- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- ทหารแฉเงินทุนบีอาร์เอ็นป่วนใต้ปี 53 ทะลุ 85 ล้าน ใช้อิทธิพลเก็บค่าคุ้มครองกระทั่งเจ้าหน้าที่รัฐ
ทหารแฉเงินทุนบีอาร์เอ็นป่วนใต้ปี 53 ทะลุ 85 ล้าน ใช้อิทธิพลเก็บค่าคุ้มครองกระทั่งเจ้าหน้าที่รัฐ
แหล่งข่าวจากหน่วยข่าวกรอง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) เปิดเผยกับ "ทีมข่าวพิเศษ" ว่า จากการเก็บข้อมูลภายในปี 2553 พบว่า ขบวนการก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ภายใต้การนำของขบวนการบีอาร์เอ็นนั้น ได้ใช้เงินในการก่อเหตุการณ์รุนแรงจำนวนมากถึง 85 ล้านบาท โดยได้รับการสนับสนุนจากทุกทาง ทั้งขบวนการค้ายาเสพติด การเรียกค่าคุ้มครองจากบริษัทห้างร้าน เก็บภาษีบุคคล เก็บภาษีการค้า (ภาษีเถื่อน) รวมถึงมีการเรียกเก็บค่าคุ้มครองจากหน่วยงานรัฐในพื้นที่ด้วย
"ตัวเลขนี้เป็นตัวเลขเท่าที่หน่วยข่าวกรองตรวจสอบพบ ที่เหลือไม่ทราบว่าเท่าไหร่ ซึ่งกลุ่มบีอาร์เอ็นจะมีฝ่ายการคลังของเขาทำหน้าที่หารายได้ และนำเงินส่งขบวนการตามโครงสร้างการบริหารของเขาหลังการหารายได้ในระดับเขตปกครองข้างล่าง เช่น การรับเหมาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หรือโครงการของรัฐในหมู่บ้าน ก็จะไปเรียกเก็บ 10–15% เข้ากองกลาง มีการเก็บภาษีบุคคลวันละบาท สวนยางพาราเก็บสวนละ 3,000 บาทต่อเดือน หรือของรัฐก็จะเก็บจากเจ้าหน้าที่รัฐที่อยู่โดดเดี่ยวและต้องการความคุ้มครอง เช่น จ่ายเดือนละ 500 บาท หรือชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) เก็บคนละ 50 บาท"
"แต่จากการตรวจสอบเพิ่มเติมปรากฏว่าแหล่งทุนใหญ่อยู่ในกลุ่มโครงการของรัฐและเงินสนับสนุนจากองค์กรพัฒนาเอกชน รวมถึงภาษีบุคคลที่เก็บวันละบาท และคนรวยที่พร้อมจ่ายให้วันละหลายบาทด้วย" แหล่งข่าว ระบุ
อย่างไรก็ดี ขั้นตอนการหารายได้ของกลุ่มบีอาร์เอ็นในส่วนนี้จะมีหน่วยสรรพากรพื้นที่ของขบวนการแบ่งเงินส่วนหนึ่งสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในพื้นที่หรือระดับจังหวัด ก่อนส่งเข้าส่วนกลาง ขณะที่ระดับแกนนำใหญ่ก็จะไปขอรับการสนับสนุนจากองค์กรพัฒนาเอกชนจากประเทศในภาคพื้นยุโรป และประเทศอื่นๆ ที่พร้อมบริจาคเพื่อช่วยการทำกิจกรรม เช่น เพื่อสนับสนุนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาบางแห่ง แต่ก็ถูกกลุ่มบีอาร์เอ็นไปตัดแบ่งมาเพื่อใช้ในการเคลื่อนไหว ขณะที่ขบวนการพูโลซึ่งเป็นอีกองค์กรหนึ่งที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ จะสนับสนุนในแนวสังคมตามที่ขบวนการบีอาร์เอ็นขอการสนับสนุน แต่กลุ่มนี้ไม่มีบทบาทมากนัก
จับตาใต้เดือดช่วงใกล้เลือกตั้ง-นักการเมืองโหนกระแสมลายู
นอกจากนี้ จากการประเมินของหน่วยข่าวกรองทหาร พบข้อมูลว่ามีการเตรียมก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นกรณีพิเศษในช่วงกลางเดือน เม.ย.-พ.ค.ซึ่งเป็นช่วงใกล้เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากเป็นช่วงการเมืองอ่อนแอและไม่มีความชัดเจนด้านนโยบาย ซึ่งจะเปิดช่องให้กลุ่มแบ่งแยกดินแดนฮึกเหิมและฉวยโอกาสนี้เคลื่อนไหวยกระดับความไม่สงบสู่สากล
"อีกประเด็นก็คือนักการเมืองที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งจำเป็นต้องอิงกระแสมลายูเพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียงในพื้นที่ ดังนั้นนโยบายการหาเสียงในเขตที่มีกลุ่มแบ่งแยกดินแดนจึงอาจเป็นไปในลักษณะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการหรืออาจจะหลับตาข้างหนึ่งขณะที่มีการก่อเหตุด้วย" แหล่งข่าว ระบุ
ใต้อาชญากรรมเกลื่อนดวลปืนสนั่น-ยิงหนุ่มส่งไก่เจ็บ 2
ด้านสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่แล้วจนถึงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งการก่อความไม่สงบและอาชญากรรมปกติ
ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ 11 เม.ย.2554 เวลา 06.30 น. ตำรวจ สภ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบศพชายไม่ทราบชื่อบริเวณข้างถนนใกล้สี่แยกบ้านน้ำดำ หมู่ 1 ต.น้ำดำ อ.ทุ่งยางแดง จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบศพ นายมะ สาแม็ง อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6/20 บ้านนัดฆอมิส หมู่ 5 ต.น้ำดำ สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดที่บริเวณลำตัว 2 นัด
นอกจากนั้น ยังได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหนึ่งราย ทราบชื่อคือ นายต่วน สะมะแอ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25 บ้านบือแนยามู หมู่ 4 ต.น้ำดำ พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปัตตานี เบื้องต้นคาดว่าได้รับบาดเจ็บจากเหตุรุนแรงเหตุเดียวกัน สันนิษฐานว่าทั้งคู่อาจยิงกันด้วยเหตุทะเลาะวิวาท
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 เม.ย.เวลา 13.20 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนมีรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนอาก้ายิงชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ 2 ราย คือ นายตานีซี สาและ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 71 บ้านบาเลาะ หมู่ 5 ต.ปะเสยะวอ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี และ นายมานะ วัฒนะ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 92/2 บ้านบาเลาะ หมู่ 5 ต.ปะเสยะวอ เหตุเกิดขณะทั้งคู่กำลังขับกระบะยี่ห้อนิสสัน สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน บจ 5996 นราธิวาส อยู่บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 บริเวณหน้าองค์การบริหารส่วนตำบลลุโบะบือซา หมู่ 1 ต.ลุโบะบือซา อ.ยี่งอ จ.ปัตตานี เพื่อบรรทุกไก่มุ่งหน้าเข้าเมืองนราธิวาส เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุของการลอบยิงในครั้งนี้ แต่ให้น้ำหนักไปที่ความขัดแย้งเรื่องอื่นที่ไม่ใช่การก่อความไม่สงบ
ประกบยิง นศ.เทคนิคดับ-เจ้าของร้านวัสดุก่อสร้างปางตาย
เวลา 19.41 น.วันเดียวกัน คนร้ายจำนวน 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกไม่ทราบขนาดประกบยิง นายรัฐเขต ยอดพินิจ อายุ 21 ปี นักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคปัตตานี อยู่บ้านเลขที่ 28/64 ถนนปากน้ำ ต.สะบารัง อ.เมือง จ.ปัตตานี กระสุนเข้าที่บริเวณหน้าอก 3 นัด เสียชีวิตขณะนำส่งโรงพยาบาลปัตตานี เหตุเกิดบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 ท้องที่บ้านดอนรักจะรัง หมู่ 7 ต.ดอนรัก อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ขณะนายรัฐเขตกำลังขี่รถจักรยานยนต์โดยมี น.ส.อามีเนาะ เจะสมะแอ อายุ 20 ปีซึ่งเป็นแฟนสาวนั่งซ้อนท้ายมาด้วย เพื่อมุ่งหน้าไปหาบิดาที่บ้านตุยง อ.หนองจิก โดย น.ส.อามีเนาะปลอดภัย เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิงครั้งนี้
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันเสาร์ที่ 9 เม.ย.เวลา 09.45 น. คนร้ายจำนวน 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม.จ่อยิง นายพนม พรหมมณี อายุ 37 ปี ผู้จัดการร้านนาเกตุวัสดุก่อสร้าง เลขที่ 19 ถนนเพชรเกษม บ้านโพธิ์ หมู่ 2 ต.มะกรูด อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี กระสุนถูกบริเวณลำคอและหน้าท้องได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดขณะนายพรมกำลังขายของอยู่บริเวณหน้าร้าน เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิงเช่นกัน
ควงเอ็ม 16 ซุ่มยิงหนุ่มใหญ่สิ้นใจคาถนนที่รามัน
เวลา 20.15 น.วันเดียวกัน คนร้ายไม่ทราบจำนวนซุ่มอยู่ข้างทาง ใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ซุ่มยิง นายมาหามุ การียา อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50 บ้านกาเยาะมาตี (บ้านย่อยของบ้านกำปงบือแน) หมู่ 2 ต.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา เสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดขณะที่นายมาหามุกำลังเดินกลับบ้านหลังเสร็จจากละหมาดที่มัสยิดในหมู่บ้าน
ปะทะเดือดที่จะกว๊ะ-วิสามัญฯอีกศพ
ช่วงเช้ามืดวันเสาร์ที่ 9 เม.ย.หน่วยเฉพาะกิจยะลา 12 พร้อมด้วยหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44 ได้สนธิกำลังร่วมกับฝ่ายปกครองและตำรวจเข้าปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่สวนยางพารา หลังบ้านเลขที่ 43/7 บ้านบือแนสะแต (บ้านย่อยของบ้านยือนือเร๊ะ) หมู่ 5 ต.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา ขณะกำลังตรวจสอบ พบผู้ต้องสงสัยจำนวน 3 คน เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอเข้าตรวจค้น แต่ฝ่ายผู้ต้องสงสัยไม่ยินยอม จึงเกิดการยิงต่อสู้กันขึ้น หลังเสียงปืนสงบลงพบผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ นายมะ ดือราแม อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69 บ้านปาแตรายอ หมู่ 2 ต.เกะรอ อ.รามัน มีหมายจับในคดีความมั่นคง 1 หมาย ส่วนผู้ต้องสงสัยอีก 2 รายหลบหนีไปได้
จากการตรวจค้นบ้านที่เกิดเหตุและละแวกใกล้เคียง พบอาวุธปืนพกขนาด 9 มม.จำนวน 1 กระบอก ระเบิดขว้าง 1 ลูก ซองกระสุนปืนเอ็ม 16 พร้อมเครื่องกระสุน 28 นัด ธนบัตรทั้งไทยและมาเลเซีย ซิมการ์ดโทรศัพท์จำนวนหนึ่ง รวมทั้งอุปกรณ์ดำรงชีวิตในป่าอีกเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน และนำส่ง สภ.จะกว๊ะ เพื่อตรวจสอบต่อไป
ปิดล้อมบ้านปะกาลือสงรวบ 2 ผู้ต้องหาคดีความมั่นคง
วันศุกร์ที่ 8 เม.ย.เวลา 09.30 น. หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 24 สนธิกำลังร่วมกับหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 43 และตำรวจ สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี เข้าปิดล้อมตรวจค้นจับกุมบุคคลเป้าหมายในพื้นที่บ้านปะกาลือสง หมู่ 6 ต.ตุยง อ.หนองจิก หลังเกิดเหตุคนร้ายประกบยิง นายอำนวย คงทอง เสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นบ้านไม่มีเลขที่ ท้องที่บ้านปะกาลือสง หมู่ 6 และสามารถควบคุมตัว นายสาการียา สะมะแอ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 111 หมู่ 6 บ้านปะกาลือสง เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดปัตตานีในคดีความมั่นคง พร้อมกันนั้นยังสามารถยึดโทรศัพท์มือถือได้ 1 เครื่องด้วย
นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ยังตรวจค้นป่าละเมาะหลังหมู่บ้านปะกาลือสง หมู่ 6 ต.ตุยง พบ นายเลาะฮิง ยามา อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51 หมู่ 6 บ้านปะกาลือสง ซ่อนตัวอยู่ ตรวจสอบพบมีหมายจับของศาลจังหวัดปัตตานี จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี
ลูกจ้าง 4,500 สังเวยอีก-รัวเอ็ม 16 ปลิดชีพผู้ช่วย ผญบ.พร้อมลูกน้อง
เวลา 09.30 น.วันเดียวกัน คนร้ายไม่ทราบจำนวนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกไม่ทราบขนาดประกบยิง นายศรัทธา มะเด็ง อายุ 47 ปี ลูกจ้างโครงการจ้างงานเร่งด่วน 4,500 บาท อยู่บ้านเลขที่ 51 บ้านถนน หมู่ 1 ต.ถนน อ.มายอ จ.ปัตตานี เสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดบนทางหลวงหมายเลข 4061 สายปาลัส-มายอ ท้องที่บ้านดูวา หมู่ 3 ต.ถนน ขณะนายศรัทธากำลังขี่รถจักรยานยนต์ไปรับเงินเดือนจากโครงการที่โรงเรียนศิริราษฎร์สามัคคี หมู่ 1 ต.มายอ อ.มายอ เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุสังหาร
ที่ อ.เมืองยะลา เวลา 14.50 น. พ.ต.ท.กรกช พันธรักษ์ สารวัตรเวร สภ.ลำใหม่ รับแจ้งได้เหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มชาวบ้านเสียชีวิต 2 ราย ที่บ้านทางลุ่ม หมู่ 5 ต.ลำพะยา จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุอยู่บนถนนทางเข้าหมู่บ้านบริเวณหลังสุสานจีน พบศพ นายประกอบ หมวกทอง อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22 หมู่ 1 ต.มะกรูด อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.มะกรูด แต่งกายด้วยชุดลายพรางแบบอาสาสมัครอำเภอ และอีกรายเป็นชายยังไม่ทราบชื่อ วัยไล่เลี่ยกัน ทั้งคู่ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเอ็ม.16 ห่างกันเล็กน้อยมีรถจักรยานยนต์คาดว่าเป็นของผู้ตายล้มคว่ำอยู่ 1 คัน และมีปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 ตกอยู่หลายปลอก จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวนทราบว่า นายประกอบเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ก่อนเกิดเหตุได้ชวนเพื่อนซึ่งเป็นชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ไปทำธุระในพื้นที่ ต.ลำพะยา แล้วถูกกลุ่มคนร้ายดักยิง คาดว่าเป็นเพราะนายประกอบแต่งกายด้วยชุดลายพรางคล้ายเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หมายเหตุ : "ทีมข่าวพิเศษ" หมายถึงทีมข่าวจากหนังสือพิมพ์ในส่วนกลางที่ร่วมลงพื้นที่และรายงานข่าวจากชายแดนใต้ในช่วงที่ผ่านมา
บรรยายภาพ :
1 ของกลางปืนพกและซองกระสุนที่เจ้าหน้าที่ยึดได้หลังปฏิบัติการปิดล้อม ตรวจค้น และวิสามัญฆาตกรรมผู้ต้องสงสัยคดีความมั่นคงในท้องที่ ต.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา เมื่อวันที่ 9 เม.ย.
2 เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบจุดเกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ลอบยิง นายประกอบ หมวกทอง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.มะกรูด อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เสียชีวิตพร้อมเพื่อน ชรบ. ขณะขับรถไปทำธุระในท้องที่ ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อวันที่ 8 เม.ย. (ภาพทั้งหมดโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)