- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- กมธ.วุฒิสภาลุยสอบ "บอมบ์สูทหมดอายุ" ผู้เชี่ยวชาญเปิดปมพลาดบึ้มปาดี
กมธ.วุฒิสภาลุยสอบ "บอมบ์สูทหมดอายุ" ผู้เชี่ยวชาญเปิดปมพลาดบึ้มปาดี
เหตุระเบิดที่ ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 1 ม.ค. ที่ทำให้ ด.ต.กิตติ มิ่งสุข เจ้าหน้าที่เก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด หรืออีโอดี สังกัดกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 447 ต้องเสียชีวิตคาชุดป้องกันอันตรายจากแรงระเบิด หรือ “บอมบ์สูท” ซึ่ง “ทีมข่าวอิศรา” เปิดประเด็นว่ามีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจาก “บอมบ์สูท” หมดอายุ และประสิทธิภาพของหุ่นยนต์กู้ระเบิด จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางนั้น ล่าสุดวุฒิสภาได้เดินหน้าตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว
ในการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญติดตามปัญหาภาคใต้ วุฒิสภา เมื่อวันพุธที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้หยิบยกข้อมูลเกี่ยวกับ “บอมบ์สูท” หมดอายุ และประสิทธิภาพของหุ่นยนต์กู้ระเบิดที่เกิดเสียขณะปฏิบัติหน้าที่ จนทำให้ ด.ต.กิตติ ต้องสังเวยชีวิตจากเหตุระเบิดที่ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เข้าหารือในที่ประชุม
นายอนุศาสตร์ สุวรรณมงคล สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จาก จ.ปัตตานี หนึ่งในกรรมาธิการฯ เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้รับตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น โดยจะขอข้อมูลไปยังศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า (ศปก.ตร.สน.) และศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) เพื่อให้อธิบายถึงเหตุการณ์ทั้งหมด และอาจต้องเชิญเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงด้วย
“เหตุการณ์ที่สุไหงปาดีเป็นเรื่องอ่อนไหวและละเอียดอ่อนมาก ถือเป็นบทเรียนที่ต้องนำมาพูดคุยกันเพื่อหาทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นอีกในอนาคต ความผิดพลาดนั้นมาจากทั้งซอฟท์แวร์และฮาร์ดแวร์ โดยเฉพาะเรื่องของยุทโธปกรณ์ ทั้งชุดป้องกันอันตรายจากแรงระเบิดหมดอายุ และกรณีของหุ่นยนต์กู้ระเบิดที่ผลิตภายในประเทศ ซึ่งเท่าที่ทราบเคยมีข้อผิดพลาดมาแล้วหลายครั้ง ประเด็นเหล่านี้ต้องพูดคุยกันเพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริง และแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ”
ส.ว.อนุศาสตร์ ยังขยายความเกี่ยวกับหุ่นยนต์กู้ระเบิดที่มีปัญหาสายพานหลุดขณะปฏิบัติงาน ทำให้ ด.ต.กิตติ ต้องเข้าไปใกล้กับวัตถุระเบิด จนเสียชีวิตว่า ต้องหาสาเหตุที่แท้จริง เช่น การบำรุงรักษา มีการดำเนินการอย่างรัดกุมตามวงรอบที่กำหนดหรือไม่ ซึ่งจะต้องตรวจสอบให้เกิดความกระจ่างต่อไป
“เหตุระเบิดที่สุไหงปาดี เป้าหมายอาจไม่ใช่เจ้าหน้าที่ก็เป็นได้ ฉะนั้นหากไม่มีปัญหาเรื่องอุปกรณ์ไม่มีประสิทธิภาพ ความเสียหายก็คงไม่เกิดขึ้นขนาดนี้ ที่สำคัญเหตุรุนแรงรูปแบบต่างๆ ทุกฝ่ายต้องช่วยกันระวังป้องกัน โดยเฉพาะภาคประชาชน ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่แต่เพียงฝ่ายเดียว และต้องขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ที่สละชีวิต พยายามเข้าไปปลดชนวนระเบิดเพื่อรักษาชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน จนเกิดอันตรายกับตัวเอง”
รู้จัก “บอมบ์สูท” ป้องกันระเบิด
“บอมบ์สูท” มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “ชุดป้องกันอันตรายจากแรงระเบิด” ใช้สวมใส่เพื่อป้องกันไม่ให้ได้รับอันตรายจากแรงอัดของระเบิดและสะเก็ดระเบิด โดยภายในชุด “บอมบ์สูท” จะมีเสื้อระบายความร้อนเพื่อลดความร้อนขณะที่สวมใส่ด้วย
ทั้งนี้ “บอมบ์สูท” ที่มีอุปกรณ์ป้องกันแบบเต็มตัว สามารถป้องกันแรงอัดระเบิดและสะเก็ดระเบิดได้ทุกจุดในร่างกาย มีน้ำหนักมากถึง 33 กิโลกรัม ประกอบด้วย กางเกง แจ๊คเก็ต อุปกรณ์ห่อหุ้มแขน ถุงมือ รองเท้าบูท แผ่นห่อหุ้มทรวงอกและขาหนีบเพื่อป้องกันแรงกระแทก หมวกนิรภัย และหมวกกันน็อค
สำหรับ “บอมบ์สูท” ที่ใช้อยู่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีประมาณ 10 ชุด ผลิตจากประเทศแคนนาดา ราคาชุดละ 2 ล้านบาท รับเข้ามาประจำการตั้งแต่ปี 2547 อายุการใช้งานไม่เกิน 5 ปี
เปิดปมพลาดบึ้มสุไหงปาดี
แหล่งข่าวซึ่งเป็นอดีตนายตำรวจระดับสูงที่เคยรับผิดชอบเกี่ยวกับข้อมูลระเบิดในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวกับ “ทีมข่าวอิศรา” ว่า โดยปกติ “บอมบ์สูท” จะสามารถรับแรงระเบิดได้ประมาณ 1.5 ปอนด์ ในระยะห่าง 2 เมตรขึ้นไป หากระเบิดมีปริมาณมากกว่านั้น หรือเป็นระเบิดแรงสูง เช่น ซีโฟร์ หรือเจ้าหน้าที่เข้าไปสัมผัสระเบิดในระยะใกล้ แม้จะสวมใส่ชุดบอมบ์สูทที่ยังไม่หมดอายุ ก็ไม่สามารถป้องกันอันตรายจากแรงระเบิดได้
“ก็ถูกต้องที่มีการระบุว่าบอมบ์สูทหมดอายุ และจริงๆ เป็นเรื่องที่แต่ละหน่วยจะต้องทำรายงานและจำหน่ายอุปกรณ์ที่หมดอายุแล้ว เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ล็อตใหม่เข้าประจำการ แต่สำหรับกรณีระเบิดที่สุไหงปาดี เห็นว่าเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้เข้าไปใกล้วัตถุระเบิดมาก ฉะนั้นไม่ว่าจะสวมชุดบอมบ์สูทดีขนาดไหนก็ไม่สามารถป้องกันได้”
แหล่งข่าวซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดรายนี้ กล่าวว่า ทางออกของปัญหานี้มีอยู่อย่างเดียว คือเจ้าหน้าที่ต้องไม่พยายามเข้าใกล้วัตถุระเบิด เมื่อพบวัตถุต้องสงสัย ต้องรีบปิดกั้นพื้นที่ และกันประชาชนออกจากรัศมีทำลายล้าง จากนั้นก็ใช้ปืนแรงดันน้ำยิงทำลายสิ่งห่อหุ้ม หากเป็นระเบิดจริง ก็ให้ยิงทำลายวงจรระเบิด เพื่อความปลอดภัย
“ผมเข้าใจดีว่าเจ้าหน้าที่ต้องการช่วยป้องกันชีวิตประชาชน จึงต้องทำงานอย่างรวดเร็ว และหลายๆ กรณีก็เป็นการวางระเบิดในชุมชน ซึ่งยากสำหรับการปิดกั้นพื้นที่และยิงทำลายวงจร แต่ถึงอย่างไรก็ต้องพยายามทำ เพื่อป้องกันความสูญเสียในลักษณะนี้อีก เพราะต้องเข้าใจว่าระเบิดที่คนร้ายใช้ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนใหญ่ไม่ใช่ระเบิดแบบตั้งเวลา แต่เป็นการจุดชนวนโดยอาศัยจังหวะและโอกาส โดยคนที่จุดชนวน (ใช้โทรศัพท์มือถือ รีโมทคอนโทรล หรือวิทยุสื่อสาร) ก็ยืนปะปนอยู่กับประชาชนในละแวกที่เกิดเหตุนั่นเอง ฉะนั้นการเข้าไปใกล้หรือสัมผัสระเบิดจึงเป็นเรื่องอันตรายและเสี่ยงมาก ไม่ว่าจะสวมบอมบ์สูทหรือไม่ก็ตาม” แหล่งข่าว ระบุ
ดักยิงผู้ใหญ่บ้าน-ผู้ช่วยฯที่ตันหยงลิมอเจ็บระนาว
ด้านสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นบ้างประปราย โดยเมื่อวันพุธที่ 5 ม.ค. เวลา 14.30 มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนสงครามซุ่มยิงรถยนต์ของผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 บ้านไอปาเซ ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เหตุเกิดบริเวณสามแยกบ้านลาลู (บ้านย่อยบ้านไอร์ปาเซ) หมู่ 8 ต.ตันหยงลิมอ
เหตุซุ่มยิงดังกล่าวทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย คือ นายกูเฮง ยูโซ๊ะ อายุ 41 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 บ้านไอปาเซ ซึ่งเคยถูกยิงเมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ปีที่แล้วและรอดชีวิตมาได้ คราวนี้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย, นายมะรอโซ สาและ อายุ 29 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 บ้านป่าไผ่ ถูกกระสุนปืนบริเวณหน้าอก ได้รับบาดเจ็บสาหัส, นายสุกานิง แกมะ อายุ 26 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 บ้านไอปาเซ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และ นายมูหามะดานูรี สาแม อายุ 38 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 บ้านไอปาเซ ถูกกระสุนปืนบริเวณหน้าท้อง ได้รับบาดเจ็บสาหัส
สอบสวนทราบว่า ขณะเกิดเหตุ ผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านกลุ่มดังกล่าวกำลังขับรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน บจ 334 นราธิวาส กลับจากการประชุม ณ ที่ว่าการอำเภอระแงะ เมื่อถึงที่เกิดเหตุมีคนร้ายไม่ทราบจำนวนซุ่มอยู่บริเวณสวนปาล์มข้างทาง ใช้อาวุธปืนสงครามยิงใส่ เป็นเหตุให้ผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านได้รับบาดเจ็บดังกล่าว เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุของการดักสังหารครั้งนี้
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันอังคารที่ 4 ม.ค. เวลา 14.00 น. เกิดเหตุระเบิดริมทางหลวงสาย 4110 บริเวณสามแยกจะกว๊ะ บ้านดาแลกือมง หมู่ 4 ต.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่าระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นระเบิดขนาดเล็ก และลากสายไฟฟ้าเข้าไปในป่า คาดว่าก่อเหตุเพื่อก่อกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่
ดักบึ้มทหารที่เจาะไอร้องเจ็บ 2
วันจันทร์ที่ 3 ม.ค. เวลา 07.00 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบจุดชนวนระเบิดที่แขวนไว้กับต้นไม้ข้างถนนเพื่อดักสังหารชุดปฏิบัติการกองร้อยทหารราบที่ 15114 หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 31 ขณะลาดตระเวนเส้นทางด้วยรถจักรยานยนต์จำนวน 3 คัน กำลังพล 6 นาย เป็นเหตุให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 2 นาย คือ ส.ท.วัชรศักดิ์ คงศิลป์ อายุ 27 ปี และ พลทหารสการียา แดเมาะ อายุ 22 ปี เหตุเกิดบนถนนเลียบทางรถไฟบ้านลูโบ๊ะเย๊าะ หมู่ 7 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
เวลา 20.15 น.วันเดียวกัน คนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธปืนสงคราม ยิงก่อกวนฐานปฏิบัติการกองร้อยทหารราบที่ 15121 หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 38 ตั้งฐานอยู่ที่บ้านสถานีมะรือโบตก หมู่ 1 ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
เวลา 19.45 น. คนร้ายจำนวน 4 คน ใช้รถจักรยานยนต์ 2 คันเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนสงครามลอบยิงจุดตรวจยุทธศาสตร์บ้านมะนังดาลำ หมู่ 1 ต.มะนังดาลำ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ขณะเจ้าหน้าที่สามฝ่ายกำลังปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดตรวจจุดสกัด แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บเช่นกัน
ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน คนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธปืนสงครามอาก้ายิง นายมะรอพา สะอง อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17 บ้านปาแตรายอ หมู่ 2 ต.เกะรอ อ.รามัน จ.ยะลา ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดขณะนายมะลอพากำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบหรือไม่
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : ชุดป้องกันอันตรายจากแรงระเบิด หรือ "บอมบ์สูท" ที่เจ้าหน้าที่ อีโอดี ใช้ขณะเข้าเก็บกู้ระเบิดที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เมื่อไม่นานมานี้ (ภาพโดย อับดุลเลาะ หวังนิ)
อ่านประกอบ : กังขา จนท.สังเวยหลังบึ้มปาดี "หุ่นยนต์ด้อยคุณภาพ บอมบ์สูทหมดอายุ"
http://www.south.isranews.org/other-news/663--q-q.html