- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- ครม.ใต้สั่งยกเครื่องสวัสดิการครูทั้งระบบ-เพิ่มเบี้ยเสี่ยงภัย จ่อหมายจับ 3 คนร้ายยิง"แม่พิมพ์ชาติ"
ครม.ใต้สั่งยกเครื่องสวัสดิการครูทั้งระบบ-เพิ่มเบี้ยเสี่ยงภัย จ่อหมายจับ 3 คนร้ายยิง"แม่พิมพ์ชาติ"
ทีมข่าวอิศรา
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ พระราชทานพวงมาลาหน้าศพ ครูสองสามีภรรยาเหยื่อความรุนแรง และเจ้าหน้าที่ อส.ที่ จ.ยะลา ซึ่งถูกยิงเสียชีวิตในวันเดียวกัน ด้าน ครม.ภาคใต้สั่งยกเครื่องสวัสดิการครูทั้งระบบ เตรียมยกร่างระเบียบกระทรวงศึกษาฯตั้งกองทุนช่วยเหลือ พร้อมเพิ่มเบี้ยเสี่ยงภัย และลดเงื่อนไขการปรับวิทยฐานะ เตรียมสรุปเสนอนายกฯ 13 ก.ย.นี้ให้ทันหารือแกนนำครูจากพื้นที่ ด้านตำรวจเตรียมออกหมายจับ 3 ผู้ต้องหาฆ่าครู
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ (รชต.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อบ่ายวันพฤหัสบดีที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา ภายหลังสถานการณ์ที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ปะทุรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะเหตุการณ์สังหารครูสองสามีภรรยาที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ที่ทำให้สมาพันธ์ครูในพื้นที่ออกมาเคลื่อนไหวประกาศปิดการเรียนการสอนโรงเรียนทุกแห่งในเขต จ.นราธิวาส และเรียกร้องให้รัฐบาลดูแลสวัสดิการครูให้มากกว่าที่เป็นอยู่ ให้เทียบเท่าตำรวจ ทหาร
ภายหลังการประชุม นายไชยยศ จิรเมธากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เรื่องสวัสดิการและค่าตอบแทนต่างๆ ทางกระทรวงศึกษาธิการจะนำมาตั้งกองทุนและยกร่างระเบียบกระทรวงศึกษาธิการขึ้นเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเพิ่มเติม เป็นกองทุนช่วยเหลือผู้ปฏิบัติราชการในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เสียชีวิต ซึ่งเดิมก็มีกองทุนช่วยเหลือข้าราชการของจังหวัดที่จะมอบให้ข้าราชการที่เสียชีวิตรายละ 500,000 บาทอยู่แล้ว
ส่วนเงินค่าเสี่ยงภัยเทียบเท่าตำรวจ ทหารที่ปฏิบัติงานในพื้นที่นั้น ในส่วนของทหารตำรวจมีกรอบระเบียบของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) อยู่แล้ว แต่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับเงื่อนไขต่างๆ นายกรัฐมนตรีจึงสั่งการให้กระทรวงศึกษาธิการไปศึกษาระเบียบของหน่วยงานอื่นๆ ที่มีบุคลากรทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และนำเสนอร่างระเบียบต่อนายกฯในวันที่ 13 ก.ย.นี้
นายไชยยศ กล่าวต่อว่า สำหรับการคุ้มกันดูแลความปลอดภัยให้ครูนั้น จริงๆ แล้วทหารทำงานเต็มที่ แต่บางครั้งครูเดินทางแบบส่วนตัวโดยไม่ได้แจ้ง เช่น กรณีนายวิลาศ และนางคมขำ เพชรพรหม ครูสองสามีภรรยาที่ถูกยิงเสียชีวิตล่าสุด ก็เป็นการเดินทางไปทำธุระส่วนตัวในช่วงที่ทหารผลัดเปลี่ยนเวร และไม่ได้ขอกำลังคุ้มครอง ที่ประชุมจึงเน้นย้ำว่าไม่ว่าจะเดินทางไปไหน ขอให้ครูแจ้งเจ้าหน้าที่ด้วย ส่วนปัญหาที่สมาพันธ์ครูจังหวัดชายแดนภาคใต้ประกาศปิดโรงเรียนเพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัย ยืนยันว่าจะไม่มีการปิดอีกแล้ว และทางสมาพันธ์ฯจะส่งตัวแทนครูเข้าพบนายกฯในวันที่ 13 ก.ย.นี้เช่นกัน
เพิ่ม"เยียวยา"ช่วยเหลือบุตรครู-วิทยฐานะ-ปูนบำเหน็จ
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเสริมว่า มาตรการเยียวยาครูนั้น จะช่วยเหลือบุตรของครูที่เสียชีวิตให้เรียนจนจบปริญญาตรีและรับราชการ นอกจากนี้ ยังให้กระทรวงศึกษาธิการไปดูเงื่อนไขเรื่องวิทยฐานะ และการปูนบำเหน็จต่างๆ ว่าจะช่วยเหลือครูได้อย่างไร จากนั้นให้สรุปเป็นแนวทางเสนอนายกรัฐมนตรี
ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องการเพิ่มเบี้ยเสี่ยงภัยให้กับครู ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการไปดูข้อกฎหมาย และเข้าใจว่าต้องมีการกำหนดหลักเกณฑ์ โดยรายละเอียดทั้งหมดจะมีการนำเสนอกลับมา และจะนัดพบกับตัวแทนครูในวันที่ 13 ก.ย. ส่วนการเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความเป็นไปได้ที่จะลงไปก่อนเดินทางไปสหรัฐอเมริกาปลายเดือนนี้
วันเดียวกัน ที่หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก (นปอ.ทบ.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีการลอบยิงครูว่า การทำงานของเจ้าหน้าที่มีระบบอยู่แล้ว เพียงแต่ครูจะต้องบอกเจ้าหน้าที่ก่อนที่ครูจะเดินทางออกนอกแผน เนื่องจากทหารจะต้องไปดูแลพื้นที่ให้ก่อน ทั้งนี้ ยอมรับว่าครูเป็นเป้าหมายอ่อนแอที่กลุ่มคนร้ายพยายามทำร้าย ที่ผ่านมาทหารก็ดูแลเป็นพิเศษ
ส่วนท่าทีของแกนนำครูในพื้นที่ นายบุญสม ทองศรีพลาย ประธานสมาพันธ์ครูจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า ในวันที่ 13 ก.ย.จะพาแกนนำครูจาก จ.ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส จำนวน 30 คนเข้าพบนายกรัฐมนตรี โดยจะนำเสนอประเด็นหลัก 3 เรื่องเพื่อรายงานและขอให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน ประกอบด้วย 1.มาตรการรักษาความปลอดภัยครูทั้งระบบ 2.สะท้อนความเป็นอยู่ของครูในพื้นที่เสี่ยง และ 3.สวัสดิการบำรุงขวัญครูที่ต้องมีความชัดเจนกว่าที่ผ่านมา
ในหลวง พระราชินี พระราชทานพวงมาลาหน้าศพ
ที่วัดลำภู อ.เมืองนราธิวาส นายธนน เวชกรกานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานในพิธีอัญเชิญพวงมาลาพระราชทานจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ วางหน้าหีบศพ นายวิลาศ เพชรพรหม ครูโรงเรียนบ้านมะนังกาหยี หมู่ 1 ต.มะนังตายอ อ.เมืองนราธิวาส และนางคมขำ เพชรพรหม ภรรยา ซึ่งเป็นครูโรงเรียนบ้านทุ่งโต๊ะดัง หมู่ 8 ต.บางปอ อ.เมือง จ.นราธิวาส ยังความปลื้มปิติและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณแก่เครือญาติตลอดจนคณะครูเป็นล้นพ้น โดยศพของทั้ง 2 คนจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 11 ก.ย.นี้
ส่วนที่ศาลาสวดพระอภิธรรมศพ วัดนิคมเฉลิม (วัดลำใหม่) หมู่ 1 ต.ลำใหม่ อ.เมืองยะลา นายวิทยา พานิชพงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เป็นผู้แทนพระองค์ อัญเชิญพวงมาลาหลวงพระราชทานจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ รวมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ วางหน้าหีบศพ นายสนิท จอมคำสิงห์ อายุ 45 ปี อาสารักษาดินแดน (อส.) ประจำอำเภอเมืองยะลา ที่ถูกกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงจนเสียชีวิตเมื่อค่ำวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา เหตุเกิดบนถนนสายทางลัดลำใหม่–ท่าสาป หมู่ 4 บ้านท่าวัง ต.พร่อน อ.เมืองยะลา
นางสุดาภรณ์ จอมคำสิงห์ อายุ 50 ปี ภรรยาของนายสนิทผู้ตาย กล่าวว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น นำมาซึ่งความปลาบปลื้มแก่ครอบครัวของตนเอง ทำให้มีกำลังใจที่จะยืนหยัดต่อสู้อยู่ในพื้นที่ต่อไป
ที่วัดบางนรา อ.เมืองนราธิวาส นายธนน เวชกรกานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานในพิธีรดน้ำศพ อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) วิญญู ทองหลังสวน ทหารประจำการกองร้อย สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4612 ซึ่งเสียชีวิตจากการปะทะกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ขณะปฏิบัติหน้าที่ออกลาดตระเวนในพื้นที่ ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อคืนวันพุธที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา
จ่อหมายจับ 3 ผู้ต้องหายิงครูวิลาศ-ครูคมขำ
สำหรับความคืบหน้าทางคดี พ.ต.อ.สุชาติ อัศวจินดารัตน์ ผู้กำกับการ สภ.ระแงะ กล่าวว่า คดีคนร้ายยิงครูวิลาศและครูคมขำจนเสียชีวิต ขณะนำผักและข้าวโพดไปส่งที่ตลาดตันหยงมัส อ.ระแงะนั้น ขณะนี้แนวทางการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจคืบหน้าไปมากแล้ว กำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเตรียมออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 3 คน
ที่ด่านพรมแดนอำเภอเบตง จ.ยะลา เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน สังกัด ตชด.445 เบตง และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เบตง ได้ร่วมกันจับกุม นายซาลามัค ดามาน อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 113 หมู่ 5 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา ผู้ต้องสงสัยตามหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิกฯ (ออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548) ในคดียิง นายอาคม สุวรรณวงศ์ ครูโรงเรียนบ้านต้นทุเรียน หมู่ 6 อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 20 ต.ค.2551 แต่เบื้องต้นนายซาลามัคยังให้การปฏิเสธ
ยิง ชรบ.ลวงเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบก่อนบึ้มซ้ำ
สถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดวันที่ 9 ก.ย. ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นบ้างประปราย โดยที่ อ.เมือง จ.ยะลา ตำรวจสภ.เมืองยะลา รับแจ้งเหตุยิงกันใต้สะพานรถไฟ ท้องที่หมู่ 3 ต.ยุโป จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ โดยใช้เส้นทางเลียบคลองบ้านบาโด หมู่ 3 ต.ยุโป ปรากฏว่าเจอคนร้ายจุดชนวนระเบิดดักสังหารระหว่างทาง แต่โชคดีที่ระเบิดทำงานช้า ทำให้ไม่มีผู้ใดได้รับอันตราย
ส่วนที่จุดเกิดเหตุยิงกัน เจ้าหน้าที่พบศพ นายดอรอแม โตะมะ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/2 หมู่ 3 ต.ยุโป อ.เมืองยะลา ซึ่งเป็นชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) นอนอยู่กลางถนน มีรถจักรยานยนต์พลิกคว่ำอยู่ข้างๆ สอบสวนชาวบ้านในละแวกดังกล่าวทราบว่าได้ยินเสียงปืนตั้งแต่เวลาประมาณเที่ยงคืนของคืนที่ผ่านมา เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการก่อเหตุเพื่อลวงเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ และลอบวางระเบิดซ้ำ
ค่ำวันเดียวกัน กลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวน มีรถกระบะเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนสงครามเอ็ม 16 และอาก้า ยิงถล่มจุดตรวจจุดสกัดจตุรัส บริเวณสามแยกถนนสายยะลา-ตะโละหะลอ ตัดกับถนนรือเสาะ–สายบุรี ท้องที่บ้านตะโละหะลอ หมู่ 2 ต.ตะโละหะลอ อ.รามัน จ.ยะลา ซึ่งอยู่ห่างจาก สภ.จะกว๊ะ ประมาณ 40 เมตรเท่านั้น แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าทั้งสองเหตุการณ์เป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
----------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : นายธนน เวชกรกานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส อัญเชิญพวงมาลาพระราชทานฯ วางหน้าศพ ครูวิลาศ และครูคมขำ เพชรพรหม ที่วัดลำภู อ.เมืองนราธิวาส
ขอบคุณ : ภาพจากศูนย์ภาพเนชั่น