกหลายคดี โดย นายมาฮามัดอิสกันนา นั่งเรือโดยสารปะปนกับชาวบ้านที่บริเวณท่าชมพู่ เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัวนายมาฮามัดอิสกันนา ส่งศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ เพื่อเข้าสู่กระบวนการซักถามขยายผลต่อไป
ที่ อ.ยะหา จ.ยะลา เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ระดมกำลังกันกว่า 60 นาย เข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมายเลขที่ 63 หมู่ 5 ต.ยะหา หลังสืบทราบว่ามีสมาชิกกลุ่มก่อความไม่สงบเข้าไปเคลื่อนไหว แต่ยังไม่ทันได้แสดงตัวขอเข้าตรวจคน ปรากฏว่าผู้ต้องสงสัยเป็นชายวัยรุ่นในบ้านหลังดังกล่าวได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่จำนวน 1 นัด ก่อนจะกระโดดหน้าต่างวิ่งหลบหนีไปทางด้านหลังบ้าน แต่เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมเอาไว้ได้ พร้อมยึดอาวุธปืน 1 กระบอก ทราบชื่อคือ นายสุไลมาน ไชยสูงเนิน อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 97 หมู่ 2 ต.ปะแต อ.ยะหา โดยอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวเป็นของผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในท้องที่ อ.ยะหา ที่เพิ่งถูกคนร้ายลอบยิงเสียชีวิตไปเมื่อคืนวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นของตำรวจ พบว่านายสุไลมานต้องสงสัยมีพฤติกรรมเป็นแนวร่วม
ก่อนหน้านั้น เวลา 04.45 น. ขณะที่ นายเยาฮารี ฮามะ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26หมู่ 9 ต.ปล่องหอย อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี กำลังขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนถนนสายบ้านมะกอ-บ้านคอกวัว ท้องที่บ้านมะกอ หมู่ 1 ต.ปล่องหอย อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี โดยมีเพื่อนชาวมาเลเซียชื่อ นายมะยี ไม่ทราบนามสกุล อายุ 22 ปีนั่งซ้อนท้าย ปรากฏว่าระหว่างทางถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนซึ่งมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 ม.ม.ยิงใส่ ทำให้ นายเยาฮารี ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนเพื่อนชาวมาเลเซียเสียชีวิตคาที่ เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุของการสังหารโหดครั้งนี้
ปะทะเดือดที่ยะลาสูญเสียฝ่ายละหนึ่ง
วันศุกร์ที่ 3 ก.ย.เวลาประมาณ 06.00 น. เจ้าหน้าที่ทหารชุดร้อย ร.5034 หน่วยเฉพาะกิจยะลา 11 ได้นำกำลังเข้าปิดล้อมบ้านต้องสงสัย และเกิดการยิงปะทะกับกลุ่มคนร้าย มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดในท้องที่หมู่ 3 บ้านบาโด อ.เมือง จ.ยะลา จึงประสานขอกำลังเสริม พ.ต.อ.ภูมิเพ็ชร พิพัฒน์เพ็ชรภูมิ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา (รองผบก.ภ.จว.ยะลา) จึงได้นำกำลังรุดไปตรวจสอบ
เมื่อไปถึง ทราบว่าผู้บาดเจ็บ 2 ราย เพื่อนทหารช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลาแล้ว ทราบชื่อคือ พลทหารสุรเดช ยีหมะ และพลทหารรุสลัน เต๊ะ ถูกยิงเข้าที่บริเวณขาและเอว ส่วนจุดเกิดเหตุเป็นบ้านไม่มีเลขที่ เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าเคลียร์พื้นที่ก็พบ ส.อ.สายัณห์ ฐิติประศาสน์ หัวหน้าชุดตรวจหาวัตถุระเบิด หน่วยเฉพาะกิจยะลา 11 ถูกยิงเข้าที่ลำตัว นอนหายใจรวยรินอยู่ จึงรีบนำโรงพยาบาลศูนย์ยะลา แต่ ส.อ.สายัณห์ สิ้นใจระหว่างทาง
นอกจากนั้น บริเวณชั้นสองของบ้าน เจ้าหน้าที่พบศพ นายมูหมัดอามีน สะไร อายุ 27 ปี มีหมายจับในคดีลอบวางระเบิดในเขตเทศบาลนครยะลา ข้างๆ ศพมีอาวุธปืนขนาด .38 ตกอยู่ 1 กระบอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บไปตรวจสอบ
จากการสอบสวนทราบว่า ขณะที่ พ.ต.สมคิด คงแข็ง รองผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจยะลา 11 นำกำลังจำนวน 30 นาย เข้าปิดล้อมบ้านหลังดังกล่าว หลังจากสืบทราบว่า นายมูหมัดอามีน ผู้ต้องหาตามหมายจับได้แอบกลับมาซ่อนตัวอยู่ในบ้าน แต่ระหว่างปฏิบัติการ คนร้ายได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ จนเกิดการยิงปะทะกันขึ้น เป็นเหตุให้นายมมูหมัดอามีน ถูกยิงเสียชีวิต ขณะที่มีทหารถูกยิงได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเช่นกัน
ผู้ว่าฯยะลาแจง จนท.พยายามเจรจาแล้ว
นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ใช้ความพยายามในการเจรจา เมื่อไปถึงบ้านเป้าหมายก็ได้เรียกภรรยาและญาติพี่น้องมาคุย เพื่อขอความร่วมมือบอกให้ผู้ต้องหายอมมอบตัว แต่ก็ไม่เป็นผล คนร้ายฉวยจังหวะใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่และผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ขณะกำลังเดินไปคุยกัน จนทำให้เจ้าหน้าที่บาดเจ็บและเสียชีวิต
สำหรับผู้ต้องหารายนี้ นายกฤษฎา บอกว่า ถูกออกหมายจับและมีหลักฐานชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับคดีลอบวางระเบิดในเขตเทศบาลนครยะลา เมื่อปี 2549 และหลังเกิดเหตุปะทะกัน ก็ไม่มีการต่อต้านหรือเสียงคัดค้านจากคนในพื้นที่แต่อย่างใด
ตากใบบึ้มทหาร2จุดโชคดีไร้คนเจ็บ
เวลา 09.30 น.วันเดียวกัน ขณะที่ทหารชุดเฝ้าตรวจชายแดน และชุดร้อย ร.1924 หมวดปืนเล็กที่ 2 สังกัดหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 36 จำนวน 10 นาย กำลังช่วยกันซ่อมแซมบ้านของ นายดือเร๊ะ ยูโซ๊ะ อายุ 84 ปี เลขที่ 134 หมู่ 3 ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส อยู่นั้น ได้ถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนที่แฝงตัวอยู่ในละแวกจุดเกิดเหตุ ใช้โทรศัพท์มือถือกดจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ไว้ในกล่องเหล็ก น้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม วางไว้ข้างบ้านหลังดังกล่าว จนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แรงระเบิดทำให้ผนังบ้านได้รับความเสียหาย แต่โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
ต่อมาเวลา 10.35 น. คนร้ายยังใช้แบตเตอรี่จุดชนวนระเบิดดักสังหารทหารชุดลาดตระเวนเส้นทาง สังกัดหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 36 เช่นกัน เหตุเกิดบนถนนในหมู่บ้านแฆเป๊ะ หมู่ 1 ต.นานาค อ.ตากใบ ทำให้รถกระบะที่เจ้าหน้าที่ใช้เป็นพาหนะได้รับความเสียหาย แต่กำลังพลไม่ได้รับอันตราย เบื้องต้นสันนิษฐานว่าทั้ง 2 เหตุการณ์เป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบตามที่ได้ประกาศข่มขู่เอาไว้
ซุ่มยิงผู้ใหญ่บ้านดับ-ดักถล่มรถตร.ซ้ำ
ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 2 ก.ย. ได้เกิดเหตุการณ์ระทึกขวัญขึ้น เมื่อ พ.ต.อ.วิโรจน์ บุญญรัตน์ ผู้กำกับการ สภ.ยะรัง จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุยิงกันบนถนนสายบ้านบ่อดาน-บ้านม่วงหวาน ท้องที่หมู่ 5 ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ แต่ปรากฏว่าระหว่างทางเจอคนร้ายโปรยตะปูเรือใบเอาไว้เป็นจำนวนมาก และยังถูกคนร้ายซุ่มยิง แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ต้องเคลียร์ถนนหลายครั้งกว่าจะเข้าถึงจุดเกิดเหตุได้
เมื่อไปถึงพบศพ นายมะรอวี ตาลีหะ อายุ 35 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.เมาะมาวี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนสงครามเข้าที่ลำตัวหลายนัด นอกจากนั้นยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย คือ นายสุรินทร์ กาซอ เป็นอาสารักษาดินแดน (อส.) ประจำ อ.ยะรัง จึงรีบนำส่งโรงพยาบาล
สอบสวนทราบว่า ขณะที่ทั้งสองคนขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันมา เพื่อตรวจพื้นที่ภายในหมู่บ้าน เมื่อถึงจุดเกิดเหตุมีคนร้ายประมาณ 5 คนซุ่มอยู่ในป่าข้างทาง ใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงใส่หลายนัด กระสุนถูกนายมะรอวีเสียชีวิต ส่วนนายสุรินทร์ได้ชักอาวุธปืนประจำกายยิงต่อสู้ ทำให้คนร้ายล่าถอยไป
ส่วนที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี พ.ต.อ.วัลลพ จำนงอาสา ผู้กำกับการ สภ.ปะนาเระ นำกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องสงสัย 2 ราย คือ นายมะยือนัน จาเฮง อายุ 22 ปี และ นายซูไฮมี ตาเยะ อายุ 21 ปี หลังพบเบาะแสและมีพยานหลักฐานว่าทั้งสองคนเป็นคนดูต้นทางให้กับคนร้ายที่เข้าไปก่อเหตุยิง นายสรรค์ชัย อัครพงษ์พันธ์ อายุ 57 ปี รองผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านนอก เสียชีวิตภายในบ้านเลขที่ 41/42 ต.ปะนาเระ อ.ปะนาเระ เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ที่บ้านคลองต่ำ หมู่ 4 ต.ปะนาเระ อ.ปะนาเระ ก่อนจะนำตัวไปสอบสวนต่อที่หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี
ซุ่มยิงทหารรือเสาะรถพังยับ-7 ปีไฟใต้ตายพุ่ง 4,090 ศพ
เวลา 12.50 น.วันที่ 2 ก.ย. คนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามทั้งเอ็ม 13 อาก้า ซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่ทหารสังกัด ร้อย ร.1024 หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 บนถนนในหมู่บ้านพงกิตติ หมู่ 4 ต.ลาโล๊ะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส หลังเข้าไปปิดล้อมตรวจค้นบ้านต้องสงสัยในพื้นที่ กระสุนปืนทำให้รถกระบะที่ฝ่ายทหารใช้เป็นพาหนะได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีกำลังพลได้รับบาดเจ็บ
อนึ่ง ข้อมูลจากโต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา รายงานสถิติเหตุรุนแรงล่าสุดในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้และสี่อำเภอของ จ.สงขลา ในรอบเดือน มิ.ย.ถึง ก.ค.ว่า มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นทั้งสิ้น 95 เหตุการณ์ เสียชีวิต 49 ราย รวมยอดผู้เสียชีวิตตั้งแต่เหตุการณ์ปล้นปืนเมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547 จนถึงสิ้นเดือน ก.ค.2553 รวมทั้งสิ้น 4,090 ราย
สุเทพไม่สนทดลองงดใช้ พ.ร.ก.3เดือน
ด้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ตอบข้อถามของผู้สื่อข่าวกรณีกลุ่มเดินเพื่อสันติภาพปัตตานี นำโดย นายโคทม อารียา สนับสนุนแนวทางให้รัฐบาลทดลองยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเวลา 3 เดือนว่า บ้านเมืองเป็นเรื่องของพวกเราทุกคน เรื่องความมั่นคงของประเทศชาติ ไม่ใช่เรื่องที่จะใช้อารมณ์ชั่ววูบมาตัดสินกัน นึกอยากจะทดลองอย่างนั้นอย่างนี้คงไม่ได้ ต้องระมัดระวัง
“เมื่อคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นมาเป็นนายกฯ ได้มอบหมายให้ผมไปดูแลพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งก็ทำงานกันอย่างต่อเนื่องใกล้ชิดกับประชาชน จนทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้นมาก ส่วนผู้ก่อการร้ายที่กระทำเพื่อหวังผลการแบ่งแยกดินแดนนั้น ก็ต้องแก้ไขกันไป การที่เราคงบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เอาไว้ในบางพื้นที่ ก็เพื่อดูแลคุ้มครองให้ความปลอดภัยกับสุจริตชนให้ดีที่สุด ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องจำเป็น” รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าว
-------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : เจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐานกำลังตรวจรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายซุกระเบิดเอาไว้ และจุดชนวนระเบิดจนรถพังยับเยิน มีประชาชนได้รับบาดเจ็บ 4 ราย เหตุเกิดใกล้กับตลาดนัดในหมู่บ้านทรายขาว อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ซึ่งจัดเป็นพื้นที่สันติสุข
ภาพโดย : จรูญ ทองนวล ศูนย์ภาพเนชั่น