- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- ยิงครู 2 ศพปิดโรงเรียนทั่วนราฯ เผย 7 ปีสังเวย 135 ชีวิต นายกฯเตรียมล่องใต้
ยิงครู 2 ศพปิดโรงเรียนทั่วนราฯ เผย 7 ปีสังเวย 135 ชีวิต นายกฯเตรียมล่องใต้
เลขา เกลี้ยงเกลา / สุเมธ ปานเพชร
และทีมข่าวอิศรา
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
ไฟใต้โชน คนร้ายควงเอ็ม 16 ยิงครูสามีภรรยาวัยใกล้เกษียณเสียชีวิต 2 ศพรวด แกนนำครูทนไม่ไหว "แม่พิมพ์ชาติ" สังเวยไปแล้ว 135 ชีวิต สั่งปิดโรงเรียนทั่วนราธิวาส 365 แห่งอย่างน้อย 3 วัน จี้ฝ่ายความมั่นคงปรับแผน ร้องนายกฯลงพื้นที่ให้กำลังใจครูบ้าง ปัตตานีก็วุ่น ภารโรงถูกยิงหน้าประตูโรงเรียน ครูผวาหยุดสอนเช่นกัน "ถาวร" อ้างกลุ่มป่วนยังมี 2-3 พันคนแฝงตัวในหมู่บ้านฉวยจังหวะก่อเหตุ "อภิสิทธิ์" เพิ่งตื่น บอกงานข่าวมีปัญหา เตรียมล่องใต้แก้สถานการณ์
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงส่งท้ายเดือนรอมฎอนยังคงเกิดเหตุรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 06.00 น.วันอังคารที่ 7 ก.ย.2553 คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิง นายวิลาศ เพชรพรหม อายุ 54 ปี ครูโรงเรียนบ้านมะนังกาหยี และนางคมขำ เพชรพรหม อายุ 52 ปี ครูโรงเรียนบ้านทุ่งโต๊ะดัง ซึ่งทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน ขณะขี่รถจักรยานยนต์นำผักไปส่งที่ตลาดตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส
ทั้งนี้ จุดเกิดเหตุอยู่ที่บริเวณบ้านแกแม หมู่ 4 ต.ตันหยงมัส คนร้ายมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะขี่ตามประกบ และยิงด้วยอาวุธปืนเอ็ม 16 ทำให้นายวิลาศเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ส่วนนางคมขำได้รับบาดเจ็บสาหัส พลเมืองดีช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลระแงะ แพทย์ทำการปฐมพยาบาลและส่งต่อไปยังโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมืองนราธิวาส แต่ถึงที่สุดก็ยื้อชีวิตไม่ไหว สิ้นใจในเวลาต่อมา
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายวิลาศและนางคมขำขี่รถออกจากบ้านเลขที่ 40 หมู่ 1 ต.มะนังตายอ อ.เมือง จ.นราธิวาส เพื่อนำผักไปส่งที่ตลาดตันหยงมัส ซึ่งเป็นกิจวัตรที่ทำทุกเช้าก่อนไปสอนหนังสือที่โรงเรียน เมื่อถึงที่เกิดเหตุก็ถูกคนร้ายตามประกบยิงจนเสียชีวิตดังกล่าว
หลังเกิดเหตุ โรงเรียนมะนังกาหยี ตั้งอยู่หมู่ 1 ต.มะนังตายอ อ.เมือง จ.นราธิวาส ซึ่งนายวิลาศสอนอยู่ ได้ประกาศปิดการเรียนการสอนทันทีโดยไม่มีกำหนด
อนึ่ง ครูวิลาศ เคยสอนอยู่ที่โรงเรียนบ้านนิบง ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ และได้ขอย้ายจากโรงเรียนเดิมไปสอนที่โรงเรียนบ้านมะนังกาหยีได้ประมาณ 1 ปี เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัย แต่แล้วก็มาถูกสังหารพร้อมภรรยาดังกล่าว
สั่งปิด 365 โรงเรียนพื้นที่นราฯไม่มีกำหนด
ครูวิลาศและครูคมขำที่เพิ่งถูกยิงเสียชีวิต นับเป็นบุคลากรทางการศึกษารายที่ 134 และ 135 ที่ต้องสังเวยให้กับเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปล้นปืนจากกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547 เป็นต้นมา
หลังเกิดเหตุ นายบุญสม ทองศรีพลาย ประธานสมาพันธ์ครูสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เรียกประชุมแกนนำครูในพื้นที่ทันที และเปิดเผยว่า ที่ประชุมไต้ตกลงกันว่าต้องมีหลายมาตรการจัดการเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ได้แก่
1.ให้โรงเรียนในเขต จ.นราธิวาสจำนวน 365 โรง หยุดการเรียนการสอนเบื้องต้นเป็นเวลา 3 วัน เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์และให้ฝ่ายกองกำลังฝ่ายความมั่นคงได้ทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัย
2.ให้เพื่อนครูนำเสนอข้อมูลต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อรับทราบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับข้าราชการครูในสามจังหวัดชานแดนภาคใต้ และขอโอกาสให้นายกรัฐมนตรีเดินทางลงไปพบข้าราชการครูในพื้นที่ หรือให้ตัวแทนสมาพันธ์ครูฯไปพบนายกฯ
3.ให้รัฐเพิ่มมาตรการและวางแผนรักษาความปลอดภัยให้กับครู ประชาชน ให้เกิดความมั่นใจในการดำเนินชีวิตประจำวัน
4.ให้กระทรวงศึกษาธิการปูนบำเหน็จแก่เพื่อนครูที่เสียชีวิตทั้ง 2 รายให้ถึงที่สุด และ
5.เชิญชวนเพื่อนครูทั้งสามจังหวัดแสดงความรู้สึกต่อเพื่อนครูผู้สูญเสีย โดยการร่วมทำบุญและร่วมในพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันเสาร์ที่ 11 ก.ย.นี้
เสนอบรรจุลูกรับราชการครูแทนพ่อแม่
นายประสิทธิ์ หนูกุ้ง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานราธิวาส เขต 1 กล่าวว่า ในเรื่องการช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวของครูผู้สูญเสียนั้น จะมีการช่วยเหลือเยียวยาตามระเบียบของสำนักนายกรัฐมนตรี ในส่วนของครูทั้งสองราย ทราบว่ามีทายาทที่เรียนจบครูมาด้วย ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฯ จึงเสนอเรื่องเพื่อขอให้ทางกระทรวงศึกษาธิการบรรจุทายาทเข้ารับราชการครูแทนครูที่เสียชีวิตไป
นายธนน เวชกรกานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ครูขวัญเสียมาก เบื้องต้นทราบว่าจะมีการปิดการเรียนการสอนเป็นเวลาอย่างน้อย 3 วัน ซึ่งถือเป็นอำนาจการตัดสินใจของผู้บริหารโรงเรียนอยู่แล้ว หลังจากนี้จะเรียกประชุมด่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดมาตรการดูแลความปลอดภัยครูใหม่อีกครั้ง
ยิงภารโรง รร.ปัตตานีซ้ำ-ครูผวาหยุดสอน
ที่ จ.ปัตตานี เวลาประมาณ 04.10 น.วันเดียวกัน คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม. จ่อยิง นายมาหามะ สาและ อายุ 55 ปี ภารโรงของโรงเรียนบ้านชะเมาสามต้น ตั้งอยู่หมู่ 5 บ้านชะเมาสามต้น ต.เตราะบอน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เสียชีวิตบริเวณประตูหน้าโรงเรียน เหตุเกิดขณะที่ นายมาหามะ กำลังเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยภายในโรงเรียน
หลังเกิดเหตุ ทั้งครูและนักเรียนโรงเรียนบ้านชะเมาสามต้นต่างหวาดผวาจนไม่กล้าไปโรงเรียน ทำให้โรงเรียนต้องหยุดการเรียนการสอนอย่างไม่มีกำหนดไปโดยปริยาย
ที่บ้านช่องแมว ต.ละหาร อ.สายบุรี เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนอาก้ายิงถล่ม นายสะรี เจะหะ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 75/1 บ้านช่องแมว จนนายสะรีเสียชีวิตจหน้าบ้าน เหตุเกิดขณะผู้ตายกำลังเตรียมไปละหมาด
ส่วนที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี คนร้ายลอบเผารถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ข้างบ้านเลขที่ 1/5 หมู่ 1 บ้านน้ำบ่อ ต.น้ำบ่อ ซึ่งเป็นบ้านของ นายมาฮามัด มะลี อายุ 21 ปี พนักงานขับรถขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) น้ำบ่อ ทำให้รถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหาย 2 คัน
กู้ทันหวุดหวิดดักบึ้มตร.-สวนยางระเบิดซ้ำ
สำหรับเหตุการณ์รุนแรงอื่นๆ ตลอดวันอังคารที่ 7 ก.ย. ยังคงมีอีกหลายเหตุการณ์ เวลา 07.30 น. ศูนย์วิทยุ สภ.กรงปินัง จ.ยะลา รับแจ้งพบวัตถุต้องสงสัยวางอยู่หน้าบ้านเลขที่ 53/1 หมู่ 2 ต.กรงปินัง จึงประสานแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ พบกล่องเหล็กวางอยู่ในกระถางต้นไม้ใกล้กับเสาไฟฟ้า จึงเก็บกู้เอาไว้ได้สำเร็จ โดยกล่องเหล็กดังกล่าวคนร้ายบรรจุระเบิดชนิดแสวงเครื่อง น้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม ต่อเชื่อมกับวิทยุสื่อสารเอาไว้ หวังจุดชนวนสังหารตำรวจจราจร ของ สภ.กรงปินัง ที่มักไปยืนอำนวยความสะดวกตรงจุดดังกล่าวบ่อยครั้ง
เวลา 09.45 น. ขณะที่ นายดำ ไตรรัตน์ อายุ 73 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80 หมู่ 5 ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส พร้อมด้วยบุตรชาย กำลังเดินตรวจสวนยางพาราของตนเองริมถนนเขตรอยต่อระหว่าง อ.ระแงะ กับ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ท้องที่หมู่ 5 ต.ตันหยงลิมอ เนื่องจากทราบว่ามีคนร้ายลอบเข้าไปตัดฟันต้นยางจนได้รับความเสียหายนั้น ปรากฏว่าระหว่างทางนายดำก้าวพลาดไปเหยียบกับระเบิดที่คนร้ายลอบวางไว้ จนเกิดระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แรงระเบิดทำให้นายดำได้รับบาดเจ็บสาหัส
ที่ อ.เมือง จ.ยะลา คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนซุ่มยิงรถตำรวจสายตรวจของ สภ.ท่าธง อ.รามัน จ.ยะลา ขณะกลับจากปฏิบัติภารกิจในเขตเมืองยะลา มุ่งหน้ากลับ สภ.ท่าธง เหตุเกิดบนถนนสายยะลา-บ้านโต๊ะปาเก๊ะ ท้องที่หมู่ 13 ต.สะเตงนอก อ.เมืองยะลา ทำให้ไฟหน้ารถแตก แต่กำลังพลที่อยู่บนรถไม่ได้รับอันตราย
ทลายฐานกองกำลังติดอาวุธบนเขาตะเว
วันเดียวกัน กำลังทหารและทหารพรานจากหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส และกรมทหารพรานที่ 45 ได้สนธิกำลังกันเดินเท้าเข้าพิสูจน์ทราบพื้นที่ต้องสงสัยบนเทือกเขาตะเว บ้านบือแจ หมู่ 4 ต.บองอ อ.ระแงะ ภายหลังได้รับแจ้งเบาะแสว่า มีกองกำลังติดอาวุธกลุ่มของ นายอารง ดือราแม ซึ่งเคยแหกห้องขัง สภ.ตันหยง อ.เมือง จ.นราธิวาส หลบหนีเมื่อ 2 ปีก่อน สร้างฐานบัญชาการและซ่องสุมกำลังเพื่อก่อเหตุร้าย
จากการเดินเท้าระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร พบฐานปฏิบัติการของฝ่ายกองกำลังติดอาวุธตั้งอยู่บนเนินสูง เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่เศษ มีทั้งส่วนที่จัดเป็นห้องประชุม โต๊ะ เกาอี้ สถานที่พัก เสบียงอาหาร เครื่องสนาม ยารักษาโรค และอุปกรณ์ประกอบระเบิด ตลอดจนอาวุธปืนและเครื่องกระสุนจำนวนมาก จึงยึดของกลางทั้งหมดไว้ ส่วนสมาชิกกองกำลังติดอาวุธ คาดว่ามองเห็นเจ้าหน้าที่ก่อน จึงพากันหลบหนีไป
ที่ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ สนธิกำลังกัน 200 นาย ใช้กฎอัยการศึกบุกจู่โจมตรวจค้นเป้าหมาย 2 หมู่บ้าน คือ บ้านบือราแง หมู่ 3 และบ้านไอบาตู หมู่ 4 ต.โต๊ะเด็ง เพื่อกดดันกลุ่มบุคคลต้องสงสัยจากนอกพื้นที่ที่แฝงตัวเข้าไปกบดานเตรียมก่อเหตุรุนแรง
ผลของปฏิบัติการ สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยท่าท่างมีพิรุธได้ 2 ราย คือ นายมาหามะ รอยาลี และนายรีฏอน อับดุลกอเดร์ ซึ่งเป็นลูกชายของนายมาหามะ หลังจากค้นบ้านพบเอกสารภาษายาวีและอาหรับจำนวนหนึ่งในตู้เสื้อผ้า รวมทั้งสีสเปรย์สีขาวกับสีแดงจำนวน 6 กระป๋อง โดยเอกสารดังกล่าว เมื่อให้ผู้เชี่ยวชาญแปลแล้วพบว่า มีเนื้อหาข่มขู่ปลุกระดมไม่ให้พี่น้องชาวมุสลิมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐ จากนั้นได้ควบคุมตัวสองพ่อลูกไปสอบสวนขยายผลที่ศูนย์ซักถาม ถามค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส
"ถาวร"อ้างกลุ่มป่วนมี3พัน-นายกฯเตรียมล่องใต้
นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย กล่าวถึงสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่รุนแรงขึ้นในช่วงนี้ว่า การก่อเหตุพร้อมกันหลายจุดเมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา ถือเป็นเหตุการณ์หนักมากครั้งหนึ่ง ซึ่งผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ที่มีแนวคิดการแบ่งแยกดินแดนมีอยู่อีกประมาณ 2-3 พันคน ที่สำคัญบุคคลเหล่านี้ยังแฝงตัวในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะในหมู่บ้าน ก่อนรอจังหวะก่อเหตุขึ้นเหมือนในช่วงที่ผ่านมา
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์ คือในช่วงเวลานี้จะมีการก่อเหตุที่รุนแรงขึ้น และเป็นการกระทำเพื่อตอบโต้ฝ่ายรัฐ โดยเป้าหมายเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งรัฐบาลได้ติดตามอย่างใกล้ชิด และให้การคุ้มกันเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่ช่องว่างในการดูแลรักษาความปลอดภัยให้เจ้าหน้าที่ของรัฐนั้น ยังเป็นปัญหาเดิมคือการข่าวและความสามารถในการป้องกันที่มีรายละเอียดและยังมีข้อจำกัด
ผู้สื่อข่าวถามว่า สาเหตุที่การข่าวยังมีจุดอ่อนอยู่นั้น เป็นเพราะรัฐไม่มีแนวร่วมในพื้นที่ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลมีประชาชนเป็นแนวร่วมอยู่แล้ว และในภาพรวมของปัญหากำลังเปลี่ยนแปลงไป โดยมีช่วงหนึ่งที่ถือว่าเป็นจุดที่แย่ที่สุด ซึ่งความรุนแรงในขณะนั้นมีลักษณะค่อนข้างกระจาย และแทบไม่มีการเลือกเป้าของการก่อเหตุ แต่ปัจจุบันเริ่มแคบลงเป็นพื้นที่ เป็นการตอบโต้และจะมีกลุ่มเป้าหมายค่อนข้างชัด แต่ก็อยากย้ำว่าคนที่ทำงานป้องกันทำยากกว่าคนที่ก่อเหตุ
ต่อข้อถามว่า สมาพันธ์ครูสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เรียกร้องให้นายกฯลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาโดยตรง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตั้งใจจะเดินทางไปอยู่ ซึ่งเดิมคิดว่าจะไปได้ในช่วงเดือนที่แล้ว แต่บังเอิญจัดเวลาไม่ได้ ทั้งนี้จะพยายามลงพื้นที่ และจะดูว่าเป็นจังหวัดใด
เมื่อซักอีกว่า นายกฯบอกว่าเจ้าหน้าที่รัฐตกเป็นเป้าหมาย แต่ในข้อเท็จจริงมีการวางระเบิดในสวนยางพาราของชาวบ้าน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็มีบ้าง แต่อยากบอกว่าคดีการก่อความรุนแรงโดยเฉพาะที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น บางครั้งกลับไปสรุปเป็นเรื่องเดียวกัน ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นจุดที่รัฐบาลไม่ได้ละเลย แต่บอกในภาพรวมว่าลักษณะมันเปลี่ยนแปลงไป และตัวเลขสถิติต่างๆ ก็ยืนยันได้
ลวงบึ้มที่ตะโล๊ะหะลอ-จนท.รุดตรวจตูมซ้ำเจ็บ 4
สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่ตลอดวันจันทร์ที่ 6 ก.ย. ปรากฏว่ามีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นในหลายพื้นที่เช่นกัน โดยเมื่อเวลา 09.10 น. ศูนย์วิทยุ สภ.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา รายงานว่าเกิดเหตุระเบิดขึ้นที่บริเวณหมู่ 5 บ้านไท ต.ตะโล๊ะหะลอ อ.รามัน มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บหลายนาย จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดจากกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา (บก.ภ.จว.ยะลา) พร้อมกำลังตำรวจ ทหาร รุดไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 4 ราย จึงช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลรามัน ประกอบด้วย พลทหารสรศักดิ์ ลักษณะวงศ์ ทหารจากหน่วยเฉพาะยะลา 12 ด.ต.ชวกานต์ สานสุวรรณ ส.ต.ท.ศรายุทธ ศุภกา และ ส.ต.ท.พงษ์วิวัฒน์ เวรุวรรณ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดของศูนย์ปฎิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) แต่ ส.ต.ท.พงษ์วิวัฒน์ อาการสาหัส แพทย์ต้องส่งตัวทางเฮลิคอปเตอร์ไปรักษายังโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบเศษกล่องเหล็กและสะเก็ดระเบิดจำนวนมาก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า เมื่อเวลาประมาณ 07.30 น.ที่ผ่านมา ได้เกิดระเบิดขึ้นภายในสวนยาง ท้องที่หมู่ 5 บ้านไท ต.ตะโล๊ะหะลอ ทำให้สุนัขขาขาด 1 ตัว หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดได้นำกำลังรุดไปตรวจสอบ โดยจอดรถริมถนนห่างจากจุดระเบิดประมาณ 100 เมตร ปรากฏว่าเป็นจุดที่คนร้ายนำระเบิดมาซุกไว้ และได้จุดชนวนระเบิดขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ จำนวน 4 นายได้รับบาดเจ็บดังกล่าว เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
กระเป๋าสตางค์ผู้ช่วย ผญบ.ตกคาหลุมระเบิด
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดจาก บก.ภ.จว.ยะลา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากศูนย์พิสูจน์หลักฐานที่ 10 สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ได้เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุระเบิดลูกที่ 2 ที่ ต.ตะโล๊ะหะลอ อย่างละเอียดอีกครั้ง พบว่าจุดเกิดเหตุอยู่ฝั่งตรงข้ามกับบ้านเลขที่ 118/2 ต.ตะโล๊ะหะลอ ซึ่งเป็นบ้านของ นายถาวร พุตนิล มีหลุมระเบิดขนาดกว้าง 2 ฟุต ลึก 1 ฟุตปรากฏชัดเจน โดยบริเวณปากหลุม เจ้าหน้าที่พบกระเป๋าสตางค์ของ นายมะแอ มะสีละ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72/3 หมู่ 4 ต.จะกว๊ะ อ.รามัน ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ตกอยู่ จึงเตรียมเรียกตัวนายมะแอมาสอบถามว่าเหตุใดจึงไปทำกระเป๋าสตางค์ตกไว้ตรงจุดระเบิด
ความคืบหน้ากรณีนี้ นายมะแอ ได้เข้าพบเจ้าหน้าที่ และชี้แจงว่าทำกระเป๋าสตางค์หายไปก่อนจะมีเหตุระเบิด โดยได้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้ด้วย พร้อมยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุรุนแรง และไม่ทราบว่ากระเป๋าสตางค์ไปตกตรงจุดเกิดเหตุได้อย่างไร
บึ้มซ้ำรอบ 3 ชาวบ้านขาขาด
เวลา 14.20 น. ยังเกิดระเบิดอีกลูกหนึ่งในสวนยางพารา หมู่ 4 บ้านลีเซ็ง ต.จะกว๊ะ อ.รามัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย คือ นายถาวร พุดนิล อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 118/2 ต.ตะโล๊ะหะลอ และ นายถวัลย์ พุดนิล อายุ 29 ปี บุตรชายของนายถาวร โดยนายถวัลย์อาการสาหัส ขาซ้ายขาด ทั้งนี้ นายถาวรยังเป็นเจ้าของบ้านใน ต.ตะโล๊ะหะลอ ที่เพิ่งเกิดเหตุระเบิดเมื่อช่วงเช้า จนมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 4 นายด้วย
ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ได้นำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบหลุมระเบิดบริเวณโคนต้นยางภายในสวน เบื้องต้นสันนิษฐานว่าระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นชนิดแสวงเครื่อง น้ำหนักประมาณ 1-2 กิโลเมตร จุดชนวนด้วยกับระเบิดแบบเหยียบ
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายถาวรกับบุตรชายเดินเข้าไปในสวนยางเพื่อดูต้นยางพาราที่ถูกคนร้ายใช้มีดฟันทำลายหน้ายาง กระทั่งพลาดเหยียบระเบิดที่คนร้ายลอบฝังไว้จนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบเช่นกัน
ถล่มรถผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านลาโล๊ะสาหัส 3
ที่ จ.นราธิวาส คนร้ายไม่ทราบจำนวนมีรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน สีดำเป็นพาหนะ ขับตามประกบรถของ นายสารี บือราเฮง อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64 หมู่ 9 ต.ลาโล๊ะ อ.รือเสาะ และเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านลาโล๊ะ ขณะขับอยู่บนถนนในหมู่บ้านยะบะ หมู่ 2 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส โดยมีเพื่อนนั่งไปด้วยรวม 6 คน
เมื่อสบโอกาส คนร้ายบนรถกระบะได้ใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มรถของนายสารี จนคนในรถได้รับบาดเจ็บ 3 ราย คือ นายสารี นายอับดุลเลาะห์ ยีมะยี อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69 หมู่ 9 ต.ลาโล๊ะ และ นายมูหะหมัด เจ๊ะแอ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 หมู่ 9 ต.ลาโล๊ะ โดยทั้ง 3 คนอาการสาหัส ขณะนี้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ยิงผู้หญิงขณะเดินไปละหมาดที่บันนังสตา
เวลา 20.10 น.วันเดียวกัน คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนพกจ่อยิง นางซารีพะ ซอรี อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20/1 หมู่ 11 ต.บันนังสตา จ.ยะลา เสียชีวิตจมกองเลือดขณะเดินไปละหมาดในช่วงเดือนรอมฎอนที่มัสยิดในหมู่บ้านป่าหวังนอก หมู่ 11 ต.บันนังสตา เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปว่าเป็นเรื่องส่วนตัวหรือสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ
เวลา 20.45 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธสงครามซุ่มยิงและจุดชนวนระเบิดโจมตีเจ้าหน้าที่ทหารชุดคชสีห์ หน่วยเฉพาะกิจที่ 15 บนถนนสายบ้านกือลอง-ตลิ่งชัน ท้องที่หมู่ 2 ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา ขณะปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนเส้นทางเพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน แรงระเบิดทำให้รถของเจ้าหน้าที่ได้รับความเสียหาย และมีกำลังพลได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 3 นาย
ทหารอ้างป่วนนราฯ 30 จุดหวังสร้างข่าวส่งท้ายรอมฎอน
สำหรับการก่อเหตุในลักษณะก่อกวนในพื้นที่ จ.นราธิวาส เมื่อช่วงค่ำวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) แถลงเมื่อวันที่ 6 ก.ย.ว่า กลุ่มผู้ไม่หวังดีก่อเหตุทั้งสิ้น 30 จุดใน 9 อำเภอ คือ อ.จะแนะ 4 จุด อ.ยี่งอ 2 จุด อ.บาเจาะ 8 จุด อ.เมือง 2 จุด อ.รือเสาะ 4 จุด อ.สุไหงปาดี 4 จุด อ.แว้ง 2 จุด อ.ศรีสาคร 2 จุด และ อ.ระแงะ 2 จุด ซึ่งพฤติกรรมส่วนใหญ่เป็นการก่อกวนเพื่อสร้างกระแสความรุนแรงในห้วง 10 วันสุดท้ายก่อนสิ้นสุดเดือนรอมฎอน
พล.ต.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ ว่าที่แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวเช่นกันว่า เป็นการสร้างสถานการณ์ในช่วงก่อนสิ้นสุดเดือนรอมฎอนของกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่ปลุกปั่นเยาวชนบางกลุ่มออกมาก่อเหตุเพื่อสร้างความปั่นป่วน
---------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : ศพครูวิลาศ เพชรพรหม ครูโรงเรียนบ้านมะนังกาหยี อ.เมือง จ.นราธิวาส ซึ่งถูกยิงเสียชีวิตพร้อมกับภรรยาเมื่อเช้าตรู่วันที่ 7 ก.ย.
ขอบคุณ : ภาพจากศูนย์ภาพเนชั่น