- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- บึ้มสุไหงปาดีรับศักราชใหม่ จนท.ดับ 2 เจ็บระนาว
บึ้มสุไหงปาดีรับศักราชใหม่ จนท.ดับ 2 เจ็บระนาว
บึ้มรับปีใหม่ คนร้ายวางระเบิดในตลาดสดปะลุรู อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ฉวยจังหวะช่วงเจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าตรวจสอบจึงจุดชนวนระเบิดตูมสนั่น ชุดอีโอดีดับ 1 ตำรวจอีก 1 บาดเจ็บระนาว ขณะที่ก่อนปีใหม่ก็ป่วนหนัก อาร์เคเคสายบุรีไม่ต่ำกว่า 10 คน รัวอาก้า เอ็ม 16 เอชเค ถล่มทหาร 8 นายขณะขี่มอเตอร์ไซค์กลับฐาน ผลเจ้าหน้าที่พลีชีพ 1 นาย สาหัส 1 ก่อนหน้านั้นสองคนร้ายไล่ยิง อรบ.กลางเมืองปัตตานีขณะขี่รถส่งลูกไปโรงเรียน กระสุนเจาะเข้าที่แก้มปางตาย ผบ.ตร.ส่ง "อดุลย์ แสงสิงแก้ว" ลงใต้รับมือ 7 ปีปล้นปืน
เกิดเหตุระเบิดครั้งรุนแรงรับศักราชใหม่ที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้สถานการณ์ในพื้นที่สุดตึงเครียด โดยเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 1 ม.ค.2554 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งพบวัตถุต้องสงสัยภายในตลาดสด ต.ปะลุรู จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พร้อมประสานชุดเก็บกู้ทำลายล้างวัตถุระเบิด (อีโอดี) เข้าทำการเก็บกู้
เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึง พบวัตถุต้องสงสัยเป็นระเบิดวางอยู่ เจ้าหน้าที่ชุดอีโอดีจึงเข้าตรวจสอบและเก็บกู้ แต่จังหวะนั้นเอง คนร้ายได้จุดชนวนระเบิดขึ้น แรงระเบิดทำให้เจ้าหน้าที่ชุดอีโอดีเสียชีวิต 1 นาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สุไหงปาดี เสียชีวิตอีก 1 นาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 6 ราย เป็นอาสารักษาดินแดน (อส.) ประจำ อ.สุไหงปาดี 2 นาย และชาวบ้าน 4 คน
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ หน่วยข่าวด้านความมั่นคงได้ออกมาแจ้งเตือนว่า กลุ่มก่อความไม่สงบมีแผนจะก่อเหตุระเบิดครั้งรุนแรงช่วงปีใหม่ โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็ออกมายอมรับว่ามีข่าวดังกล่าวจริง จึงสั่งให้ทุกหน่วยเพิ่มความระมัดระวัง และกำหนดมาตรการคุมเข้มรับมือ โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ส่ง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ซึ่งเคยปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่หลายปี และเป็นผู้วางโครงสร้างศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) จนประสบความสำเร็จ ลงไปบัญชาการและควบคุมการปฏิบัติภารกิจช่วงเทศกาลปีใหม่ และครบรอบ 7 ปีเหตุการณ์ปล้นปืนจากกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ในวันที่ 4 ม.ค.นี้
ขณะเดียวกัน การก่อเหตุรุนแรงในช่วงเทศกาลปีใหม่ของกลุ่มก่อความไม่สงบนั้น แม้จะดำเนินการเชิงสัญลักษณ์มาเช่นนี้ทุกปี แต่ปีนี้มีความพยายามสร้างสถานการณ์ให้หนักหน่วงรุนแรงยิ่งขึ้น เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลและหน่วยงานด้านความมั่นคงที่ประชาสัมพันธ์ว่าสถานการณ์ในพื้นที่ดีขึ้น ถึงขั้นสามารถยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง โดยอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ นำร่องใน อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ได้สำเร็จ หลังจากใช้กฎหมายพิเศษฉบับนี้มาอย่างต่อเนื่องยาวนานเกือบ 5 ปีครึ่ง
ควงอาวุธสงครามซุ่มโจมตีทหารดับ 1 สาหัส 1
ขณะที่สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงก่อนปีใหม่ก็ตึงเครียดเช่นกัน โดยเมื่อเวลา 22.10 น.คืนวันพฤหัสบดีที่ 30 ธ.ค.2553 คนร้ายไม่ต่ำกว่า 10 คนใช้อาวุธปืนสงครามอาก้า เอ็ม 16 เอชเค และอาวุธปืนพกขนาด 9 มม. โจมตีทหารหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 26 ขณะนำกำลังพลจำนวน 8 นาย ขี่รถจักรยานยนต์ 4 คันอยู่บนถนนหน้าโรงเรียนชุมชนบางเก่า หมู่ 2 ต.บางเก่า อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เพื่อมุ่งหน้ากลับฐาน หลังจากเสร็จภารกิจตั้งด่านตรวจบริเวณชุมชนบ้านทุ่งเคล็ด ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ประกอบด้วย พ.จ.อ.บุรินทร์ จาดป้อม อายุ 52 ปี หัวหน้าชุด และพลทหารยูแว บือราเฮง อายุ 22 ปี แต่ พ.จ.อ.บุรินทร์ ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตขณะนำส่งโรงพยาบาล
ไล่ยิง อรบ.สาหัสกลางเมืองปัตตานี
ตลอดวันพฤหัสบดีที่ 30 ธ.ค.ยังมีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นอีกหลายเหตุการณ์ โดยเมื่อเวลา 07.40 น. พ.ต.อ.มนัส ศิกษมัต ผู้กำกับการ สภ.เมืองปัตตานี รับแจ้งเหตุยิงกันบริเวณสะพานบนถนนสายโรงเหล้า สาย ก. ต.รูสะมิแล จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบรถจักรยานยนต์ล้มคว่ำอยู่ 1 คัน ข้างๆ กันมีโลหิตกองใหญ่ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บมีพลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลปัตตานีแล้ว คือ นายนรินทร์ โอมสว่าง อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 188/63 หมู่ 6 ต.รูสะมิแล มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกขนาด .38 เข้าแก้มซ้ายทะลุขวา อาการสาหัส
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายนรินทร์ เป็นอาสาสมัครรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (อรบ.) ในท้องที่ ต.รูสะมิแล ก่อนเกิดเหตุได้ขี่รถ จักรยานยนต์ไปส่งลูกที่โรงเรียนในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี เมื่อถึงจุดเกิดเหตุมีคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ไล่หลัง เมื่อสบโอกาสได้ชักอาวุธปืนพกสั้นยิงใส่ทันที ทำให้นายนรินทร์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนคนร้ายได้เร่งเครื่องรถหลบหนีไป เบื้องต้นตำรวจให้น้ำหนักเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบ เนื่องจากนายนรินทร์ถือเป็นพนักงานของรัฐ
โจมตีตำรวจที่ยะรังโชคดีไร้คนเจ็บ
ต่อมาเวลา 12.30 น. พ.ต.ท.ต่วนเดร์ จุฑานันท์ รองผู้กำกับการ สภ.ยะรัง จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุคนร้ายซุ่มยิงเจ้าหน้าที่บริเวณหัวโค้ง บ้านบือแนกือบง หมู่ 3 ต.ประจัน จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.ยะรัง จำนวน 4 นายยืนเฝ้าระวังอยู่ในท่าเตรียมพร้อม โดยไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
สอบสวนทราบว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจออกลาดตระเวนเพื่อรักษาความปลอดภัยบนถนนสายดังกล่าว ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนดักซุ่มอยู่ข้างทาง ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดยิงใส่หลายนัด แต่ไม่ถูก ทำให้ไม่มีใครได้รับอันตราย เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกองกำลังอาร์เคเคในพื้นที่ (หน่วยรบขนาดเล็กที่ผ่านการฝึกรบแบบจรยุทธ์)
เอ็ม 79 โผล่ถล่มฐานทหารพรานที่กะพ้อ
ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 20.10 น.คืนวันพุธที่ 29 ธ.ค. มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้เครื่องยิงลูกระเบิดแบบเอ็ม 79 ยิงระเบิดหวังถล่มฐานทหารพรานหน่วยพัฒนาสันติที่ 4402 กรมทหารพรานที่ 44 ซึ่งตั้งฐานอยู่ในโรงเรียนบ้านบาโงยือแบ็ง หมู่ 5 บ้านบาโงยือแบ็ง ต.กะรูบี อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี แต่กระสุนตกห่างฐาน จึงไม่มีใครได้รับอันตราย และไม่มีทรัพย์สินใดได้รับความเสียหาย
ส่วนที่ อ.เมือง จ.ยะลา ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ขณะที่ น.ส.มารียะ เปาะจิ อายุ 18 ปี และ น.ส.ฮาฟเสาะ เปาะจิ อายุ 23 ปี สองพี่น้อง อยู่บ้านเลขที่ 33/2 หมู่ 3 ต.ตาเซะ อ.เมืองยะลา กำลังขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนถนนสายยุโป-ตาเซะ ท้องที่หมู่ 1 ต.ยุโป ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนดักซุ่มอยู่ข้างทาง ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิงใส่ทั้งสองคน กระสุนปืนถูก น.ส.มารียะ บริเวณลำคอได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วน น.ส.ฮาฟเสาะ กระสุนปืนเฉี่ยวบริเวณหน้าอก ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย หลังเกิดเหตุพลเมืองดีช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุของการลอบสังหารดังกล่าว
รวบผู้ต้องสงสัยเอี่ยวคาร์บอมบ์บาเจาะ-เจอยาบ้าคาบ้าน
ส่วนความคืบหน้าคดีคนร้ายวางระเบิด "คาร์บอมบ์" บริเวณหน้าสำนักงานหมวดการทาง อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เหตุเกิดเมื่อวันพุธที่ 29 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มงานสืบสวนคดีสำคัญ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 1 รายแล้ว หลังสนธิกำลังกับทหารหลัก และทหารพรานเข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านเลขที่ 95 บ้านกือดายือลิง หมู่ 8 ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ ซึ่งเป็นบ้านของ นายอับดุลย์เราะมาน เด็งซา อายุ 34 ปี เนื่องจากนายอับดุลย์เราะมานมีรูปพรรณคล้ายกับภาพคนร้ายที่กล้องโทรทัศน์วงจรปิดบันทึกภาพไว้ได้
ผลการตรวจค้น สามารถจับกุมนายอับดุลย์เราะมานได้โดยละม่อม และยังยึดยาบ้าบดละเอียดบรรจุถุงพลาสติกจำนวน 7 ถุง รวมทั้งเงินสกุลไทยและริงกิตของมาเลเซียมูลค่า 241,500 บาท จึงนำส่ง สภ.ปาลุกาสาเมาะ เพื่อดำเนินคดีครอบครองยาเสพติด และสอบสวนขยายผลเกี่ยวกับเหตุคาร์บอมบ์ต่อไป
ส่ง"อดุลย์"ล่องใต้บัญชาการป้องกันเหตุ 7 ปีปล้นปืน
ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตามบัญชาของ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.เพื่อกำกับดูแลการปฏิบัติเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับวันครบรอบ 7 ปีเหตุการณ์ปล้นปืนจากกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เจาะไอร้อง จ.นราวาส ในวันที่ 4 ม.ค.นี้ด้วย
พล.ต.อ.อดุลย์ กลาวว่า คดีคาร์บอมบ์ที่หน้าสำนักงานหมวดการทาง อ.บาเจาะ นั้น รถยนต์ที่คนร้ายใช้ดัดแปลงเป็นคาร์บอมบ์มีความเชื่อมโยงกับคดีคนร้ายยิงทหารชุดคุ้มครองพระสงฆ์ที่ อ.เมือง จ.ยะลา
ด้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงเหตุการณ์ที่กลุ่มก่อความไม่สงบก่อเหตุร้ายบ่อยครั้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงใกล้ปีใหม่ โดยเฉพาะการใช้ระเบิดแบบ "คาร์บอมบ์" ถล่มหน้าสำนักงานหมวดการทาง อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 รายว่า เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนให้กระจ่าง และต้องแก้ไขปัญหาด้วยการติดตามจับกุมคนร้ายให้ได้
---------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ :
- ภาพประกอบจาก จรูญ ทองนวล ช่างภาพมือรางวัลศูนย์ภาพเนชั่น
- สำนักข่าวเนชั่น และ คุณปาเรซ โลหะสัณห์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์คมชัดลึกประจำจังหวัดปัตตานี เอื้อเฟื้อเนื้อหาข่าวบางส่วน