- Home
- Thaireform
- สารคดีเชิงข่าว
- การสร้างสำนึกร่วมของชุมชน
- รู้จัก หน้ากากดำน้ำแบบ full face หนึ่งในอุปกรณ์ช่วย 13 ชีวิตออกจากถ้ำหลวง
รู้จัก หน้ากากดำน้ำแบบ full face หนึ่งในอุปกรณ์ช่วย 13 ชีวิตออกจากถ้ำหลวง
“การหายใจนั้น ผู้สวมใส่จะไม่ถูกบังคับให้ต้องหายใจเข้าหรือออกตลอดเวลา แต่อากาศจะเข้ามาจากด้านบนในเวลาที่หายใจเข้า และปล่อยอากาศเป็นฟองออกด้านล่างในเวลาที่หายใจออก แม้ผู้สวมใส่จะหมดสติระหว่างอยู่ใต้น้ำก็จะยังมีการส่งอากาศเข้าออกอยู่ตลอดเวลา”
นับเป็นข่าวที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง สำหรับผู้ติดตามข่าวทั้งในประเทศไทยและจากทั่วทุกมุมโลก เมื่อได้มีการแถลงอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 กรกฎาคม 2561 โดยนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายว่า ได้มีการค้นพบนักฟุตบอลเยาวชนทั้ง 12 ชีวิตและโค้ชหรือทีมหมูป่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แม้ปฏิบัติการค้นหา 13 ชีวิตทีมหมูป่าจะทำสำเร็จ แต่โจทย์สำคัญประการต่อมา คือ การปฏิบัติการลำเลียงทีมหมูป่าออกมาจากถ้ำหลวง ท่ามกลางอุปสรรคใหญ่ คือ สภาพภูมิอากาศที่มีฝนตกหนักตลอดเวลา ส่งผลให้ปริมาณน้ำในถ้ำเพิ่มสูงขึ้น
ทีมปฏิบัติการได้มีการเตรียมแผนการไว้หลายช่องทางเพื่อที่จะนำทีมหมูป่าออกมาจากถ้ำ และในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็ได้ตัดสินใจเคลื่อนย้ายทีมหมูป่าออกมาด้วยการให้แต่ละคนสวมเครื่องชุดหายใจสำหรับการดำน้ำและนอนนิ่งอยู่ในเปล โดยแต่ละคนจะได้รับการลำเลียงโดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญการดำน้ำประกบ เด็ก 1 คนจะมีนักดำน้ำผู้ดูแล 2 คน
สำหรับแผนปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากความยากจะเป็นเรื่องของการที่ทีมหมูป่านั้นไม่เคยมีประสบการณ์ดำน้ำ หรือแม้กระทั่งการว่ายน้ำมาก่อน ยังรวมไปถึงขนาดของอุปกรณ์ที่จะพอดีกับขนาดของใบหน้าหมูป่าแต่ละคน ซึ่งจะต้องมีขนาดที่เล็กด้วย
ในที่สุด ร้านขายอุปกรณ์ดำน้ำ “โอเชียน รีฟ กรุ๊ป” จากประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ได้เข้าให้ความช่วยเหลือตามคำร้องขอจากเจ้าหน้าที่ถ้ำหลวง โดยการบริจาคหน้ากากดำน้ำแบบเต็มหน้า (full-face dive mask) ในขนาดที่เหมาะกับทีมหมูป่าทุกคน
นายเวอร์เนอร์ เคิร์น (Werner Kurn) ประธานกรรมการบริหารของโอเชียน รีฟ, สหรัฐอเมริกา ให้สัมภาษณ์ กับ sandiegouniontribune ถึงหน้ากากดำน้ำแบบเต็มหน้าว่า การดำน้ำแบบเดิม ผู้ดำน้ำจะต้องสวมใส่หน้ากากดำน้ำแบบครึ่งหน้า และอุปกรณ์สำหรับหายใจใต้น้ำ (Regulator) สวมเข้าปาก ซึ่งเท่ากับการหายใจนั้นจะไม่ได้ผ่านจมูกแต่เป็นการหายใจผ่านปาก และการสวมใส่ใหม่ในกรณีที่อุปกรณ์หลุดไประหว่างการดำน้ำนั้นย่อมเป็นไปได้
แต่สำหรับหน้ากากดำน้ำแบบเต็มหน้านั้น เกิดขึ้นจากหลักการที่ต้องการให้ผู้สวมใส่สามารถหายใจได้อย่างเป็นปกติโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์สำหรับหายใจใต้น้ำ และยังสามารถเห็นภาพกว้างเนื่องจากใบหน้าไม่ถูกบีบจากความดัน
“การหายใจนั้น ผู้สวมใส่จะไม่ถูกบังคับให้ต้องหายใจเข้าหรือออกตลอดเวลา แต่อากาศจะเข้ามาจากด้านบนในเวลาที่หายใจเข้าและปล่อยอากาศเป็นฟองออกด้านล่างในเวลาที่หายใจออก แม้ผู้สวมใส่จะหมดสติระหว่างอยู่ใต้น้ำก็จะยังมีการส่งอากาศเข้าออกอยู่ตลอดเวลา” ประธานกรรมการบริหารของโอเชียน รีฟ อธิบายให้เห็นถึงความแตกต่าง
เขา ยังบอกอีกว่า หน้ากากแบบเต็มหน้า ถือเป็นตัวช่วยสำคัญเนื่องจากทีมหมูป่าจะต้องถูกวางยาเพื่อลดความตื่นตระหนก เท่ากับว่า หน้ากากดำน้ำแบบเต็มหน้านี้ ไม่มีข้อเสียใด ๆ หากเปรียบเทียบกับอุปกรณ์ดำน้ำแบบเดิม
“หน้ากากแบบเต็มหน้า ผู้สวมใส่ยังสามารถพูดคุยกันได้สะดวกขึ้นผ่านการสื่อสารแบบไร้สายอีกด้วย”
ทั้งนี้ sandiegouniontribune ยังโชว์ภาพที่คาดว่า คือ หน้ากากดำน้ำแบบเต็มหน้า รุ่น SPACE EXTENDER ที่โอเชียน รีฟ ส่งมายังประเทศไทย อุปกรณ์สำคัญช่วย 13 ชีวิตทีมหมูป่า
ส่วนในสถานการณ์ปกติ ผู้ใดต้องการจะพาบุตรหลานที่เป็นเด็กไปเที่ยวเล่นดำน้ำ ระดับตื้นๆ ก็ต้องถือว่า หน้ากากดำน้ำแบบเต็มหน้า มีความเหมาะสมเป็นอย่างมากสำหรับเด็ก เนื่องจากความง่ายต่อการใช้งานที่ได้ปรับปรุงข้อเสียและความยากของรูปแบบการดำน้ำแบบเดิมในเรื่องของการติดตั้งอุปกรณ์และเทคนิคการใช้
และด้วยเทคโนโลยีของโอเชียน รีฟ นั้นยังได้พัฒนารูปแบบการสวมใส่ที่ปรับไปตามรูปหน้าของผู้ใช้งานด้วย ขณะเดียวกันก็ไม่ทำให้เกิดการรัดแน่นที่มากเกินไป แถมได้มีการผลิตออกมา 2 ขนาดตามมาตรฐานจากการวิจัยของหน่วยงานในสหรัฐอเมริกา (Los Alamos Scientific Laboratory Charts, SBCCOM Mask Fit Facility-Aberdeen Proving Ground (Maryland, USA))
อุปกรณ์เหล่านี้ โดยปกติถือเป็นอุปกรณ์สำหรับการทำงานที่เกี่ยวกับด้านความปลอดภัยของสาธารณชน ส่วนใหญ่บริษัทจะขายให้แก่หน่วยทหารรบพิเศษ (SWAT), เจ้าหน้าที่กู้ชีวิต, ตำรวจหรือตำรวจตระเวนชายฝั่งเท่านั้น
ที่สำคัญที่สุด คือ นักกู้ภัยใต้น้ำ ซึ่งในปฏิบัติการครั้งล่าสุดที่เพิ่งจะสำเร็จลงไปนั้น นับว่าไม่เคยเกิดขึ้นที่ใดบนโลกมาก่อน ซึ่งจากประสบการณ์การทำงานกว่า 40 ปีของเคิร์น บอกว่า ที่ผ่านมาผู้ประสบภัยมักจะได้เสียชีวิตลงแล้ว และมักจะเป็นปฏิบัติการกู้ซากศพเท่านั้น
เขาเห็นว่า ปฏิบัติการช่วย 13 ชีวิตหมูป่าออกจากถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน นอกจากอุปกรณ์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการลำเลียงทีมหมูป่าด้วยวิธีการดำน้ำออกมาจากถ้ำแล้ว ยังประกอบกับความช่วยเหลือของผู้เชี่ยวชาญด้านการดำน้ำระดับโลกที่คอยดูแลหมูป่า แต่ละคนอย่างใกล้ชิดตลอดทุกขั้นตอน รวมไปถึงการถือขวดอ๊อกซิเจนให้ด้วย
ด้าน ลูก้า แจมแบรินี่ (Luca Gamberini) ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของบริษัทแม่ในประเทศอิตาลี บอกว่า หน้ากากดำน้ำแบบเต็มหน้าขนาดเล็กที่จะเหมาะกับขนาดของใบหน้าทีมหมูป่านั้น ไม่ได้มีวางขายอยู่ทั่วไปตามท้องตลาด
“การบริจาคในครั้งนี้มีมูลค่าสูงถึงหลายพันเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว โดยราคาในเว็บไซต์ Amazon ของหน้ากากดำน้ำแบบที่นำส่งนั้นเป็นราคา 600 เหรียญสหรัฐต่อชิ้น อย่างไรก็ตามโอเชียน รีฟ ไม่ได้มุ่งหวังที่จะได้รับค่าอุปกรณ์ดำน้ำหรือค่าตอบแทนใด ๆ จากการให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้แม้จะมีหลายฝ่ายขอตอบแทนค่าใช้จ่ายให้ก็ตาม”
ทั้งนี้ โอเชียน รีฟ กรุ๊ป ได้เจออุปสรรคสำคัญในการให้ความช่วยเหลือทีมหมูป่าด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องของการสื่อสาร เนื่องจากในขณะแรกบริษัทไม่ทราบช่องทางการติดต่อกับประเทศไทยที่ถูกต้อง และการขนส่งระหว่างประเทศไทยนั้นจะต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างพนักงานของโอเชียน รีฟ ในอิตาลี สหราชอาณาจักร เยอรมนี และประเทศไทย
ลูก้า เปรียบเปรยว่า ประหนึ่งเป็นฝันร้ายเลยทีเดียวในการพยายามค้นหาช่องทางการติดต่อที่ถูกต้อง แม้มีผู้อาสาให้ความช่วยเหลือหลายราย แต่กลับกลายเป็นว่า บุคคลเหล่านั้นทำหน้าที่เป็นคนกลางในการส่งอุปกรณ์เท่านั้น ซึ่งบริษัทต้องการติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่โดยตรง
“โอเชียน รีฟ จากสหราชอาณาจักและเยอรมนีได้เข้าช่วยเหลือในการประสานงานกับช่องทางการส่งอุปกรณ์มายังประเทศไทย รวมไปถึงการติดต่อไปยังสภากาชาดไทยด้วย จนกระทั่งโอเชียน รีฟ ได้รับที่อยู่ที่แน่ชัดในการส่งอุปกรณ์มายังประเทศไทยในที่สุด”
อีกความยากในลำดับต่อมา ลูก้า บอกว่า นั้นก็คือการขนส่งหน้ากากดำน้ำมายังประเทศไทย ซึ่งได้มีการรวบรวมในสหรัฐอเมริกาและส่งตรงมายังประเทศไทยโดย FedEx จากอิตาลีเป็นผู้ดำเนินการขนส่ง ในขณะที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานกันอย่างเร่งด่วน
“เมื่อหน้ากากดำน้ำนั้นถึงประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว โอเชียน รีฟ ได้ส่งต่อความช่วยเหลือผ่านคุณธัญนิตย์ อุดมนิโลบล ซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัท เดรเกอร์ เซฟตี้ ประเทศไทย ในการเร่งนำส่งหน้ากากดำน้ำไปยังสถานที่ที่ต้องการ”
จนในที่สุด หน้ากากดำน้ำจากโอเชียน รีฟ ซึ่งมีขนาดพอดีกับทีมหมูป่า และขวดอากาศ ก็ได้เป็นอุปกรณ์หลักที่สำคัญที่สุดในการลำเลียงทุกคนออกมาจากถ้ำผ่านช่องทางที่ยากลำบากแสนสาหัส
อ้างอิง:
http://www.sandiegouniontribune.com/business/biotech/sd-me-thai-rescue-san-marcos-masks-20180711-story.html
http://oceanreefgroup.mybigcommerce.com/space-extender-idm-black-black/