27 เม.ย.59 คณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้คณะใหญ่ นำโดย พล.อ.อักษรา เกิดผล ได้เดินทางไปพบปะพูดคุยอย่างเป็นทางการครั้งที่ 4 กับคณะพูดคุยของ "มารา ปาตานี" แล้ว หลังจากเจอโรคเลื่อนมาหลายครั้ง
การลอบวางระเบิดแบบมอเตอร์ไซค์บอมบ์ 2 ครั้งซ้อนในพื้นที่ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ซึ่งเป็นรอยต่อกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ที่ อ.จะนะ เมื่อวันที่ 11 เม.ย. และที่ อ.เทพา วันที่ 19 เม.ย. โดยก่อความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินไม่น้อย ทำให้สถานการณ์ไฟใต้กลับมาถูกจับจ้องจากฝ่ายต่างๆ อีกครั้งหนึ่ง
ในขณะที่รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงไทย ประเมินว่าผลประชุมสุดยอดประเทศสมาชิกองค์การความร่วมมืออิสลาม หรือโอไอซี ที่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา ค่อนข้างเป็นบวกกับไทย
ที่ประชุมสุดยอดประเทศสมาชิกองค์การความร่วมมืออิสลาม หรือโอไอซี ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลต่อสถานการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย และสนับสนุนให้มีกลุ่มตัวแทนชุมชนมุสลิมเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการสันติภาพ แต่ไม่ปรากฏชื่อองค์กร "มารา ปาตานี" ในแถลงการณ์
เหตุรุนแรง 2 เหตุการณ์สำคัญ คือ คนร้ายกว่า 50 คนบุกยึดโรงพยาบาลเจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 13 มี.ค. และกรณีคนร้าย 7-8 คน ปล้นรถสองสามีภรรยาจาก อ.บันนังสตา จ.ยะลา ก่อนนำไปบรรทุกระเบิด แล้วบังคับให้ขับไปจอดเพื่อก่อวินาศกรรมกลางเมืองยะลา เมื่อวันที่ 5 เม.ย.นั้น กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางทั้งในและนอกพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
คำสั่งหัวหน้า คสชที่ 14/2559 เรื่อง คณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการกําหนดอํานาจหน้าที่ของกองอํานวยการ รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) นั้น หากพิจารณาอย่างรวบรัดจะพบว่ามีสาระสำคัญอยู่ 2 ประการ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งหัวหน้า คสช.โละสภาที่ปรึกษา ศอ.บต.ที่มาจากการเลือกกันเองของประชาชนกลุ่มต่างๆ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แล้วตั้งใหม่ 60 คน ให้อำนาจ กอ.รมน.ร่วมสรรหา 45 คน พร้อมออกข้อกำหนดให้ ศอ.บต.ต้องทำงานตามข้อเสนอแนะของ กอ.รมน.
เหตุการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นเดือนที่มีวันคล้ายวันสถาปนาบีอาร์เอ็นนั้น ฝ่ายความมั่นคงประเมินว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ที่เชื่อมโยงกับการพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยังคงเดินหน้าอยู่อย่างเงียบๆ
เหตุการณ์คนร้ายหลายสิบคน (ข่าวบางกระแสระบุว่ามากถึง 50 คน) บุกโรงพยาบาลเจาะไอร้อง จ.นราธิวาส แล้วใช้อาคารกับบ้านพักเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลเป็นจุดสูงข่มและที่กำบังเพื่อระดมยิงถล่มฐานปฏิบัติการของกองร้อยทหารพรานที่ 4816 ข้างๆ โรงพยาบาล เมื่อเย็นวันอาทิตย์ที่ 13 มี.ค.59 นั้น กลายเป็นอีกหนึ่งเหตุรุนแรงชายแดนใต้ที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่า “รัฐจัดฉาก”
หลักฐานจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด และวัตถุพยานที่เก็บได้จากบริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุ ชัดเจนว่าคนร้ายกว่า 50 คนใช้เส้นทางจากเทือกเขาตะเว บุกเข้ายึดโรงพยาบาลเจาะไอร้อง ก่อนเปิดฉากยิงถล่มฐานปฏิบัติการกองร้อยทหารพรานที่ 4816 จากนั้นก็หลบหนีโดยย้อนกลับขึ้นไปบนเทือกเขาตะเวซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังโรงพยาบาล