- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- ยิง 4 จุด 3 จังหวัดรับต่อ "พ.ร.ก." เลขาฯ สมช.ชี้กลุ่มป่วนใต้ "ท้าทาย-ลองของ"
ยิง 4 จุด 3 จังหวัดรับต่อ "พ.ร.ก." เลขาฯ สมช.ชี้กลุ่มป่วนใต้ "ท้าทาย-ลองของ"
ใต้ป่วนครบ 3 จังหวัดรับต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 3 เดือนโดยยังไม่ยกเลิกเพิ่ม 2 อำเภอ ทั้งซุ่มโจมตีชุด รปภ.ครู บุกยิง อส.สุไหงโก-ลก สังหารโหดสาวใหญ่ไทยพุทธ เลขาฯสมช.ฟันธงกลุ่มก่อความไม่สงบเร่งก่อเหตุลอง “ของ-ท้าทาย” มั่นใจเดินถูกทาง แนะให้ดูกันยาวๆ
คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติต่ออายุการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงโดยอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ในท้องที่ จ.ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ยกเว้น อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ออกไปอีก 3 เดือน โดยที่ยังไม่ยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพิ่มเติมใน อ.เบตง จ.ยะลา และ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ตามที่นายกรัฐมนตรีเคยให้สัมภาษณ์เอาไว้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุม ครม.เมื่อวันอังคารที่ 18 ม.ค.2554 ว่า ครม.เห็นชอบให้ต่ออายุการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ออกไปอีก 3 เดือน ยกเว้น อ.แม่ลาน และเห็นชอบในแนวทางที่จะนำการพัฒนาและการอำนวยความยุติธรรมมาใช้ในพื้นที่เพื่อกลับมาสู่การใช้กฏหมายปกติในการดูแลสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่อื่นๆ ยกเว้น อ.แม่ลาน ขณะนี้ยังมีความจำเป็นที่ต้องต่ออายุการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินต่อไป แต่หากพื้นที่ไหนมีความพร้อม ก็จะเสนอให้ยกเลิกทันที
นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า การยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินใน อ.เบตง กับ อ.สุคิรินนั้น ขณะนี้ยังรอรายละเอียดอยู่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ย้ำแล้วว่าต้องกลับไปสู่การใช้กฎหมายปกติให้มากที่สุด โดยต้องทยอยยกเลิกและประเมินสถานการณ์ตามความเหมาะสม
"แนวทางของรัฐบาลคือกลับไปใช้กฎหมายปกติ เพราะที่ผ่านมามีการใช้กฎหมายพิเศษเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถไปดูแลสถานการณ์ และรักษาความปลอดภัยให้ประชาชนได้ระดับหนึ่ง มีการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ แต่ผลกระทบคือมีการร้องเรียนจากประชาชน รัฐบาลจึงพยายามกลับไปสู่การใช้กฎหมายปกติ และไม่ให้กฎหมายมีผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ดำเนินการตามกฎหมาย" เลขาธิการ สมช.กล่าว
ชี้แก๊งป่วนใต้ลองของก่อเหตุป่วนไม่เลิก
นายถวิล กล่าวด้วยว่า ในระยะสั้นอาจมีคนต่อต้านและไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้บ้าง เพราะอาจมองภาพไม่ชัด แต่ฝ่ายความมั่นคงกับรัฐบาลมองว่าน่าจะเป็นแนวทางที่ถูกต้อง กลุ่มก่อความไม่สงบอาจจะท้าทาย แต่ระยะยาวหากรัฐบาลมีแนวทางที่ชัดเจนก็จะได้แนวร่วมจากประชาชน เพราะเราไม่ได้มุ่งก่อให้เกิดผลกระทบกับผู้บริสุทธิ์ ดังนั้นการได้แนวร่วมกลับมา จะทำให้ผู้ก่อเหตุเสียมวลชน
"ส่วนการก่อเหตุที่ยังรุนแรงขึ้นนั้น อาจเป็นการลองของจากฝ่ายไม่เห็นด้วย และตอนนี้น้ำร้อนกับน้ำเย็นกำลังเจอกัน มันต้องดูกันยาวๆ” เลขาธิการ สมช.ระบุ
สำหรับการต่ออายุการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยกเว้น อ.แม่ลาน จ.ปัตตานีนั้น ครั้งนี้นับเป็นการต่ออายุครั้งที่ 22 หลังจากประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินมาตั้งแต่กลางเดือน ก.ค.2548 หรือกว่า 5 ปี 7 เดือน
อดีต กอส.บอกต่อพ.ร.ก.ทำชาวบ้านสับสน
นายอัฮหมัดสมบูรณ์ บัวหลวง นักวิชาการด้านสันติวิธี และอดีตกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.) กล่าวว่า การที่รัฐบาลต่ออายุการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปอีก 3 เดือน ถือเป็นสิ่งที่สวนทางกับท่าทีและข้อมูลของหน่วยงานที่รับผิดชอบพื้นที่ที่บอกว่าสถานการณ์กำลังคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น เพราะการต่ออายุเพื่อใช้กฎหมายพิเศษต่อไปคือการสะท้อนให้รู้สึกว่าเหตุการณ์ยังไม่สงบตามที่บางหน่วยกล่าวอ้าง
"รัฐบาลบอกว่าจะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพิ่มอีก 2 อำเภอ หลังจากเลิกนำร่องไปแล้วที่ อ.แม่ลาน แต่วันนี้กลับยังไม่ได้ยกเลิก ทำให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความรู้สึกสับสนว่าท้ายที่สุดแล้วสถานการณ์ดีขึ้นจริงหรือไม่" นายอัฮหมัดสมบูรณ์ กล่าว
อดีต กอส.กล่าวด้วยว่า การต่ออายุการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินมาแล้วกว่า 20 ครั้ง เป็นสิ่งที่รัฐบาลและหน่วยงานความมั่นคงต้องนำกลับไปคิดทบทวน เพราะยิ่งใช้กฎหมายพิเศษ ยิ่งเป็นการสร้างเงื่อนไขหรือปมทางความรู้สึกกับคนในพื้นที่ เป็นการเพิ่มช่องว่างระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชน ที่สำคัญยังไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีประเทศไหนในโลกที่ต่ออายุการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยาวนานเท่าประเทศไทย
"สิ่งที่น่ากังวลคือกระบวนการยุติธรรมในพื้นที่จะมีความล่อแหลมมากขึ้น เพราะกฎหมายปกติไม่มีความศักดิ์สิทธิ์หลงเหลืออยู่แล้ว มีแต่จะใช้กฎหมายพิเศษเท่านั้น ทั้งยังสวนทางกับแนวทางการเมืองนำการทหารที่รัฐบาลประกาศอย่างชัดเจนด้วย” นายอัฮหมัดสมบูรณ์ กล่าว
โจมตีทหาร รปภ.ครู-จ่อยิง อส.คาบ้าน
ด้านสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 09.00 น. คนร้ายประมาณ 4-5 คน ใช้อาวุธปืนอาก้าซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจยะลา 12 ขณะเดินทางกลับจากปฏิบัติหน้าที่คุ้มครองครู โดยใช้รถจักรยานยนต์จำนวน 4 คัน เหตุเกิดบนถนนสายโกตาบารู-ท่าเรือ ท้องที่บ้านแบหอ หมู่ 1 ต.กาลอ อ.รามัน จ.ยะลา ทำให้ พลทหารนิฟาซี แมเร๊าะ อายุ 22 ปี ได้รับบาดเจ็บ
ช่วงเวลาใกล้เคียงกันที่ จ.นราธิวาส พ.ต.อ.นิตินัย หลังยาหน่าย ผู้กำกับการ สภ.สุไหงโก-ลก รับแจ้งเหตุคนร้ายบุกยิงเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน (อส.) ประจำที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก ขณะพักผ่อนอยู่ในบ้านเลขที่ 82/3 ถนนเจริญเขต ในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ ทราบชื่อคนเจ็บคือ นายอุดม ไชยสิทธิ์ อส.ประจำที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกไม่ทราบขนาดจำนวน 3 นัด อาการสาหัส ญาติช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลแล้ว แต่ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
สอบสวนทราบว่า คนร้ายที่ก่อเหตุมีจำนวน 4 คน ใช้รถจักรยานยนต์จำนวน 2 คันเป็นพาหนะ ขี่ไปจอดที่หน้าบ้านของนายอุดม เพื่อซื้อน้ำมันขวดเติมรถจักรยานยนต์ เมื่อนายอุดมเดินออกมาขายน้ำมัน คนร้ายได้ชักปืนพกยิงใส่ทันที ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
จ่อยิงสาวไทยพุทธดับต่อหน้าเพื่อนมุสลิม
เวลา 12.30 น.วันเดียวกัน พ.ต.ท.ชูชาติ ชินวงศ์ สารวัตรเวร สภ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุยิงกันบนถนนสายทุ่งยางแดง-รามัน ท้องที่หมู่ 3 บ้านเขาดิน ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง จึงรบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิ สีดำ หมายเลขทะเบียน บงน 741 นราธิวาส จอดอยู่ข้างถนน และพบปลอกกระสุนปืนขนาด 11 มม.จำนวน 1 ปลอกตกอยู่ จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ มีพลเมืองดีนำตัวส่งโรงพยาบาลทุ่งยางแดงแล้ว ทราบชื่อคือ นางจินดา เทพสุวรรณ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23 หมู่ 3 ต.ปากู อาชีพเกษตรกร มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกขนาด 11 มม.เข้าที่ศีรษะ 1 นัด สุดท้ายทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตที่โรงพยาบาล
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นางจินดาได้นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของ น.ส.มีด๊ะ อุเซ็ง อายุ 24 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนบ้าน เพื่อไปซื้อของในตลาด แต่ระหว่างทางมีคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกับ และบังคับให้จอด จากนั้นคนร้ายได้ชักอาวุธปืนพกขนาด 11 มม. จ่อยิง นางจินดา จนเสียชีวิต ส่วนนางมีด๊ะปลอดภัย เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ เนื่องจากสามีของนางจินดาเคยถูกยิงเสียชีวิตมาแล้วเมื่อปี 2551
รัวกระสุนใส่ภารโรงศูนย์พัฒนาเด็กเล็กหวิดสิ้นชื่อ
เวลา 15.50 น. พ.ต.ท.กฤษณะพงษ์ แพทย์สิทธิ์ สารวัตรสืบสวนสอบสวน สภ.รามัน จ.ยะลา รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้บาดเจ็บบนถนนในท้องที่ หมู่ 5 ต.กายูบอเกาะ อ.รามัน จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.นรินทร์ บูสะมัญ ผู้กำกับการ สภ.รามัน และเจ้าหน้าที่ทหาร
ทั้งที่จุดเกิดเหตุอยู่บนถนนสาย 4017 (รามัน-ตะโละหะลอ) พบกองเลือดและรถจักรยานยนต์ล้มคว่ำอยู่ 1 คัน รวมทั้งปลอกกระสุนปืนอีก 4 ปลอก จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บคือ นายปัญญา สุขเพชร อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 140/1 หมู่ 5 ต.กายูบอเกาะ มีพลเมืองดีช่วยนำส่งโรงพยาบาลแล้ว โดยนายปัญญาถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกขนาด 11 มม.เข้าที่บริเวณลำตัวและแขนขวา อาการสาหัส แพทย์ต้องส่งต่อไปยังโรงพยาบาลศูนย์ยะลา
สอบสวนทราบว่า นายปัญญาเป็นภารโรงประจำศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลกายูบอเกาะ ก่อนเกิดเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปรับลูกชายและหลานชายวัย 3-4 ขวบจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กขึ้นซ้อนท้ายกลับไป แต่ระหว่างทางถูกคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ และใช้อาวุธปืนจ่อยิงนายปัญญาหลายนัดจนได้รับบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว ส่วนลูกชายและหลานชายปลอดภัย เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปว่าเป็นเหตุล้างแค้นส่วนตัวหรือการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : เจ้าหน้าที่นำตัว นายปริญญา สุขเพชร ภารโรงศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลกายูบอเกาะ อ.รามัน ส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลาเป็นการด่วน หลังจากนายปริญญาถูกยิงอาการสาหัสขณะขี่รถจักรยานยนต์รับเด็กๆ กลับบ้าน (ภาพโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)
ขอบคุณ :
- คุณปาเรซ โลหะสัณห์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์คมชัดลึกประจำ จ.ปัตตานี เอื้อเฟื้อข่าวจากปัตตานี
- สำนักข่าวเนชั่น เอื้อเฟื้อข่าวสัมภาษณ์ นายอัฮหมัดสมบูรณ์ บัวหลวง