- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- "พระราชินี" ทรงห่วงปัญหายาเสพติด-ไฟใต้ สลดใจ "พระ-ไทยพุทธ-มุสลิม" ถูกทำร้าย
"พระราชินี" ทรงห่วงปัญหายาเสพติด-ไฟใต้ สลดใจ "พระ-ไทยพุทธ-มุสลิม" ถูกทำร้าย
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงห่วงสถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทรงขอความร่วมมือทุกฝ่ายเร่งสร้างสันติสุขคืนสู่ดินแดนปลายสุดด้ามขวาน ทรงแนะรัฐบาลสานต่อโครงการ “กองทุนแม่ของแผ่นดิน” แก้ปัญหายาเสพติดระดับหมู่บ้าน
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 ส.ค.2554 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนิน ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชทานพระราชวโรกาสให้คณะบุคคลต่างๆ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
ในการนี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานพระราโชวาท ความตอนหนึ่งเกี่ยวกับปัญหายาเสพติดและสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เรื่องหนึ่งที่ข้าพเจ้าอยากจะขอความร่วมมืออย่างจริงจังจากรัฐบาลและคนไทยทั้งชาติ นั่นคือการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่บ่อนทำลายสังคมไทยมาหลายสิบปีแล้ว และนับวันจะรุนแรงขึ้น
ข้าพเจ้าไม่สบายใจเลยที่มีข่าวว่ายาบ้ามีขายทุกตรอก ทุกซอก ทุกซอย แม้กระทั่งในโรงเรียนหรือในวัด ผู้ผลิตยาเสพติดและผู้ขายกำลังทำตนเป็นฆาตกร ฆ่าลูกหลานไทยอย่างเลือดเย็น น่าเป็นห่วงเหลือเกิน
เมื่อ พ.ศ.2546 ข้าพเจ้าได้เคยมอบเงินจำนวนหนึ่งให้แก่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหายาเสพติด ต่อมาสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดได้นำเงินนี้ไปสมทบกับงบประมาณของสำนักงานฯ จัดตั้งเป็นกองทุนต่อต้านยาเสพติดขึ้น โดยขอใช้ชื่อว่า "กองทุนแม่ของแผ่นดิน" มอบให้หมู่บ้านที่เข้าร่วมแก้ปัญหายาเสพติด ในปี พ.ศ.2547 จำนวน 672 หมู่บ้าน จากนั้นรัฐบาลที่แล้ว รัฐบาลของคุณอภิสิทธิ์ (เวชชาชีวะ) ได้นำไปขยายผล จัดตั้งหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินขึ้นทั่วประเทศ
เวลานี้หมู่บ้านต่างๆ เข้าร่วมโครงการแล้วจำนวน 12,189 หมู่บ้าน และรัฐบาลนายกฯอภิสิทธิ์ ได้จัดงานหาเงินสมทบทุนโครงการนี้ได้เป็นเงินประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเร็ว ๆนี้ ข้าพเจ้าได้มอบเงินดังกล่าวแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดสำหรับนำไปดำเนินการโครงการหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน ข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่ารัฐบาลต่อไปจะสานต่อโครงการนี้
มีอีกเรื่อง ข้าพเจ้าอยากจะขอปรึกษาท่านเกี่ยวกับเหตุการณ์ทางภาคใต้ที่ข้าพเจ้าทราบมาว่ามีผู้ก่อความไม่สงบลอบทำร้ายพระสงฆ์ขณะออกบิณฑบาตตามท้องถนน เป็นเหตุให้พระสงฆ์มรณภาพไปหลายรูป บางรูปทุพพลภาพ ต้องลาสิกขาบทจากสมณเพศ ความจริงการบิณฑบาตของพระสงฆ์ถือเป็นการปฏิบัติกิจทางศาสนาตามพุทธบัญญัติ และเป็นประเพณีของชาวพุทธที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาแต่โบราณกาล
ในอดีตที่ผ่านมาไม่เคยมีประวัติการทำร้ายพระสงฆ์ในขณะออกบิณฑบาต เพราะพระสงฆ์ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่สังคมแต่อย่างใด การทำบุญใส่บาตรเป็นไปด้วยความสมัครใจ เมื่อมีเหตุการณ์ทำร้ายพระสงฆ์เกิดขึ้น ทำให้ข้าพเจ้าตกใจและรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง
ถ้าเรามองย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ของบ้านเรา ตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 มีพวกมิชชันนารี นิกายศาสนาต่างๆ คาทอลิก โปแตสแตนท์ เข้ามาชักชวนพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอให้พระองค์ทรงเข้ารีตนับถือศาสนาคริสต์ ก็ทรงรับฟัง และทรงพระเมตตาพระราชทานที่ดินให้จัดสร้างโบสถ์คริสต์ขึ้นในประเทศไทย พร้อมยังทรงขอร้องให้เข้ามาช่วยสอนภาษาอังกฤษและภาษาละติน เพื่อจะได้ทรงศึกษาให้เข้าพระทัยถึงแก่นแท้ของแต่ละศาสนา
นอกจากนั้น ยังได้ทรงเชิญให้คณะมิชชันนารีร่วมเดินทางไปดูสุริยุปราคาที่ ต.หว้ากอ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งพระองค์ทรงคำนวณด้วยพระองค์เองว่าจะเกิดสุริยุปราคาเต็มดวง และเห็นได้อย่างชัดเจนที่ ต.หว้ากอ อย่างแม่นยำ ทรงได้รับการยกย่องให้เป็นพระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย
ด้วยน้ำพระทัยที่เปิดกว้างและเปี่ยมด้วยพระเมตตาของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า เจ้าอยู่หัวดังกล่าวแล้ว ทำให้ประเทศไทยของเราเป็นที่เลื่องลือไปในนานาประเทศว่า เป็นประเทศที่มีเสรีภาพในการนับถือศาสนาเรื่อยมาจนบัดนี้
จะได้เห็นว่าในกรุงเทพมหานครของเรา มีวัดพุทธ มีโบสถ์คริสต์ มีมัสยิดอิสลาม โบสถ์พราหมณ์ที่เสาชิงช้า วัดแขกที่สีลม และศาลเจ้าต่างๆ มากมาย โดยที่ทุกศาสนาต่างเพื่อปฏิบัติศาสนกิจของตนไปตามความเชื่อถือศรัทธาของแต่ละบุคคล ไม่เบียดเบียนกัน จึงทำให้ประเทศไทยได้รับการยกย่องจากประชาคมโลกว่าเป็นประเทศที่น่าอยู่ น่าท่องเที่ยว ประชาชนมีอัธยาศัยไมตรีดีงาม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งทำให้กรุงเทพมหานครได้รับการคัดเลือกให้เป็นเมืองน่าท่องเที่ยวอันดับ 1 ของโลกในปัจจุบัน
สำหรับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จเยี่ยมประชาชนไปตามหมู่บ้านในชนบทที่มีมัสยิด หรือโบสถ์ หรือวัดพุทธ จะพระราชทานความช่วยเหลือทำนุบำรุงทุกศาสนาอย่างเท่าเทียมกัน มีการพระราชทานรางวัลแก่บรรดาโต๊ะอิหม่ามและครูสอนศาสนาอิสลามเป็นประจำทุกปี เมื่อข้าพเจ้ามีโอกาสได้ไปเยี่ยมประชาชนแทนพระองค์ในเวลาต่อมา ข้าพเจ้าก็ยึดถือปฏิบัติเช่นเดียวกับที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทรงเคยปฏิบัติมา
ข้าพเจ้ายังจำภาพที่ชาวไทยมุสลิมแต่ละหมู่บ้านมายืนจุดเทียนรอส่งเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในยามดึกดื่นค่ำคืนด้วยความห่วงใย เพราะเกรงว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นกับพระองค์ในขณะที่ทรงขับรถผ่านพื้นที่อันตรายต่างๆ ข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจ ซาบซึ้งในความมีน้ำใจของราษฎรชาวไทยมุสลิมอยู่เสมอมิเคยลืม
เมื่อข้าพเจ้าได้ทราบว่า ขณะนี้มีเหตุการณ์ทำร้ายพระสงฆ์เกิดขึ้นอยู่เนืองๆ ในขณะออกบิณฑบาตตามหมู่บ้านของชุมชนไทยพุทธ ไม่เฉพาะแต่พระสงฆ์เท่านั้นที่ถูกลอบทำร้าย แม้แต่ราษฎรชาวไทยและชาวไทยมุสลิมเอง ตลอดจนข้าราชการครู ทหาร ตำรวจ พ่อค้า ประชาชน ถูกลอบทำร้ายเช่นเดียวกัน
สำหรับข้าราชการครูที่อยู่นอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่อาสาลงไปสอน หนังสือในพื้นที่เสี่ยงภัยนั้น ข้าพเจ้าได้นำเงินที่ท่านทั้งหลายมอบให้ข้าพเจ้าและเป็นของขวัญวันเกิดไปจัดสร้างศูนย์ครูใต้ขึ้นที่ จ.ปัตตานี โดยมีการรักษาความปลอดภัยอย่างดี มีห้องสมุด ห้องประชุมเอนกประสงค์ และห้องสันทนาการต่างๆ สำหรับครูที่ลงไปสอนได้พักผ่อนหย่อนใจ แลกเปลี่ยนความรู้กัน และมีอินเทอร์เน็ตเตรียมไว้สำหรับติดต่อกับเพื่อนครูและญาติพี่น้องทางบ้าน มีโรงเรียนในนั้นด้วย สำหรับลูกหลานของครู และในบริเวณเดียวกันมีฟาร์มตัวอย่างสำหรับประชาชนเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ด้วย
ข้าพเจ้าจึงมีความซาบซึ้งในทุกๆ ท่านมากที่ในวันเกิดท่านได้มอบเงินให้แก่ข้าพเจ้าเป็นของขวัญ ข้าพเจ้าอยากจะบอกกับท่านว่า ได้นำเงินนั้นไปสร้างศูนย์ครูขนาดใหญ่แล้ว ซึ่งเป็นที่พึ่งของครูไทยที่ต้องไปสอนที่จังหวัดภาคใต้ เข้าไปอยู่ในศูนย์ครูและปลอดภัยทุกประการ เพราะว่าข้าพเจ้าได้จัดให้มีผู้อารักขาล้อมรอบที่อยู่
มีสตรีชาวไทยมุสลิมที่สูญเสียสามีได้มาขอความช่วยเหลือ ขอเข้ามาอาศัยในหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง บ้านรอตันบาตู จ.นราธิวาส ที่ข้าพเจ้าได้ใช้เงินที่ท่านทั้งหลายให้ข้าพเจ้าในโอกาสวันเกิด โดยข้าพเจ้าได้สร้างขึ้นเพื่อไว้ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยที่ภาคใต้ จากความเดือดร้อนดังกล่าว
ข้าพเจ้าไม่อยากเชื่อว่าการทำร้ายพระสงฆ์จะเป็นการกระทำของชาวไทยมุสลิมที่มีน้ำใจเมตตาดังที่ข้าพเจ้าได้เคยรู้จักมาก่อน จึงรู้สึกไม่สบายใจมาก ไม่คิดว่าเหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้จะเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา บ้านเมืองของเราซึ่งได้ชื่อไปทั่วโลกว่าเป็นประเทศประชาธิปไตย เพราะการกีดกันไม่ให้มีการใส่บาตรเช่นนี้ ต้องถือว่าเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการประกอบกิจทางศาสนา
ข้าพเจ้ามีความเชื่อมั่นว่า เมื่อท่านทั้งหลายได้ยินข่าวเหล่านี้คงมีความรู้สึกสะเทือนใจเช่นเดียวกับข้าพเจ้า และคงไม่อยากให้เหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเราอีกต่อไป ข้าพเจ้าจึงขอโอกาส ขอความร่วมมือจากท่านทั้งหลายในวันนี้ที่มาอวยพรวันเกิดข้าพเจ้า ได้ช่วยกันมีส่วนร่วมกันในความคิดหาวิธีที่จะนำความสงบสันติสุขกลับมาสู่ดินแดนภาคใต้ของเราให้ได้โดยเร็วที่สุด
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ : ภาพประกอบจากเว็บไซต์ http://www.mcot9725.com/news/ent_view.php?id=19377