- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- เพิ่มสวัสดิการครูชายแดนใต้ส่อวุ่น ข้าราชการหน่วยอื่นครวญรัฐ "สองมาตรฐาน"
เพิ่มสวัสดิการครูชายแดนใต้ส่อวุ่น ข้าราชการหน่วยอื่นครวญรัฐ "สองมาตรฐาน"
การที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้เพิ่มการดูแลสวัสดิภาพและสวัสดิการให้กับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังจากครูตกเป็นเป้าประทุษร้ายจนเสียชีวิตไปแล้วถึง 135 รายนั้น แม้นโยบายนี้จะเป็นเรื่องดี แต่ก็สร้างปัญหาทางความรู้สึกให้กับข้าราชการกลุ่มอื่นๆ ในพื้นที่ด้วยเช่นกัน
หากพิจารณาจากรายงานของ “ทีมข่าวอิศรา” เรื่อง “เทียบอัตราเบี้ยเลี้ยง-เบี้ยเสี่ยงภัย ตำรวจ-ทหาร-ข้าราชการชายแดนใต้ และเกณฑ์การคิดเงิน พ.ส.ร.” จะพบว่าแม้อัตราเงินเพิ่มพิเศษต่างๆ ที่ข้าราชการแต่ละหน่วยได้รับ โดยเฉพาะข้าราชการทหาร ตำรวจ กับข้าราชการพลเรือน จะมีความเหลื่อมล้ำกันอยู่พอสมควร แต่เฉพาะในส่วนของ “เบี้ยเสี่ยงภัย” ทุกหน่วยจะได้รับเท่ากันคือ 2,500 บาท ฉะนั้นการที่แกนนำครูขอให้รัฐบาลเพิ่มเบี้ยเสี่ยงภัยให้กับครูเป็นกรณีพิเศษ และยังขอรับเงินเพิ่มพิเศษเพื่อการสู้รบ หรือ พ.ส.ร. กับการปูนบำเหน็จ 7 ขั้นกรณีเสียชีวิตเช่นเดียวกับตำรวจ ทหาร จึงทำให้ข้าราชการกลุ่มอื่นๆ ในพื้นที่จับตามองอย่างไม่สบายใจ
นายอำเภอถูกระเบิดตายไม่เห็นได้เลื่อนตำแหน่ง
แหล่งข่าวข้าราชการฝ่ายปกครองระดับสูงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ บอกว่า หากรัฐบาลจะปรับสวัสดิการให้กับข้าราชการในพื้นที่ ก็ควรจะยกเครื่องทั้งระบบ เพราะที่ผ่านมามีความเหลื่อมล้ำกันอยู่พอสมควร ทั้งๆ ที่ทุกหน่วยมีความเสี่ยงในการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่อันตรายไม่แตกต่างกัน
“ที่ผ่านมาเวลาตำรวจ ทหารได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ไม่ว่าจะบาดเจ็บหรือเสียชีวิตก็มีการเลื่อนยศ เลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่งให้ แต่ข้าราชการฝ่ายปกครองกลับไม่ได้รับ ถ้ายังจำกันได้ นายอำเภอไม้แก่น (นายชยพัทธ์ รักษายศ นายอำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี) เคยถูกระเบิดจนเสียชีวิต แต่ก็ไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง นายอำเภอมายอ (จังหวัดปัตตานี) ก็เคยถูกระเบิดจนได้รับบาดเจ็บ ก็ไม่ได้เลื่อนตำแหน่งเช่นกัน ขณะที่ปลัดอำเภอได้รับบาดเจ็บขาขาด ทำให้เสียสิทธิ์ ไม่สามารถเข้าโรงเรียนนายอำเภอได้ ก็ไม่มีใครสนใจ”
“ทุกวันนี้ไม่ได้มีแต่ข้าราชการครูที่ได้รับการดูแลอย่างไม่เป็นธรรม แต่ข้าราชการอื่นๆ ก็ตกอยู่ในภาวะเสี่ยงเช่นกัน และทุกคนก็ต้องทำงานเพื่อบ้านเมือง รักชาติถึงกล้าลงไปในพื้นที่ ทุกอาชีพเสี่ยงหมด นอกจากนั้นยังมีนักพัฒนาที่ลงพื้นที่อยู่ทุกวันก็มีความเสี่ยง แต่ไม่ค่อยมีใครพูดว่าเสี่ยง หรือกลุ่มเจ้าหน้าที่สาธารณสุขก็ต้องทำงานอยู่ในพื้นที่ตลอด กลุ่มนี้ยิ่งเสี่ยง แต่ก็ไม่เคยมีใครสนใจ ต้องเกิดเรื่องก่อนถึงจะเข้าไปดูแล”
ปม“เบี้ยเสี่ยงภัย”ลามองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
แหล่งข่าวซึ่งเป็นข้าราชการฝ่ายปกครองระดับสูงในพื้นที่ ยังบอกอีกว่า เรื่องเบี้ยเสี่ยงภัยกำลังมีปัญหามาก เพราะเจ้าหน้าที่ที่สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ก็ออกมาเรียกร้องเบี้ยเสี่ยงภัยกัน ทำให้งบประมาณของ อปท.ถูกเจียดมาจ่ายเป็นเบี้ยเสี่ยงภัยให้กับเจ้าหน้าที่คนละ 2,500 บาท จนกระทบกับงบประมาณที่จะนำไปพัฒนาท้องถิ่น
“ทุกวันนี้เรื่องพัฒนาอย่าไปพูดถึง เพราะแค่เงินเสี่ยงภัยที่ต้องจ่ายเจ้าหน้าที่แต่ละเดือน รวมทั้งลูกจ้างอีกก็ไม่รู้เท่าไหร่แล้ว คนหนึ่ง 2,500 บาท 10 คนก็ 25,000 บาท และรายได้ของ อปท.แต่ละแห่งก็มีไม่มากนัก นี่ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่คนไม่ค่อยพูดถึงกัน” แหล่งข่าวกล่าว และว่า
“การที่ครูออกมาเคลื่อนไหวแล้วได้รับการเพิ่มสวัสดิการ ต่อไปหากมีเหตุเกิดขึ้นกับข้าราชการกลุ่มอื่นบ้าง ก็อาจจะมีการออกมาเคลื่อนไหวเช่นกัน แล้วรัฐบาลจะแก้ปัญหาแบบเลี้ยงไข้ไปแบบนี้หรือ” เขาตั้งคำถาม
จนท.ปศุสัตว์ครวญเสี่ยงเหมือนกันแต่ดูแลไม่เท่ากัน
นายสมพร เอ่งฉ้วน นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดยะลา กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีที่รัฐบาลเพิ่มสวัสดิการให้กับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาจนเทียบเท่ากับตำรวจ ทหารในพื้นที่ แต่ในส่วนของเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ เจ้าหน้าที่ประมง เจ้าหน้าที่เกษตร และเจ้าหน้าที่หน่วยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานพัฒนา และต้องลงพื้นที่เสี่ยงเป็นประจำ ยังไม่ได้รับการดูแล ได้แต่เบี้ยเสี่ยงภัยเท่านั้น
“ข้าราชการหน่วยอื่นๆ ก็มีความเสี่ยงในการทำงานเหมือนกัน มีการออกปฏิบัติงานในพื้นที่ทุรกันดารและมีความน่ากลัว แต่เจ้าหน้าที่ทุกคนก็ไปปฏิบัติหน้าที่ด้วยใจ ไปเพื่อประชาชน เช่น เจ้าหน้าที่ที่ต้องออกไปผสมเทียม แม้จะเป็นตำบลหรือหมู่บ้านที่เดินทางยากลำบากก็ยังเข้าไป ตรงนี้อยากให้ทางรัฐบาลช่วยดูแลเช่นเดียวกัน”
“การออกไปปฏิบัติหน้าที่ของพวกเรา ก็ไปมือเปล่า ไม่มีอาวุธ เพราะเราไปด้วยใจ เอาแต่วิชาการความรู้ต่างๆ ไปมอบให้ประชาชน ถามว่ากลัวไหม เราก็กลัว แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะพวกผมมีหน้าที่ช่วยเหลือประชาชน ต้องการให้เกษตรกรในพื้นที่อยู่ดีกินดี คงต้องฝากให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ดูแลพวกเราด้วย” นายสมพร ระบุ
ครูอัตราจ้างโวยเงินเดือนแค่ 5 พันไม่ได้รับเบี้ยเสี่ยงภัย
ด้านความรู้สึกของครูที่ไม่ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการ หรือที่เรียกว่า “ครูอัตราจ้าง” ซึ่งรัฐบาลมอบภารกิจให้ไปสอนหนังสือในพื้นที่ห่างไกลหรือขาดแคลนข้าราชการครูนั้น ก็ระบายความในใจว่ารู้สึกไม่ค่อยได้รับการเหลียวแลจากรัฐเท่าที่ควร
“เรื่องสถานการณ์ความไม่สงบ ไม่มีใครรู้ชะตากรรมว่าจะโดนกับตัวเองเมื่อไหร่ สิ่งที่เรานึกอยู่เสมอก็คือปฏิบัติหน้าที่ด้วยใจ และทำให้ดีที่สุด แต่ก็น้อยใจอยู่ลึกๆ ที่ผู้ใหญ่มักไม่ค่อยให้ความสำคัญกับครูอัตราจ้างเลย ทุกครั้งที่เกิดเหตุ ทุกฝ่ายมุ่งไปยังข้าราชการหรือคนของรัฐ แต่ลูกจ้างอย่างพวกเราไม่เคยมีใครสนใจ ทุกวันนี้ได้เงินเดือนแค่ 5,000 บาท ไม่เพียงพอกับรายจ่าย แต่เราก็ไม่มีสิทธิ์เรียกร้อง” ครูอัตราจ้างสาวรายหนึ่ง ระบุ
ครูรายนี้ยังบอกอีกว่า ที่ผ่านมาได้แต่เงินเดือน โอกาสที่จะได้บรรจุเป็นพนักงานราชการก็น้อย ส่วนเบี้ยเสี่ยงภัยและเงินพิเศษต่างๆ ไม่ต้องพูดถึง ไม่เคยได้ และก็เรียกร้องไม่ได้ด้วย
ดูเหมือนการตัดสินใจของรัฐบาลเที่ยวนี้ กำลังก่อปัญหาทางความรู้สึกให้กับข้าราชการกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่อย่างกว้างขวางไม่น้อยทีเดียว!
--------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : ครูอัตราจ้างกำลังเดินทางไปโรงเรียน ความเสี่ยงของเธอไม่น้อยไปกว่าคนอื่นๆ แต่เธอกลับไม่ได้รับเบี้ยเสี่ยงภัยหรือเงินเพิ่มพิเศษใดๆ เหมือนกับข้าราชการ