- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- เอ็นจีโอแถลงประณามฆ่าพระ รัฐเร่งแจงปมบึ้มกลางยะลาสกัดข่าวลือ
เอ็นจีโอแถลงประณามฆ่าพระ รัฐเร่งแจงปมบึ้มกลางยะลาสกัดข่าวลือ
ฝ่ายปกครองลงพื้นที่พบปะผู้นำศาสนา กางหลักฐานเหตุคนร้ายปาระเบิดกลางยะลาทำนักเรียน-ชาวบ้านเจ็บระนาวเป็นฝีมือแก๊งป่วนใต้ สกัดข่าวลือโยนบาปเจ้าหน้าที่ ด้านตำรวจได้เบาะแสมือบึ้ม "หนุ่มผมยาว" คาดเอี่ยวมอเตอร์ไซค์บอมบ์กลางเมืองเมื่อเดือนกุมภาฯ สถานการณ์ในพื้นที่ยังตึงเครียด ชุดลาดตระเวนพบหลุมระเบิด-บึ้งถังแก๊สอีก 2 จุดใน 2 จังหวัด มูลนิธิผสานวัฒนธรรมร่อนแถลงการณ์ประณามขบวนการก่อเหตุรุนแรงสังหารพระ จี้ ศอ.บต.จัดกิจกรรมข้ามวัฒนธรรมลดหวาดระแวง
ความคืบหน้าเหตุคนร้าย 2 คนแต่งกายคล้ายนักศึกษา ปาระเบิดสังหารแบบ เอ็ม 67 เข้าใส่รถของเจ้าหน้าที่ทหารชุดปฏิบัติการหน่วยเฉพาะกิจอโณทัย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ขณะขับไปซื้อเครื่องอุปโภคบริโภค บริเวณปากซอยสิโรรส 3 ย่านตลาดเก่า อ.เมือง จ.ยะลา แต่ระเบิดกระดอนไปตกหน้าร้านขายอาหารริมทางเท้า และเกิดระเบิดขึ้นจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 8 ราย เหตุเกิดเมื่อเช้าวันพุธที่ 18 พ.ค.2554 นั้น
ล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 พ.ค. เวลา 11.30 น. ที่ตึกไอซียู ชั้น 2 และตึกศัลยกรรมกระดูกชาย ชั้น 1 อาคารโรงพยาบาลศูนย์ยะลา อ.เมือง จ.ยะลา นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา และคณะ ได้เดินทางเข้าเยี่ยมอาการของผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวซึ่งยังคงนอนพักรักษาตัวอยู่อีก 2 รายเพราะอาการสาหัส คือ นายอัฟฟัณ แวหะยี อายุ 15 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ และ นายนิรุต สินนวล อายุ 33 ปี พร้อมมอบเงินช่วยเหลือเยียวยา
นายกฤษฎา กล่าวว่า อาการนายอัฟฟัณค่อนข้างสาหัส เนื่องจากสะเก็ดระเบิดไปตัดหลอดลม เพราะฉะนั้นคงต้องอยู่ในการดูแลแพทย์ในห้องไอซียูต่อไปอีกระยะหนึ่ง สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้หลักฐานเป็นภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดแล้ว โดยคนร้ายมี 2 คน ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ คนที่นั่งซ้อนท้ายเป็นผู้ปาระเบิดเข้าใส่รถยนต์ของทหาร ซึ่งจุดนี้ต้องรีบชี้แจงให้ประชาชนในพื้นที่เข้าใจ
"สิ่งที่ทางจังหวัดยะลามีความเป็นห่วงกังวล ก็คือหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ มีคนไม่หวังดีหรือคนร้ายพยายามไปบิดเบือนว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่บ้าง หรือไม่ใช่เป็นการกระทำของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบบ้าง ทางจังหวัดจึงมีความจำเป็นที่ต้องเร่งหาหลักฐานมาแสดงให้สาธารณชนเข้าใจ เพื่อลดความหวาดระแวงและความเข้าใจผิดซึ่งกันและกัน ถ้าหากปล่อยให้เกิดความเข้าใจผิดอยู่ ปัญหาจะยิ่งสะสมและสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น" ผู้ว่าฯยะลา กล่าว
นายกฤษฎา บอกด้วยว่า ได้เชิญ พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา (ผบก.ภ.จว.ยะลา) และ พล.ต.ปรีชา จันทร์โอชา ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจยะลา นายอำเภอ และผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร (ผกก.สภ.) ทั้ง 8 อำเภอในพื้นที่มาประชุมเพื่อวางมาตรการเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาความไม่สงบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเบื้องต้นได้มีการเสนอให้ใช้กองกำลังภาคประชาชนซึ่งทางจังหวัดจัดตั้งไว้เป็นจำนวนมาก ช่วยเป็นหูเป็นตาแจ้งเบาะแสต่างๆ พร้อมทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่
"เราจะให้กองกำลังภาคประชาชนเหล่านี้ขอความร่วมมือกับคนในชุมชนและหมู่บ้านว่า อย่าไปเห็นด้วยกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ เพราะว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในปัจจุบันนอกจะจะทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์แล้ว ยังลามปามไปถึงพระสงฆ์องค์เจ้า ไม่เลือกชนชั้นวรรณะ ส่วนการติดตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุปาระเบิด คาดว่าจะสามารถออกหมายจับได้ในเร็ววันนี้" ผู้ว่าฯยะลา ระบุ
ส่งรองผู้ว่าฯชี้แจงผู้นำศาสนา
ก่อนหน้านั้น ที่มัสยิดกลางประจำจังหวัดยะลา ย่านชุมชนตลาดเก่า ในเขตเทศบาลนครยะลา นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา (ฝ่ายความมั่นคง) พร้อมด้วย นายเสรี พานิชกุล นายอำเภอเมืองยะลา เจ้าหน้าที่ทหาร และฝ่ายปกครอง ได้เดินทางเข้าพบ นายนิมิง นิมูดอ โต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดกลางยะลา ผู้นำศาสนา และประชาชน เพื่อนำภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดซึ่งจับภาพคนร้ายที่ก่อเหตุปาระเบิดใส่รถของทหารจนมีชาวบ้านและนักเรียนได้รับบาดเจ็บถึง 8 ราย ให้ผู้นำศาสนาและประชาชนได้รับชม พร้อมทั้งแจกใบปลิวที่มีรูปถ่ายจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดขณะคนร้ายลงมือก่อเหตุปาระเบิดใส่รถยนต์ของทหารด้วย โดยเขียนข้อความบรรยายใต้ภาพว่า เพื่อป้องกันกลุ่มผู้ไม่หวังดีหรือกลุ่มคนร้ายใช้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปลุกระดมชาวบ้านโดยอ้างว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ
นายอภินันท์ กล่าวว่า จากการพบปะพูดคุยกับชาวบ้านและผู้นำศาสนา ได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี ส่วนตัวอยากวิงวอนให้ผู้ที่ก่อเหตุรุรนแรงหยุดกระทำการได้แล้ว เพราะไม่ว่าจะทำแล้วสำเร็จหรือพลาดเป้า ก็จะเกิดความสูญเสียไม่ต่างกัน อย่างเหตุการณ์ล่าสุดทำให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างมาก พร้อมทั้งขอให้ชาวบ้านทุกคนช่วยกันเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่ด้วย เมื่อพบสิ่งของหรือบุคคลต้องสงสัยให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่เป็นการด่วน
มือระเบิด "หนุ่มผมยาว" คาดเคยร่วมก่อ จยย.บอมบ์
แหล่งข่าวจากชุดสืบสวน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า คนร้ายที่ทำหน้าที่ปาระเบิดไม่ได้สวมหมวกกันน็อค มีลักษณะเด่นคือผมยาวประบ่า เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับหลักฐานภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในเหตุการณ์อื่นๆ พบว่า มีลักษณะคล้ายกับคนร้ายที่นำรถจักรยานยนต์ติดตั้งวัตถุระเบิด (มอเตอร์ไซค์บอมบ์) ไปจอดที่หน้าร้านทอง ถนนระนอง ในเขตเทศบาลนครยะลา ก่อนจุดชนวนระเบิดทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา
รวบหนุ่มขนยาบ้าคาด่าน-จับผู้ต้องสงสัยป่วนใต้
ด้านความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ได้ปฏิบัติการตั้งด่านและปิดล้อมตรวจค้นกระทั่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาและผู้ต้องสงสัยได้จำนวนหนึ่ง โดยเมื่อวันพุธที่ 18 พ.ค. หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 24 ร่วมกับตำรวจ สภ.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ตั้งจุดตรวจ จุดสกัดบริเวณวัดธนาภิมุข (วัดปากล่อ) บ้านปากล่อ หมู่ 6 ต.ปากล่อ อ.โคกโพธิ์ และได้ทำการตรวจค้นบุคคลต้องสงสัยขณะขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีขาวเทา หมายเลขทะเบียน งขค 877 สงขลา ผ่านด่านตรวจ พบยาบ้าบรรจุในหลอดพลาสติกจำนวน 80 เม็ดอยู่ในกระเป๋ากางเกงของผู้ต้องสงสัย ทราบชื่อคือ นายกามารูดิง มะสะ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 75 บ้านโผงโผง หมู่ 8 ต.ปากล่อ อ.โคกโพธิ์
สอบสวนเบื้องต้น นายกามารูดิง อ้างว่าได้รับจ้างจากเพื่อนเป็นเงิน 1,500 บาทให้รับยาบ้าจากหน้าโรงงานยางพารา บ้านเกาะตา หมู่ 3 ต.ทุ่งพลา อ.โคกโพธิ์ ไปส่งให้เพื่อนอีกคนหนึ่งในพื้นที่ ต.ลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา แต่มาถูกจับกลางทาง เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวส่ง สภ.นาประดู่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
เวลา 03.30 นวันเดียวกัน หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 37 ร่วมกับตำรวจ สภ.ศรีสาคร อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส นำกำลังเข้าติดตามจับกุมบุคคลเป้าหมายจำนวน 3 รายที่บ้านไอร์กือเดร์ หมู่ 4 ต.ศรีบรรพต อ.ศรีสาคร แต่จับกุมได้รายเดียวคือ นายอิสมาแอ กาดง อยู่บ้านเลขที่ 59 บ้านไอร์กือเดร์ หมู่ 4 ต.ศรีบรรพต มีประวัติเป็นสมาชิกอาร์เคเคระดับปฏิบัติการ (หน่วยรบขนาดเล็กที่ผ่านการฝึกรบแบบจรยุทธ์) พร้อมยึดของกลางได้ 6 รายการ เป็นกระเป๋าเป้ กระเป๋าคาดเอว เปล น้ำมันเบนซิน และถ่านบดละเอียด จึงควบคุมตัวส่งศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เพื่อเข้าสู่กระบวนการซักถามต่อไป
เจอหลุมระเบิด-บึ้มถังแก๊สรอโจมตี จนท.เพียบ
วันพุธที่ 18 พ.ค.เช่นกัน ขณะที่กำลังพลของกองร้อยทหารพรานที่ 4112 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 กำลังออกลาดตระเวนเดินเท้าเพื่อรักษาความปลอดภัยเส้นทาง บนถนนสาย 4082 ยะลา– บ้านปาเก๊ะ บริเวณบ้านธารน้ำผึ้ง หมู่ 13 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา อยู่นั้น ตรวจพบหลุมต้องสงสัย 2 หลุมที่คาดว่าคนร้ายขุดไว้เพื่อเตรียมวางระเบิดลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่ บริเวณใกล้เสาไฟฟ้าส่องทางบนเกาะกลางถนน แต่ละหลุมห่างกันประมาณ 500 เมตร และยังตรวจพบตะปูเรือใบน้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัมในบ้านร้างไม่ห่างจากจุดที่พบหลุมด้วย เจ้าหน้าที่จึงทำการกลบหลุมและยึดของกลางไปตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดี
วันเดียวกัน ขณะที่กำลังพลของกองร้อยทหารราบที่ 3012 หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 23 กำลังออกลาดตระเวนเดินเท้าอยู่บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 418 ท้องที่บ้านงาแม่ หมู่ 4 ต.รูสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิด จึงทำการปิดล้อมพื้นที่ และประสานเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรืออีโอดี เข้าตรวจสอบ ปรากฏว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องบรรจุอยู่ในถังแก๊ส น้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร โดยคนร้ายนำไปฝังไว้บริเวณโคนต้นไม้ริมถนน เจ้าหน้าที่อีโอดีจึงใช้ปืนน้ำแรงดันสูงยิงทำลาย และเก็บกู้เอาไว้ได้สำเร็จ
มูลนิธิผสานวัฒนธรรมร่อนแถลงการณ์ประณามสังหารพระ
ด้านความคืบหน้าเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดรถยนต์ของวัดสวนแก้ว อ.ยะหา จ.ยะลา ขณะเจ้าหน้าที่ทหารกำลังขับพาเจ้าอาวาสและพระลูกวัดรวม 2 รูปไปบิณฑบาต เหตุเกิดเช้ามืดวันจันทร์ที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้พระทั้ง 2 รูปมรณภาพ ขณะที่กำลังพลได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 นายนั้น
ล่าสุด มูลนิธิผสานวัฒนธรรมซึ่งทำงานด้านสิทธิมนุษยชนและความหลากหลายทางวัฒนธรรมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ออกแถลงการณ์ประณามการก่อเหตุดังกล่าว โดยมีชื่อแถลงการณ์ว่า "ประณามการใช้ความรุนแรงลอบสังหารพระสงฆ์ ศอบต.ต้องสร้างสังคมพหุวัฒนธรรม ทบทวนแบ่งแยกและพัฒนา"
แถลงการณ์ระบุว่า มูลนิธิผสานวัฒนธรรมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อญาติและศาสนิกชนของผู้สูญเสียและผู้ได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น และขอประณามผู้ที่ก่อเหตุร้าย ซึ่งนอกจากจะเป็นการก่ออาชญากรรมร้ายแรงต่อพระสงฆ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งแล้ว ยังเป็นการจงใจเพื่อสร้างความขัดแย้งรุนแรงทางด้านศาสนาด้วย จึงขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันประณามและยืนยันให้รัฐนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมอย่างจริงจังและเป็นธรรม
จากเหตุการณ์ความรุนแรงต่อพระสงฆ์ที่ทำให้ปัจจุบันสระแก้วในขณะนี้ไม่มีพระสงฆ์เหลือจำวัดนั้น ทำให้เห็นชัดว่ากลุ่มผู้ใช้ความรุนแรงแรงต้องการสร้างความแตกแยกทางศาสนา ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ความขัดแย้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ที่ยึดเยื้อยาวนานมาเป็นเวลากว่า 7 ปีแล้ว
จี้ ศอ.บต.จัดกิจกรรมข้ามวัฒนธรรมลดหวาดระแวง
มูลนิธิผสานวัฒนธรรมได้ติดตามการดำเนินการพัฒนาและแนวทางการแก้ไขความขัดแย้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้พบว่า ปัจจุบันการพัฒนาตามแนวทาง "สันติวิธี" หรือ "การเมืองนำการทหาร" โดยเน้นการพัฒนาเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มประชากรในพื้นที่นั้น ยังมีลักษณะแยกส่วน ขาดการผสมผสานการดำรงอยู่ร้วมกันของกลุ่มประชากรที่มีความแตกต่างทางชาติพันธุ์และศาสนา เช่น กลุ่มไทยพุทธ กลุ่มชาวมลายูมุสลิม กลุ่มคนไทยเชื้อสายจีน
ทั้งนี้ การพัฒนายังขาดความสมดุล ทำให้ชาวไทยพุทธหรือชาวไทยเชื้อสายจีนเข้าใจว่ากลุ่มตนไม่ได้รับความเป็นธรรม เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ ขณะที่ชาวมลายูมุสลิมยังรู้สึกว่าตนไม่ได้ความเท่าเทียมจากรัฐบาลไทย ชุมชนต่างศาสนาไม่กล้าไปมาหาสู่กัน ทำให้ประชากรในพื้นที่ขาดความไว้เนื้อเชื้อใจกัน จนกลายเป็นประเด็นที่กลุ่มที่ใช้ความรุนแรงนำมาสร้างวงจรแห่งความรุนแรงการประหัตประหารต่อกันในหลายรูปแบบ
มูลนิธิผสานวัฒนธรรมขอให้รัฐและหน่วยงานทุกภาคส่วนทั้งรัฐและเอกชนโดยเฉพาะบทบาทของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต.) โดยสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้สนับสนุนให้เกิดการพัฒนาอย่างสมดุลในสังคมพหุวัฒนธรรมและการสื่อสารระหว่างวัฒนธรรมที่สร้างสรรค์ เช่น การจัดโครงการพัฒนา จัดงานทางวัฒนธรรม จัดการแข่งขันกีฬาเชื่อมความสัมพันธ์ และจัดเวทีส่งเสริมกิจกรรมระหว่างกลุ่มประชากรทั้งกลุ่มไทยพุทธ กลุ่มชาวมลายูมุสลิม กลุ่มคนไทยเชื้อสายจีนอย่างจริงจัง โดยมุ่งปรับทัศนคติ ลดอคติทางสังคมของกลุ่มประชากรต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้
นอกจากนั้น ขอให้ ศอ.บต.ทบทวนแนวทางการจัดกิจกรรมของรัฐแบบแยกส่วน และการแบ่งแยกและพัฒนาในพื้นที่ เช่น การจัดอบรมเฉพาะชาวมลายูมุสลิม หรือจัดอบรมเฉพาะชาวไทยพุทธ เป็นต้น เพราะอาจทำให้เกิดความแตกแยกและความไม่วางใจต่อกันประชาชน ตลอดจนขาดปฎิสัมพันธ์ต่อกันเนื่องจากปัญหาด้านความมั่นคงและความไม่ปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินได้
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา รุดเยี่ยม นายอัฟฟัณ แวหะยี อายุ 15 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุคนร้ายปาระเบิดถล่มรถทหารกลางเมืองยะลา และยังต้องรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู พร้อมมอบเงินช่วยเหลือให้จำนวนหนึ่ง
2 นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ รองผู้ว่าฯยะลา เข้าชี้แจงผู้นำศาสนาและประชาชนที่มัสยิดกลางจังหวัดยะลา เกี่ยวกับเหตุคนร้ายลอบปาระเบิดรถทหารจนประชาชนได้รับบาดเจ็บ เพื่อป้องกันการสร้างกระแสข่าวลือป้ายสีเจ้าหน้าที่รัฐ (ภาพทั้งหมดโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)