- Home
- Thaireform
- หลากมิติ
- ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
- หนังสือ เครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์เพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อม โดย ศาสตราจารย์ ดร.มิ่งสรรพ์ ขาวสอาด และรองศาสตรจารย์ ดร.กอบกุล รายะนาคร จากสถาบัน ศึกษา นโยบาย สาธารณะ มหาวิทยาลัย เชียงใหม่
หนังสือ เครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์เพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อม โดย ศาสตราจารย์ ดร.มิ่งสรรพ์ ขาวสอาด และรองศาสตรจารย์ ดร.กอบกุล รายะนาคร จากสถาบัน ศึกษา นโยบาย สาธารณะ มหาวิทยาลัย เชียงใหม่
หนังสือ เครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์เพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อม
โดย ศาสตราจารย์ ดร.มิ่งสรรพ์ ขาวสอาด และรองศาสตรจารย์ ดร.กอบกุล รายะนาคร
จากสถาบัน ศึกษา นโยบาย สาธารณะ มหาวิทยาลัย เชียงใหม่
การพัฒนาทางเศรษฐกิจและ สังคมของประเทศไทยในช่วงกว่าสามทศวรรษ ที่ผ่านมาได้ก่อให้เกิดปัญหาสิ่ง แวดล้อมและ ความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติเป็นอย่างมากปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งเคยถูกมองว่ามี ความสำคัญน้อยกว่าปัญหาทางเศรษฐกิจสังคมและการเมืองได้กลายเป็นปัญหาที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ตาม ลำดับ จนก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชนผู้ได้รับ ผลกระ ทบหรือความเสียหายจากกิจกรรมหรือโครงการต่างๆกับภาครัฐผู้รับผิดชอบในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและ ภาคเอกชน ซึ่งเป็นผู้ประกอบ การ ในกิจการที่ก่อให้เกิดผลกระ ทบต่อสิ่งแวดล้อมและ สุขภาพของประชาชนปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่กำลังเกิดขึ้น ในพื้นที่มาบตาพุดเป็น ตัวอย่างล่าสุดของความขัดแย้งที่ต้องการทางออกเพื่อให้การพัฒนาทางเศรษฐกิจและ สังคมของประเทศสามารถก้าวเดินต่อไปได้
เท่าที่ผ่านมากฎหมายสิ่งแวดล้อมของไทยที่เน้นมาตรการกำกับและ ควบคุมเป็นหลัก ยังมีข้อจำกัดในการ แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม เนื่องจากความไม่เข้มงวดใน การบังคับใช้กฎหมายบทลงโทษและ ค่าปรับตามกฎหมายต่ำและ หน่วยงานรัฐ ขาดการติดตามตรวจสอบแหล่งกำเนิดมลพิษด้วยเหตุผล ด้านบุคลากรและ งบ ประมาณผู้ที่ต้องได้รับผลกระ ทบ จากความไม่เป็นธรรม และ ความขาดประสิทธิภาพในการจัดการสิ่งแวดล้อม มักได้แก่ กลุ่มคนที่ยากจนและ ด้อยโอกาสในสังคม
ในปัจจุบันนานาประเทศได้นำเครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ ( Economic Instruments ) มาเสริมมาตรการกำกับ และ ควบคุม ในการจัดการปัญหา สิ่งแวดล้อมมากขึ้นเครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์เป็นกลไกสำคัญอันหนึ่ง ใน การทำให้ สินค้าและ บริการสะท้อนต้นทุนทางด้าน สิ่งแวดล้อมตามหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย
( Polluter Pays Principle ) เป็นมาตรการที่สร้างแรงจูงใจให้ผู้ก่อมลพิษและ ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม และ ดำเนินกิจกรรม ที่ลดการสร้างมลพิษ
กฎหมายเครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ เพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อมเป็นนวัตกรรมที่จะ มาช่วยเสริมความเข้มแข็ง ให้แก่กฎหมายสิ่งแวดล้อม ร่างพระราชบัญญัติเครื่องมือ ทางเศรษฐศาสตร์เป็นความหวังและ ทางออก อัน หนึ่งไปสู่การจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นการขับเคลื่อนเพื่อให้ร่างพระราชบัญญัติ เครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ เพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อมมีผลใช้บังคับโดยเร็ว จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นกฎหมายแม่บทที่ จะ เปิดให้หน่วยงานต่างๆ สามารถนำเครื่องมือ ทางเศรษฐศาสตร์ มาใช้ในการจัดการสิ่งแวดล้อมได้อย่างหลาก หลายตามความเหมาะสมและตามพันธกิจของแต่ละ หน่วยงาน รวมทั้งส่งเสริมการกระ จายอำนาจให้องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามามีบทบาทและมีรายได้จากการจัดการสิ่งแวดล้อม
ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดเก็บภาษีการปล่อยมลพิษทางน้ำและ ร่างพระราชกฤษฎีการจัดเก็บภาษีการปล่อยมลพิษทางอากาศถือว่าเป็นก้าวแรกในการนำเครื่องมือ ทางเศรษฐศาสตร์มาใช้ในการจัดการสิ่งแวดล้อม ภาย ใต้กฎหมายแม่บทฉบับนี้ แผนงานสร้างเสริมการเรียนรู้กับสถาบันอุดมศึกษาไทยเพื่อการพัฒนานโยบาย สาธารณะ ที่ดี ( นสธ . ) เห็นความสำคัญของการร่วมขับเคลื่อนกฎหมายเครื่องมือ ทางเศรษฐศาสตร์ตาม แนวทางที่กล่าวมานี้บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของชุดความรู้ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลและสร้างความเข้าใจร่วมกัน ใน สังคมหากสังคมไทย มีความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ของกฎหมายที่นำเสนอในบทความนี้ ก็จะ นำไปสู่การใช้ เครื่องมือเศรษฐศาสตร์อื่นๆ ต่อไป
ในอนาคตซึ่งจะ มีผลให้สังคม ได้ประโยชน์สองต่อทั้งจากคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นและ จากรายได้ที่ เกิด จากภาษีและ ค่ ธรรมเนียมสิ่งแวดล้อมที่นำกลับมาสร้างประโยชน์ต่อส่วนรวม