การปลดชนวนไฟใต้ของรัฐบาลหลังการรัฐประหาร แม้ไม่ได้รวดเร็วฉูดฉาดดังที่หลายฝ่ายคาดหวัง แต่ก็ควบคุมสถานการณ์ได้ดีระดับหนึ่ง
"ที่ผ่านมาถือว่าเป็นบทเรียนที่พูดคุยเจรจาไม่สำเร็จ วันนี้รัฐบาลรู้แล้วว่ารัฐบาลชุดที่แล้วเดินทางผิด เพราะไปพูดคุยหรือเจราจาแค่กลุ่มเดียวทั้งๆ ที่ในพื้นที่มีอีกหลายกลุ่มที่เป็นตัวแทนของประชาชนชาวปัตตานี"
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางกลับถึงประเทศไทยเมื่อช่วงค่ำของวันจันทร์ที่ 1 ธ.ค.57 หลังเดินทางเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นการนับหนึ่งกระบวนการพูดคุยสันติสุขดับไฟใต้
"สิ่งที่เกิดขึ้นมันเจ็บมาก รับไม่ได้ ตอนนี้หัวใจหอเหี่ยวหมดเลย ทุกคนเป็นแบบนี้กันหมดแล้ว คสช.(คณะรักษาความสงบแห่งชาติ) ช่วยเราได้หรือเปล่า"
พลันที่ชื่อของ พล.ต.ท.อนุรุต กฤษณะการะเกตุ จเรตำรวจ (สบ 8) ผ่านมติคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เมื่อ 12 ก.ย.57 โดยได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผบช.ศชต.) คนใหม่ สื่อมวลชนหลายแขนงใช้คำว่า "พลิกนาทีสุดท้าย"
ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปแล้วสำหรับแม่ทัพภาคที่ 4 ที่เพิ่งรับตำแหน่งใหม่ จะต้องจัดกิจกรรมพบปะ "สื่อ" ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อชี้แจงแนวทางการทำงานในภารกิจดับไฟใต้ และพัฒนาสัมพันธ์กับสื่อมวลชน
สถานการณ์ชายแดนใต้เปลี่ยนแปลงเร็วมาก แต่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทว่าเป็นการเปลี่ยนรูปแบบการก่อเหตุรุนแรง
"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ชาวบ้านหวาดผวาและขวัญเสียเป็นอย่างมาก เพราะเป็นเหตุร้ายที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านเป็นครั้งที่ 2 แล้ว"
เหตุการณ์เผาโรงเรียน 6 แห่งใน อ.ทุ่งยางแดง และ อ.มายอ จ.ปัตตานี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 ต.ค.57 ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในหลายมิติ
กว่า 1 สัปดาห์หลังการประกาศชื่อสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) มีไอเดียการปฏิรูปด้านต่างๆ ทะลักหน้าสื่อทุกแขนง แต่ส่วนใหญ่คนที่ได้แสดงวิสัยทัศน์จะเป็น สปช.ที่มีชื่อติดหูติดตาประชาชนอยู่แล้ว และเป็นตัวแทนจาก 11 ด้านที่ได้มาจากคณะกรรมการสรรหากลาง