- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- แรงงานและคุณภาพชีวิต
- แจกที่ดิน 5.3 หมื่นไร่ หวั่นเหลว ‘ประยงค์ ดอกลำไย’ แนะจัดสรรโฉนดชุมชน 35แห่งนำร่อง
แจกที่ดิน 5.3 หมื่นไร่ หวั่นเหลว ‘ประยงค์ ดอกลำไย’ แนะจัดสรรโฉนดชุมชน 35แห่งนำร่อง
‘ประยงค์ ดอกลำไย’ หวั่นแจกที่ดิน 5.3 หมื่นไร่ รูปสหกรณ์ ล้มเหลว เหตุชาวบ้านไม่มีความรู้บริหารจัดการร่วม แนะมอบให้พื้นที่มีความพร้อม 35 เตรียมนำร่องโฉนดชุมชน เชื่อโอกาสสำเร็จสูงกว่า
ภายหลังพล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยถึงแผนเตรียมจัดสรรที่ดินทำกินในรูปแบบสหกรณ์ระยะแรก 5.3 หมื่นไร่ แก่ผู้มีฐานะยากจน 10,000 คน ใน 4 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ เชียงใหม่ มุกดาหาร นครพนม และชุมพร ภายในระยะเวลา 3 เดือน (ธันวาคม 2557-กุมภาพันธ์ 2558)
นายประยงค์ ดอกลำไย ที่ปรึกษากลุ่มสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) เปิดเผยกับสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า การขับเคลื่อนนโยบายแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินเดินมาถูกทางแล้ว เพียงแต่การส่งเสริมให้เกิดการรวมตัวในกลุ่มสหกรณ์อย่างรีบเร่งนั้น ชาวบ้านจะไม่เข้าใจในอุดมการณ์บริหารจัดการที่ดินร่วมกันอย่างดีพอ จึงจำเป็นต้องปลูกฝังสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้น และทดสอบด้วยว่าพื้นที่นำมาจัดสรรนั้นทำเกษตรกรรมได้หรือไม่
“รัฐต้องไม่จัดสรรที่ดินให้เฉย ๆ แต่ต้องสร้างระบบติดตามตรวจสอบการใช้ประโยชน์ที่ดินภายหลังด้วย” ที่ปรึกษา สกน. กล่าว และว่า การดำเนินนโยบายภายใน 3 เดือน เหมือนเป็นการทำแบบ ‘สุกเอาเผากิน’ เพราะทักษะของชาวบ้านยังมีไม่เพียงพอในกระบวนการนี้
ทั้งนี้ การยึดที่ดินทำกินจากชาวบ้านไม่มีเอกสารสิทธิมาจัดสรรใหม่นั้น รัฐต้องหาวิธีบริหารจัดการชาวบ้านที่ถูกขับไล่ออกจากพื้นที่ด้วย รวมถึงพื้นที่รกร้างว่างเปล่าก็ต้องทำเกษตรกรรมได้ มิฉะนั้นจะเกิดปัญหาเหมือนกับนโยบายในอดีตที่ให้ผู้ทำกินในป่าลงมาอยู่ในพื้นที่เสื่อมโทรมหรือมีคนอาศัยอยู่แล้ว จนเกิดความขัดแย้งเข้าไม่ถึงที่ดินทำกิน
นายประยงค์ ยังระบุว่า รัฐควรจัดสรรที่ดินทำกินให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่เตรียมนำร่องออกโฉนดชุมชน 35 แห่ง ซึ่งเตรียมส่งมอบในรัฐบาลที่แล้ว เพราะมีความพร้อมในการบริหารจัดการและมีกฎระเบียบที่ชัดเจน จากทั้งหมด 450 แห่งที่ได้รับการอนุมัติเข้าโครงการ การขับเคลื่อนก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่ามิใช่เป็นการเหวี่ยงแห
“นโยบายดังกล่าวมีแนวคิดคล้ายคลึงกับการจัดตั้งศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ (ศตจ.) ในปี 2547 ที่จัดสรรที่ดินให้แก่คนยากจนถือครอง 5 ปี สัญญาปีต่อปี แต่สัญญามีเงื่อนไขมากมาย อาทิ ห้ามปลูกไม้ยืนต้น ห้ามขุดบ่อ ห้ามปลูกสิ่งก่อสร้าง ชาวบ้านจึงไม่ต่อสัญญาจนที่ดินถูกทิ้งร้าง โครงการจึงล้มเหลว เพราะไม่เกิดแรงจูงใจในการใช้ประโยชน์ที่ดิน กลุ่มทุนจึงใช้โอกาสนี้ขอเช่าพื้นที่จากรัฐระยะยาว ไม่จำกัดขนาด สุดท้าย โครงการแก้ปัญหาความยากจนจึงกลายเป็นการฟอกที่ดินรัฐ” ที่ปรึกษา สกน. กล่าว
ภาพประกอบ:เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์