- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- "ถาวร"ชงเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินชายแดนใต้ นำร่อง "เบตง-แว้ง-แม่ลาน"
"ถาวร"ชงเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินชายแดนใต้ นำร่อง "เบตง-แว้ง-แม่ลาน"
นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะกำกับดูแลศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) แถลงเมื่อวันศุกร์ที่ 29 ต.ค.ว่า จากการที่รัฐบาลได้แก้ไขปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้มาระดับหนึ่ง พบว่ามีความรุนแรงลดลงจาก 2,000 กว่าครั้งต่อปี เหลือไม่ถึง 1,000 ครั้ง ดังนั้นจะหารือกับผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) แม่ทัพภาคที่ 4 นายกรัฐมนตรี สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เพื่อยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่อาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) นำร่องในบางอำเภอของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
โดยใน จ.ยะลา กำลังเลือกระหว่าง อ.เบตง กับ อ.กาบัง ซึ่งถ้ายกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินใน อ.เบตง ก็จะจัดกิจกรรมสนับสนุนการท่องเที่ยวได้บ้าง ส่วน จ.นราธิวาส จะยกเลิกที่ อ.แว้ง และ จ.ปัตตานี จะยกเลิกที่ อ.แม่ลาน โดยในวันจันทร์ที่ 1 พ.ย.นี้ จะเชิญจุฬาราชมนตรี ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าหารือถึงแนวทางในเรื่องนี้ที่มัสยิดกลางจังหวัดสงขลา จากนั้นในวันพุธจะหารือกับนายอำเภอเป้าหมาย และหารือกับฝ่ายความมั่นคงต่อไป
“ถ้าเห็นว่ายกเลิกแล้วปลอดภัย ก็จะตัดสินใจยกเลิก และใช้กระบวนการกฎหมายปกติในพื้นที่ที่ยกเลิก คือประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความทางอาญา (ป.วิอาญา) การยกเลิกต้องรอดูผลการหารือ และยังไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในวันที่ 2 พ.ย.นี้” รมช.มหาดไทย กล่าว และว่า
"พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เป็นเครื่องมือที่ให้อำนาจพิเศษแก่เจ้าหน้าที่รัฐในการปฏิบัติราชการ ถ้าบางพื้นที่ไม่เห็นด้วย เราก็ต้องฟัง แต่เท่าที่หารือ ทางผู้อำนวยการ ศอ.บต.เห็นด้วย และได้รับฟังความเห็นอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะความปลอดภัยครู ต้องทำอย่างเข้มข้นขึ้น นอกจากนี้ในพื้นที่อื่นๆ จะมุ่งใช้มาตรการตามกฎหมายความมั่นคง (พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551) โดยเฉพาะมาตรา 21 (เปิดให้ผู้หลงผิดที่สมัครใจเข้ามอบตัวจะไม่ถูกดำเนินคดี) เหมือนกับที่ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ก่อนหน้านี้ แล้วนำบุคคลที่หลงผิดเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนความคิดความเชื่อ"
นายถาวร กล่าวด้วยว่า หากยกเลิกการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในพื้นที่ใดแล้ว ก็จะยกเลิกตลอดไป เพราะสิ่งที่กระทบกับประชาชนจากการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ คือการเอาตัวผู้ต้องสงสัยมากักไว้ 30 วันเพื่อสอบสวน แม้จะเป็นข้อดีกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ แต่ถ้ากักตัวผิดคน ก็จะส่งผลกระทบกับประชาชนและรัฐบาล ดังนั้นถ้าใช้กฎหมายธรรมดาได้ ก็ใช้กฎหมายธรรมดา
ส่วนพื้นที่ที่ยังเกิดความรุนแรง เท่าที่ตรวจสอบดูจะมีการเคลื่อนย้ายไปเรื่อยๆ ถ้าจุดไหนประชาชนเผลอ เจ้าหน้าที่เผลอ ก็จะเกิดเหตุรุนแรง ดังนั้นการควบคุมสถานการณ์อยู่ที่ประสิทธิภาพของการบังคับบัญชาและการทำงานของเจ้าหน้าที่มากกว่า
กอ.รมน.สรุปเหตุร้าย 7 วัน 37 ครั้ง ตาย 8 เจ็บ 30
ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. แถลงข่าวสรุปสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ห้วงระหว่างวันที่ 21-27 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า เกิดเหตุร้ายจำนวน 37 ครั้ง แบ่งเป็นพื้นที่ จ.ยะลา 3 เหตุการณ์ ปัตตานี 9 เหตุการณ์ และนราธิวาส 25 เหตุการณ์ มีผู้เสียชีวิต 8 คน บาดเจ็บ 30 คน
เหตุร้ายที่เกิดขึ้นทั้ง 37 เหตุการณ์นั้น แบ่งเป็นการก่อเหตุรุนแรง 31 เหตุการณ์ ยาเสพติด 2 เหตุการณ์ ส่วนตัว 2 เหตุการณ์ และอยู่ระหว่างการตรวจสอบ 2 เหตุการณ์
ยิงเฒ่าวัย 70 ที่ยะลา-ดักสังหารผู้ใหญ่บ้านทรายขาว
ด้านสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 06.30 น.วันเสาร์ที่ 30 ต.ค. ตำรวจ สภ.เมืองยะลา รับแจ้งเหตุใช้อาวุธปืนมีผู้เสียชีวิต บนถนนสายลำใหม่-บ้านสีคง หมู่ 2 ต.ลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบศพ นายรื่น ช่วยนุกูล อายุ 78 ปี อยู่บ้านเลขที่ 95/2 หมู่ 7 ต.ลำใหม่ อยู่บนถนน ใกล้ๆ กันมีรถจักรยานยนต์พลิกคว่ำอยู่ 1 คัน สภาพศพนายรื่นถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกขนาด 11 มม.เข้าที่ขมับ 1 นัด เสียชีวิตคาที่
สอบสวนทราบว่า นายรื่นมีอาชีพหาของป่า ก่อนเกิดเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านสีคง มุ่งหน้าไปยัง ต.ลำใหม่ แต่ระหว่างทางมีคนร้ายจำนวน 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ และใช้อาวุธปืนพกขนาด 11 มม.ยิงใส่จนนายรื่นเสียชีวิต เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบ
เวลา 13.00 น.วันเดียวกัน พ.ต.ท.อนุสรณ์ จันทร์กลับ สารวัตรเวร สภ.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี รับแจ้งจากโรงพยาบาลโคกโพธิ์ว่า มีคนถูกยิงเสียชีวิต จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบว่าผู้ตายคือ นายอรุณ ทองทราย อายุ 48 ปี ผู้ใหญ่บ้านทรายขาว อยู่บ้านเลขที่ 69 หมู่ 3 ต.ทรายขาว อ.โคกโพธิ์ สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นไม่ทราบขนาดเข้าที่ศีรษะและลำตัวรวม 3 นัด
สอบสวนทราบว่า จุดเกิดเหตุยิงนายอรุณอยู่บนถนนสายนาประดู่-ทรายขาว ท้องที่หมู่ 1 ต.นาประดู่ ในที่เกิดเหตุพบเพียงรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าของผู้ตายล้มคว่ำอยู่ สอบถามพยานที่เห็นเหตุการณ์ทราบว่า นายอรุณกำลังขี่รถไปทำธุระ และเป็นช่วงที่มีฝนตกลงมาอย่างหนัก ปรากฏว่ามีคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบและยิงนายอรุณจนเสียชีวิต ส่วนคนร้ายได้เร่งเครื่องรถจักรยานยนต์หลบหนีไป เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ โดยบ้านทรายขาว อ.โคกโพธิ์ นั้นจัดว่าเป็นหมู่บ้านสันติสุขแห่งหนึ่งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งชาวไทยพุทธและชาวไทยมุสลิมอยู่ร่วมกันอย่างสงบ แทบไม่เคยมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นเลย
บึ้มสวนยางยังไม่เลิก ล่าสุดตูมสนั่นที่ระแงะเจ็บอีกหนึ่ง
ที่ จ.นราธิวาส ยังคงเกิดระเบิดจากกับระเบิดแบบเหยียบที่คนร้ายลอบวางไว้ในสวนยางพารา โดยล่าสุดเกิดขึ้นที่บริเวณทางเข้าสวนยางพารา ตั้งอยู่ที่บ้านบลูกา หมู่ 1 ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ ทำให้ นายตอเล๊ะ การี อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 237 หมู่ 1 ต.มะรือโบตก ได้รับบาดเจ็บสาหัส
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังรุดไปตรวจสอบ และสอบสวนจนทราบว่า นายตอเล๊ะและเพื่อนบ้านรวม 2 คนได้ชวนกันเดินทางไปตรวจสอบเหตุคนร้ายลอบตัดต้นลองกองซึ่งปลูกไว้ในสวนยางพาราจนได้รับความเสียหาย แต่ระหว่างที่นายตอเล๊ะและเพื่อนบ้านกำลังเดินผ่านประตูทางเข้าสวนนั้น นายตอเล๊ะได้เดินพลาดไปเหยียบกับระเบิดที่คนร้ายลอบวางไว้ จนเกิดระเบิดเสียดังสนั่นหวั่นไหว และได้รับบาดเจ็บดังกล่าว เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบซึ่งก่อเหตุต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ : ภาพ นายถาวร เสนเนียม จากศูนย์ภาพเนชั่น