- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- คาร์บอมบ์ใต้ถุนแฟลตตำรวจศรีสาครพ่นพิษ เด้งผู้การนราฯ หนูน้อยเหยื่อกระสุนที่ปะนาเระสิ้นใจ
คาร์บอมบ์ใต้ถุนแฟลตตำรวจศรีสาครพ่นพิษ เด้งผู้การนราฯ หนูน้อยเหยื่อกระสุนที่ปะนาเระสิ้นใจ
"คาร์บอมบ์" อุกอาจใต้ถุนแฟลตตำรวจ สภ.ศรีสาคร พ่นพิษ "อดุลย์" สั่งเด้งผู้การนราธิวาส ส่วนเหตุยิงสองตาหลานที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี หนูน้อยวัยขวบเศษสิ้นใจตามคุณตา ใต้ป่วนหนักแค่ 2 วันไล่ยิง 4 เหตุการณ์สังเวย 3 ศพ ด้านศาลยะลานัดไต่สวนเหยื่อร้องเรียนซ้อมทรมานตายคาเรือนจำ
เหตุระเบิดรถยนต์ หรือ "คาร์บอมบ์" ใต้ถุนแฟลตตำรวจ สภ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส กลายเป็นประเด็นที่ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีคำสั่งย้ายด่วน พล.ต.ต.ชัยทัต อินทนูจิตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส (ผบก.ภ.จว.นราธิวาส) ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.)
มีรายงานว่า เมื่อวันพุธที่ 9 มี.ค.2554 พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) รับผิดชอบปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ในส่วนของ ตร. มีคำสั่งย้าย พล.ต.ต.ชัยทัต อินทนูจิตร ผบก.ภ.จว.นราธิวาส ไปช่วยราชการที่ ศชต. โดยให้เหตุผลว่าเนื่องจากที่ผ่านมาในพื้นที่เกิดเหตุรุนแรงบ่อยครั้ง ล่าสุดคนร้ายยังก่อเหตุระเบิดแฟลตตำรวจ สภ.ศรีสาคร ถือเป็นการกระทำที่อุกอาจมาก พร้อมกันนี้ได้แต่งตั้งให้ พล.ต.ต.ยงยุทธ เจริญวานิช รองผู้บัญชาการ ศชต.ไปดำรงตำแหน่งแทน
ย้อนเหตุคาร์บอมบ์ใต้แฟลตตำรวจ-ปาบึ้มอีกลูก
สำหรับเหตุคาร์บอมบ์ใต้ถุนแฟลต สภ.ศรีสาคร เกิดขึ้นเมื่อเวลา 11.25 น.วันจันทร์ที่ 7 มี.ค.โดยคนร้ายได้ขับรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า สีเทา หมายเลขทะเบียน บฉ 2400 ยะลา ซึ่งเป็นป้ายทะเบียนปลอม และติดตั้งระเบิดเอาไว้ภายใน ไปจอดไว้ที่ใต้ถุนแฟลตของตำรวจ จากนั้นคนร้ายที่ขับรถมาได้วิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ของคนร้ายอีกคนหนึ่งที่จอดรออยู่ด้านหน้าแฟลตตำรวจ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีสาคร ซึ่งอยู่บริเวณนั้นตะโกนเรียกเพื่อจะสอบถาม ปรากฏว่าคนร้ายได้รีบขี่รถจักรยานยนต์ออกไป
อย่างไรก็ดี เมื่อรถจักรยานยนต์ของคนร้ายแล่นผ่านหน้าบ้านพักของตำรวจซึ่งห่างจากจุดที่คนร้ายจอดรถกระบะไว้ประมาณ 50 เมตร คนร้ายได้ขว้างระเบิดชนิด เอ็ม 67 เข้าใส่บ้านพัก เป็นเหตุให้ จ.ส.ต.สานิตย์ ขวัญสุข อายุ 40 ปี ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปราม (ผบ.หมู่ ป.) สภ.ศรีสาคร ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
ต่อมาคนร้ายซึ่งไม่ชัดว่าเป็นชุดเดียวกับที่ขับรถมาหรือขี่รถจักรยานยนต์มารับหรือไม่ ได้จุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ซุกไว้ในรถกระบะใต้ถุนแฟลตตำรวจ สภ.ศรีสาคร ทำให้รถยนต์ส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จอดอยู่บริเวณใกล้เคียงได้รับความเสียหายเกือบ 20 คัน ไฟลูกท่วม อาคารแฟลตเสียหายบางส่วน แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุของเจ้าหน้าที่ พบว่าระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นชนิดแสวงเครื่อง ประกอบไว้ในถังแก๊สหุงต้ม น้ำหนักประมาณ 15 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ โดยคนร้ายซุกถังแก๊สระเบิดไว้ในรถกระบะคันดังกล่าว เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ ล่าสุดตำรวจสามารถออกภาพสเก็ตช์คนร้ายได้แล้ว และขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหา 1 ราย
ยิงอดีตตำรวจดับ-หลานวัยแค่ขวบเศษสิ้นใจ
ในวันเดียวกันยังเกิดเหตุสลดที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี โดยเมื่อเวลา 18.00 น. คนร้ายจำนวน 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม.ประกบยิง ด.ต.สุพล กล่อมพล อายุ 62 ปี ข้าราชการตำรวจบำนาญ อดีตตำรวจ สภ.ปะนาเระ อยู่บ้านเลขที่ 36/1 บ้านนาพร้าว หมู่ 2 ต.ปะนาเระ เสียชีวิตคาที่ขณะขับรถยนต์เก๋งสีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ก 6349 ปัตตานี กลับจากเยี่ยมญาติ โดยกระสุนยังถูก ด.ญ.บุญธิสา มาลายานนท์ อายุ 1 ปี 2 เดือน หลานตาของ ด.ต.สุพล อยู่บ้านเลขที่ 31/1 บ้านนาพร้าว ได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วย เหตุเกิดในท้องที่บ้านบางมะรวด หมู่ 1 ต.บ้านกลาง อ.ปะนาเระ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ต่อมา ว่าที่ ร.ต.เลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ด.ญ.บุญธิสา ซึ่งถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสพร้อมกับคุณตา และเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลปัตตานีนั้น ได้เสียชีวิตลงแล้ว เนื่องจากกระสุนปืนเข้าบริเวณไหล่ซ้ายทะลุปอด โดยเป็นการเสียชีวิตในอ้อมกอดของพ่อ แม่ และญาติ ท่ามกลางความเศร้าสลด สำหรับศพของ ด.ญ.บุญธิสา กับ ด.ต.สุพล ตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดประจันตคาม ต.บ้านนอก อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี
ยิงชาวบ้านดับอีกที่ทุ่งยางแดง-กู้บึ้มระทึกที่มายอ
วันที่ 7 มี.ค.เช่นกัน เวลาประมาณ 12.50 น. คนร้ายจำนวน 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกไม่ทราบขนาด ประกบยิง นายสาทร ดาสงค์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 126 บ้านปาแดปาลัส หมู่ 1 ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี เสียชีวิตคาที่ขณะขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านภรรยา มุ่งหน้าบ้านปาเซปูเต๊ะ ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
เวลา 15.45 น. ที่ อ.มายอ จ.ปัตตานี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคุ้มครองครูพบวัตถุต้องสงสัยลักษณะคล้ายระเบิด บริเวณโคนต้นไม้ริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 (จุดกลับรถบ้านลางา) หมู่ 5 ต.ลางา อ.มายอ จึงประสานหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี) เข้าตรวจสอบ พบเป็นระเบิดแสวงเครื่อง บรรจุในหม้อสแตนเลส น้ำหนักประมาณ 4 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร เจ้าหน้าที่ชุดอีโอดีจึงเก็บกู้ด้วยการยิงทำลาย ทำให้ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
ยิงรายวันอีก 3 เหตุการณ์สังเวย 2 ศพ
วันอังคารที่ 8 มี.ค.เวลา 14.40 น. คนร้ายจำนวน 2 คน ใช้อาวุธปืนพกไม่ทราบขนาดประกบยิง นายมาหะมะ ปูเต๊ะ อายุ 44 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ หมู่ 4 บ้านต้นมะขาม ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เสียชีวิตขณะขี่รถจักรยานยนต์พาภรรยานั่งซ้อนท้ายออกจากตลาดนัดมุ่งหน้ากลับบ้าน เหตุเกิดบริเวณหน้าสถานีอนามัยบ้านบือซู หมู่ 6 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา โดยนายมาหะมะไปรับจ้างกรีดยางอยู่ในท้องที่ อ.บันนังสตา
เวลา 23.45 น.วันเดียวกัน คนร้ายจำนวน 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดประกบยิง นายอับดุลเลาะ สาและ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26 หมู่ 2 ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา เสียชีวิตขณะขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนถนนในท้องที่บ้านจือนือแร หมู่ 3 ต.บุดี อ.เมืองยะลา เพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน เบื้องต้นตำรวจยังไม่ได้สรุปสาเหตุสังหาร
วันพุธที่ 9 มี.ค.เวลา 16.20 น.คนร้ายจำนวน 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนอาก้ายิงใส่ตำรวจ สภ.โสร่ง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ขณะขับรถส่วนตัวกลับบ้าน โชคดีกระสุนพลาดเป้า จึงไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบนถนนสายชนบท ท้องที่บ้านเขาตูม หมู่ 1 ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
ศาลยะลานัดไต่สวนเหยื่อร้องเรียนซ้อมทรมานตายคาเรือนจำ
เมื่อวันอังคารที่ 8 มี.ค.ศาลจังหวัดยะลาได้นัดไต่สวนคำร้องของพนักงานอัยการจังหวัดยะลา ที่ยื่นขอให้ศาลมีคำสั่งไต่สวนการตายกรณี นายมะคอเซ็ง เปาะแต จำเลยในคดีความมั่นคง เสียชีวิตในเรือนจำกลางจังหวัดยะลาเมื่อวันที่ 12 ส.ค.2553 ซึ่งเป็นการเสียชีวิตก่อนวัดนัดสืบพยานคดีความมั่นคงของฝ่ายโจทก์นัดแรกวันที่ 7 ก.ย.ปีเดียวกัน ซึ่งถือเป็นการเสียชีวิตระหว่างการถูกควบคุมโดยเจ้าหน้าพนักงานที่อ้างว่าปฏิบัติงานตามหน้าที่ จึงต้องมีกระบวนการไต่สวนการตายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 150
ในคำร้องไต่สวนการตาย คดีหมายเลขดำที่ ช.11/2553 ระบุว่า เมื่อวันที่ 2 เม.ย.2552 นายมะคอเซ็งผู้ตายถูกส่งตัวไปฝากขังระหว่างการสอบสวนและพิจารณาคดีที่เรือนจำกลางจังหวัดยะลา ในความผิดฐานก่อการร้าย ในคดีอาญาหมายเลขคดีดำที่ 712/2552 ของศาลจังหวัดยะลา กระทั่งวันที่ 11 ส.ค.2553 เวลาประมาณ 22.00 น. นายมะคอเซ็งมีอาการอาเจียนและหมดสติ เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางยะลาจึงส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในวันที่ 12 ส.ค. ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันชันสูตรพลิกศพผู้ตาย พบสาเหตุการตายเนื่องจากระบบไหลเวียนเลือดล้มเหลว
อนึ่ง มูลเหตุแห่งคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 มี.ค.2552 เวลาประมาณ 06.00 น. เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ได้สนธิกำลังกันเข้าปิดล้อมบ้านเลขที่ 71 หมู่ 2 บ้านยามูเฉลิม ต.ตะโละ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี และได้ควบคุมตัวนายมะคอเซ็ง กับบุคคลอื่นในบ้านรวม 3 คนไปไว้ที่สถานีตำรวจและค่ายทหารเป็นเวลา 2 วัน โดยที่ญาติไม่สามารถเข้าเยี่ยมได้
กระทั่งวันที่ 2 เม.ย.2552 นายมะคอเซ็งถูกนำตัวไปควบคุมไว้ที่เรือนจำกลางยะลา เนื่องจากมีหมายจับคดีอาญาของศาลจังหวัดยะลา ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ญาติได้มีโอกาสเข้าเยี่ยม และทราบว่านายมะคอเซ็งได้รับบาดเจ็บ อาจจะถูกเจ้าหน้าที่ทำร้าย ซึ่งนายมะคอเซ็งก็ให้ข้อมูลว่าถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายจนไม่สามารถรับประทานอาหารและน้ำได้
ต่อมาญาติได้ยื่นหนังสือร้องเรียนถึงผู้รายงานพิเศษด้านการต่อต้านการซ้อมทรมาน องค์การสหประชาชาติ และนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการทำร้ายร่างกายมาลงโทษ ต่อมานายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งให้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนตามข้อร้องเรียน และเรื่องร้องเรียนอยู่ระหว่างการสืบสวนของคณะกรรมการ แต่นายมะคอเซ็งก็มาเสียชีวิตเสียก่อน
สำหรับคดีไต่สวนการตายของนายมะคอเซ็ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 150 มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อเท็จจริงปรากฏในเบื้องต้นว่านายมะคอเซ็งเสียชีวิตด้วยสาเหตุใด ใครทำให้เสียชีวิต โดยพนักงานอัยการเป็นผู้ทำคำร้อง เพื่อถ่วงดุลการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ทั้งนี้ผลของการไต่สวนการตายจะนำไปสู่การดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด และเยียวยาญาติของผู้เสียชีวิตต่อไป
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : สภาพรถกระบะที่คนร้ายซุกระเบิดไว้ภายใน นำไปจอดไว้ใต้ถุนแฟลตตำรวจ สภ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ก่อนกดจุดชนวนระเบิดจนพังยับเยิน
ขอบคุณ : ศูนย์ภาพเนชั่น เอื้อเฟื้อภาพซากคาร์บอมบ์ (ภาพโดย อมรรัตน์ เข็มขาว)