- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- 7 ข้อเรียกร้องสวัสดิการครูใต้ ครม.รับหลักการเพิ่มเบี้ยเลี้ยง-ปูนบำเหน็จ 7 ขั้น แต่ยังหวั่นเงิน พ.ส.ร.
7 ข้อเรียกร้องสวัสดิการครูใต้ ครม.รับหลักการเพิ่มเบี้ยเลี้ยง-ปูนบำเหน็จ 7 ขั้น แต่ยังหวั่นเงิน พ.ส.ร.
ทีมข่าวอิศรา
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
คณะรัฐมนตรีรับหลักการข้อเสนอสมาพันธ์ครูชายแดนใต้ หลังส่งตัวแทนเข้าพบนายกฯเมื่อเย็นวันจันทร์ที่ 13 ก.ย. ไฟเขียวปูนบำเหน็จ 7 ขั้นให้ครูที่สละชีพ พร้อมรับหลักการเพิ่มค่าเสี่ยงภัยจาก 2,500 บาท เป็น 3,500 บาทต่อเดือน มอบกระทรวงการคลังไปพิจารณา ส่วนเงิน พ.ส.ร. หรือเงินเพิ่มพิเศษสำหรับการสู้รบ ขอดูตัวเลขงบประมาณก่อน สั่งเดินหน้าให้โรงเรียนทำข้อตกลงกับฝ่ายกองกำลัง วางมาตรการเข้ม รปภ.ครู 24 ชั่วโมง ขานรับแนวคิดเลิกสับเปลี่ยนกำลังทหาร ออกหมายจับแล้วคนร้ายฆ่าครู
การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันอังคารที่ 14 ก.ย.2553 รับหลักการข้อเสนอทั้งหมดของสมาพันธ์ครูจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งในเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยและสวัสดิการ ตลอดจนเงินเพิ่มพิเศษต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาครูถูกประทุษร้ายจากกลุ่มก่อความไม่สงบ และสร้างขวัญกำลังใจให้กับครู โดยเฉพาะจากเหตุการณ์ร้ายล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา คนร้ายลอบยิงครูวิลาศ และครูคมขำ เพชรพรหม สองสามีภรรยา เสียชีวิตขณะขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งผักที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ก่อนไปสอนหนังสือ
ตัวแทนครูจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา จำนวน 32 คน นำโดย นายบุญสม ทองศรีพลาย ประธานสมาพันธ์ครูสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เข้าพบ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเย็นวันจันทร์ที่ 13 ก.ย. โดยทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัยครู การเพิ่มสวัสดิการ ค่าตอบแทน เบี้ยเสี่ยงภัย และปูนบำเหน็จให้กับครูที่เสียสละชีวิตจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่
ทั้งนี้ ข้อเรียกร้องของผู้แทนครูซึ่งฝ่ายรัฐบาลรับหลักการ ประกอบด้วย
1.ให้ฝ่ายกองกำลังปรับเปลี่ยนแผนและมาตรการรักษาความปลอดภัยครูและบุคลากรทางการศึกษาให้เป็นรูปธรรม โดยปฏิบัติอย่างเข้มงวด มีการประเมินผลทุกเดือน ให้มีการจัดทำข้อตกลง หรือเอ็มโอยู ระหว่างโรงเรียนและกองกำลัง โดยมีการร่วมปฏิบัติทั้ง 2 ฝ่ายอย่างเคร่งครัด เน้นความรับผิดชอบพื้นที่รอยต่อระหว่างอำเภอ จังหวัด ระหว่างกองกำลังที่รับผิดชอบในแต่ละพื้นที่ให้ชัดเจน ทั้งให้มีการประสานการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ
2.กรณีครูและบุคลากรทางการศึกษาเสียชีวิต ขอให้นายกรัฐมนตรีให้เกียรติเป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ หรือมอบให้รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีตามความเหมาะสม เป็นประธานในพิธี
3.ทายาทของผู้เสียชีวิตต้องได้รับการบรรจุเข้ารับราชการทุกคนโดยไม่จำกัดหน่วยงาน พร้อมปูนบำเหน็จ 7 ขั้นแก่ผู้เสียชีวิตด้วย
4.กรณีครูและบุคลากรทางการศึกษาที่บาดเจ็บและทุพลภาพ ขอให้มีสิทธิเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ถือเป็นวันลา และจัดให้มีกองทุนช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลหรือเดินทางไปรักษาพยาบาลที่ไม่สามารถเบิกได้จากทางราชการ
5.กรณีครูและบุคลากรทางศึกษาที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ ควรมีสวัสดิการเพื่อสร้างขวัญกำลังใจและจูงใจให้ครูและบุคลากรทางศึกษาทำหน้าที่พัฒนาการศึกษาและรักษาแผ่นดินต่อไป ด้วยการเพิ่มค่าตอบแทนเสี่ยงภัยจากเดิม 2,500 บาท เป็น 3,500 บาท การลดภาษีเงินได้ตามที่เห็นสมควร และช่วยเหลือแก้ไขปัญหาหนี้สินครู โดยให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำร้อยละ 1 ต่อปี
6.สำหรับครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีระยะเวลาปฏิบัติงานในพื้นที่อย่างต่อเนื่องมากกว่า 5 ปี มีสิทธิได้รับเงินเพิ่มพิเศษสำหรับการสู้รบ หรือ พ.ส.ร. ทุกคน
7.ปรับเปลี่ยนวิธีการประเมินวิทยฐานะ จากการประเมินผลทางวิชาการเป็นการประเมินผลการปฏิบัติงานเชิงประจักษ์
รัฐบาลรับปากทุกเรื่อง แต่ยังกังวลเงิน พ.ส.ร.
ภายหลังการหารือ นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ในส่วนของมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัย นายกรัฐมนตรีเห็นด้วยที่จะให้มีมาตรการในการปรับแผน โดยให้กำหนดลงไปในรายละเอียดในระดับพื้นที่ ระดับปฏิบัติ หรือในระดับโรงเรียน อาจจะถึงขั้นต้องทำเอ็มโอยู คือทำความตกลงร่วมกันกับฝ่ายความมั่นคง เรื่องนี้มอบหมายให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ประสานระหว่างตัวแทนครูกับฝ่ายความมั่นคงเพื่อดำเนินการให้เป็นรูปธรรมต่อไป
สำหรับมาตรการดูแลขวัญและกำลังใจ ที่ประชุมเห็นด้วยในหลักการที่จะปูนบำเหน็จความดีความชอบให้กับเพื่อนครูที่เสียชีวิตในพื้นที่เสี่ยงภัย 7 ขั้น ส่วนรายละเอียดกระทรวงศึกษาธิการจะไปดำเนินการเพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรมการข้าราชการครูต่อไป เรื่องของทายาทและสวัสดิการอื่นๆ ให้กระทรวงศึกษาธิการไปดำเนินการเช่นกัน ส่วนเงิน พ.ส.ร. ก็เห็นด้วยว่าเพื่อนครูอยู่ในภาวะที่เสี่ยง เป็นกลุ่มเป้าหมายที่อ่อนไหว จึงให้ไปดูในรายละเอียดว่าจะดำเนินการอย่างไร และใช้งบประมาณเท่าไร โดยจะให้ครูที่ปฏิบัติงานในพื้นที่อย่างต่อเนื่องมีโอกาสได้รับเงิน พ.ส.ร. เช่นเดียวกับเรื่องวิทยฐานะที่กระทรวงศึกษาธิการจะรับไปดำเนินการ
ขณะที่ตัวเลขค่าเบี้ยเสี่ยงภัยที่ได้เสนอเพิ่มจาก 2,500 บาทเป็น 3,500 บาทนั้น นายกรัฐมนตรีจะไปดูตัวเลขงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง เพราะอาจเกี่ยวข้องกับข้าราชการอื่นๆ เพราะถ้ามีปัญหาจะได้แยกส่วนมาให้กระทรวงศึกษาธิการไปศึกษาเฉพาะกรณีเพื่อนครู โดยรายละเอียดทั้งหมดจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 14 ก.ย. เพื่อเป็นหลักการในการดำเนินการต่อไป
ด้าน นายบุญสม กล่าวว่า บรรยากาศการพูดคุยที่เกิดขึ้น เพื่อนครูทั้ง 32 คนมีความประทับใจและคาดหวังว่าสิ่งที่ได้เสนอไปทั้งหมดจะได้รับการสานต่อ อยากฝากบอกไปยังเพื่อนครูในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า วันนี้นายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรับปากเราที่จะดูแลพวกเราให้มีวิถีชีวิตที่ปลอดภัย มีขวัญกำลังใจในการทำงานต่อไป
“เรามีความพอใจค่อนข้างมากที่มีการพูดคุย เหมือนกับว่าทุกอย่างที่คาใจพวกเรานั้นได้หมดไป ขณะนี้อยู่ที่ผลแล้วว่าจะขับเคลื่อนกันอย่างไร ก็ให้รับรู้ว่าพวกเราทั้งหมดไม่ได้มาขอเลื่อนขั้น แต่เป็นภาวะวิกฤติที่จำเป็นในพื้นที่พิเศษเสี่ยงภัย ซึ่งก็คิดว่าเพื่อให้ครูทุกคนอยู่ในพื้นที่ได้อย่างมีความสุข และอยู่ในพื้นที่ไม่ย้ายออก ผมเชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้คงดูแลพวกเราเป็นอย่างดี” ประธานสมาพันธ์ครูสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าว
"ถาวร"เผยรัฐรับพิจารณาเลิกสับเปลี่ยนกำลังทหาร
ด้าน นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า แกนนำครูพูดถึงปัญหาเรื่องของการสับเปลี่ยนกำลังที่ให้กองทัพภาค 1-3 ส่งกำลังลงไปปฏิบัติการในพื้นที่เพียงระยะสั้นๆ เมื่อถึงช่วงสับเปลี่ยนกำลัง คนมาใหม่ก็ไม่รู้จักสถานที่และคน ต้องมาเรียนรู้ใหม่
"ประธานสมาพันธ์ครูฯพูดกับผมว่า อยากให้กองทัพภาคที่ 4 ซึ่งตั้งกองพลทหารราบที่ 15 ขึ้นแล้ว ควรมีกองพันเพิ่มขึ้นอีก 9 กองพันอยากให้บรรจุอัตรากำลังทหารทั้ง 9 กองพันให้เต็ม เพื่อทำหน้าที่แทนทหารที่มาจากกองทัพภาคอื่นๆ จากนั้นจะได้ถอดกำลังจากกองทัพภาคที่ 1-3 ออกไป ซึ่งเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีรับไปพิจารณา และจะดำเนินการให้มีความชัดเจนโดยเร็วที่สุด" นายถาวร กล่าว
สำหรับการขอกำลังของฝ่ายความมั่นคงไปช่วยดูแลความปลอดภัยนั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า แม้ว่าจะเป็นกิจวัตรประจำวันส่วนตัวและนอกเวลาปกติ ก็สามารถดำเนินการได้ ไม่ต้องเกรงใจกองกำลัง และกองกำลังต้องไม่ถือเป็นภาระ เพราะเมื่อมีหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ต้องทำตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจ้องทำร้ายนอกเวลาราชการด้วย
บรรยากาศนราธิวาสเปิดเรียนวันแรกเหงา
สำหรับบรรยากาศการเปิดการเรียนการสอนวันแรกหลังจากหยุดไปเกือบ 1 สัปดาห์ของโรงเรียนกว่า 300 แห่งใน จ.นราธิวาส อันสืบเนื่องจากเหตุการณ์คนร้ายลอบยิง ครูวิลาศ และครูคมขำ เพชรพรหม จนเสียชีวิตนั้น ปรากฏว่าสภาพโดยรวมค่อนข้างเงียบเหงา เด็กไปเรียนหนังสือค่อนข้างน้อย ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะยังอยู่ในช่วงเทศกาลฮารีรายอ หรือเทศกาลเฉลิมฉลองหลังสิ้นสุดเดือนรอมฎอนของพี่น้องมุสลิมด้วย
ขณะที่การรักษาความปลอดภัยของฝ่ายความมั่นคง ปรากฏว่าเข้มข้นทั้งภาคพื้นดินและอากาศ โดยมีการจัดกำลังเอ็กซเรย์ทุกเส้นทาง พร้อมๆ กับการนำเฮลิคอปเตอร์ขึ้นลาดตระเวนทางอากาศด้วย ทั้งนี้ หลายโรงเรียนได้ลดธงครึ่งเสาเพื่อไว้อาลัยให้กับครูที่เสียชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในวันเดียวกันนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พร้อมด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ. ว่าที่ ผบ.ทบ.คนใหม่ และ พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง เสนาธิการทหารบก เดินทางลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเน้นย้ำมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะป้องกันการเคลื่อนย้ายสารตั้งต้นประกอบระเบิด อาทิ ยูเรีย
เช่นเดียวกับ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่ ก็เดินทางลงพื้นที่เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเช่นกัน โดยเน้นดูแลเรื่องขวัญกำลังใจของตำรวจในพื้นที่ รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ และการบังคับใช้กฎหมายให้มีความเป็นธรรมกับประชาชน
ออกหมายจับ 2 ผู้ต้องหา หมาย พ.ร.ก.อีก 5 ราย
ส่วนความคืบหน้าคดีคนร้ายยิงลอบยิง ครูวิลาศ และครูคมขำ จนเสียชีวิต เหตุเกิดในท้องที่ ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาสนั้น ล่าสุดตำรวจได้ปลอกกระสุนเอ็ม 16 จำนวน 9 ปลอก เมื่อตรวจพิสูจน์แล้วพบว่าเป็นกระสุนที่ยิงจากปืนกระบอกเดียวกับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 29 ก.ย.2552 ในพื้นที่ ต.บองอ อ.ระแงะ จึงนำไปสู่การออกหมายจับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิอาญา) ผู้ต้องหา 2 ราย และได้ออกหมาย ฉฉ. โดยอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) กับผู้ต้องสงสัยอีก 5 ราย
สำหรับผู้ต้องหา 2 รายที่ถูกออกหมายจับตาม ป.วิอาญา ได้แก่ นายมูฮำมัดยูโซ๊ะ ดือเร๊ะ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67 หมู่ 4 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ และ นายอาลียะ กรีติง อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 233/3 หมู่ 1 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ
คาร์บอมบ์โก-ลก โชคดีระเบิดทำงานไม่สมบูรณ์
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 ก.ย. พล.ต.อ.วิเชียร ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.นราธิวาส เพื่อพบปะกับแกนนำครู และยังพักค้างแรกที่ จ.นราธิวาส ด้วย ปรากฏว่าในคืนเดียวกันนั้น ได้มีคนร้ายวางระเบิดแบบ "คาร์บอมบ์" โดยนำรถกระบะสี่ประตูบรรทุกระเบิดถังแก๊สน้ำหนักมากถึง 50 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ ไปจอดไว้บริเวณตรงข้ามร้านสะดวกซื้อชื่อดัง ริมถนนประชาวิวัฒน์ ซอย 2 เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส แต่โชคดีที่ระเบิดทำงานไม่สมบูรณ์ จึงก่อความเสียหายไม่มากนัก และไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันศุกร์ที่ 10 ก.ย. พ.อ.ปกรณ์ จันทรโชตะ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 44 พร้อมด้วย น.ท.ปรัชญา โพธิ์ย้อย ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 26 และ พ.ต.อ อำนาจ ดี ผู้กำกับการ สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี ได้สนธิกำลังกันเข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่หมู่ 4 บ้านบือแนราเมาะ ต.มะนังดาลำ อ.สายบุรี หลังได้รับแจ้งเบาะแสว่ามีกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบนัดประชุมแนวร่วมเพื่อวางแผนก่อเหตุรุนแรง
ทั้งนี้ ขณะเข้าตรวจสอบบ้านต้องสงสัยหลังหนึ่ง ปรากฏว่ามีกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 10 คนวิ่งหลบหนีออกจากด้านหลังบ้าน มุ่งหน้าป่ายางพารา เมื่อเจ้าหน้าที่วิ่งไล่ติดตาม ปรากฏว่ากลุ่มวัยรุ่นได้ใช้อาวุธปืนพกสั้นยิงใส่ จนเกิดการยิงต่อสู้กันประมาณ 10 นาที กลุ่มผู้ต้องสงสัยถูกกระสุนเสียชีวิต 2 คน ทราบชื่อแล้ว 1 คนคือ นายอิสมาแอ มะเซ็ง อายุ 28 ปี เป็นชาว อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี และเป็นแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ อ.สายบุรี ซึ่งถูกออกหมายจับในคดีความมั่นคงหลายคดี
--------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : นายบุญสม ทองศรีพลาย แกนนำครูชายแดนใต้ ขณะเป็นตัวแทนยื่นข้อเรียกร้องต่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเย็นวันจันทร์ที่ 13 ก.ย.
ขอบคุณ : ภาพจากศูนย์ภาพเนชั่น