- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- การสร้างสำนึกร่วมของชุมชน
- คปก.เร่งประมวลข้อเสนอร่าง พ.ร.บ.เข้าชื่อกม. เสนอ ปธ.สภาฯ
แจ้งให้ทราบ
Current Item Layout Template is 'default-thaireform' does not exist
- Please correct this in the URL or in Content Type configuration.
- Using Template Layout: 'default'
คปก.เร่งประมวลข้อเสนอร่าง พ.ร.บ.เข้าชื่อกม. เสนอ ปธ.สภาฯ
ประมวลร่างฯ พ.ร.บ.เข้าชื่อกม. ภาค ป.ช.ช. เสนอทบทวนโทษอาญา-หลักฐานเข้าชื่อ หวังลดค่าใช้จ่าย ดึง กกต.หนุนการมีส่วนร่วมทางการเมือง
วันที่ 14 สิงหาคม คณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงและพัฒนากฎหมายด้านการกระจายอำนาจ และการมีส่วนร่วมของประชาชน ในคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) จัดสัมมนาเพื่อรับฟังความคิดเห็นร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อกฎหมาย พ.ศ. ... ณ โรงแรมทีเค พาเลซ ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ โดยมี นายไพโรจน์ พลเพชร กรรมการปฏิรูปกฎหมาย และกรรมการพิจารณาปรับปรุงและพัฒนากฎหมายด้านการกระจายอำนาจ และการมีส่วนร่วมของประชาชน เป็นประธานการสัมมนา พร้อมด้วยเครือข่ายองค์กรและภาคประชาชนร่วมสัมมนาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
นายไพโรจน์ กล่าวสรุปถึงผลการสัมมนาถึงความเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย และเครือข่ายภาคประชาชนที่มาเข้าร่วมต่อร่างพระราชบัญญัติ ฉบับดังกล่าวว่า ภายหลังการสัมมนา โดยสรุปเป็นดังนี้
1.หลักฐานประกอบการเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมาย ที่เดิมได้กำหนดให้ประชาชนผู้เข้าชื่อจำเป็นต้องแนบสำเนาบัตรประชาชน สำเนาบัตรอื่นสำหรับแทนบัตรประชาชนประกอบด้วย ซึ่ง คปก. เห็นว่า ควรกำหนดให้ประชาชนผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายระบุหมายเลขประจำตัวประชาชนหรือเอกสารอื่นๆ ดังกล่าวข้างต้น เพราะการกำหนดให้ประชาชนผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายต้องจัดแนบสำเนาเอกสารดังกล่าวได้ก่อให้เกิดปัญหาด้านต้นทุนค่าใช้จ่าย ความไม่สะดวกและความล่าช้าอย่างมาก กลายเป็นกฎหมายที่สร้างขั้นตอนและกระบวนการที่ลดทอนโอกาสหรือกีดกันการใช้สิทธิในการมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยตรงของประชาชน
2.การเข้าชื่อเสนอกฎหมายโดยการดำเนินการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง เนื่องจาก ประชาชนผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายควรมีสิทธิเสนอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (ก.ก.ต.) ดำเนินการจัดให้มีการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย เนื่องจากคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นหน่วยงานของรัฐที่มีฐานข้อมูลผู้มีสิทธิเลือกตั้ง บุคลากร เครื่องมือและความเชี่ยวชาญเฉพาะในการจัดการ เพื่อให้ประชาชนใช้สิทธิในการเลือกตั้งอยู่แล้ว การเปิดให้ประชาชนจำนวนมากเข้ามาแสดงตนและใช้สิทธิเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมาย จึงมีลักษณะเป็นการใช้สิทธิมีส่วนร่วมทางการเมืองที่มีลักษณะคล้ายคลึงการใช้สิทธิเลือกตั้ง และถือเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้งในการส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน แม้จะทำให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายแก่รัฐมากขึ้นก็ตาม และควรกำหนดระยะเวลาในการเข้าชื่อให้ยาวนานมากกว่า 90 วัน
3.การกำหนดให้มีการสนับสนุนการดำเนินการเข้าชื่อเสนอกฎหมายของประชาชน ควรกำหนดให้ประชาชนมีสิทธิขอให้กองทุนพัฒนาการเมืองภาคพลเมืองเข้ามาสนับสนุนค่าใช้จ่ายในกระบวนการเข้าชื่อเสนอกฎหมายของประชาชน เนื่องจากกองทุนพัฒนาการเมืองภายใต้พระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเมือง พ.ศ. 2551 มีหน้าที่โดยตรงในการสนับสนุนการรวมตัวกันของประชาชนเป็นเครือข่าย เพื่อแสดงออกซึ่งความคิดเห็นหรือความต้องการของตน (มาตรา 31)
4.การตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าชื่อเสนอกฎหมาย ควรกำหนดระยะเวลาในการตรวจสอบความถูกต้องของรายชื่อให้ชัดเจนว่าจะต้องดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งการไม่กำหนดระยะเวลาในการตรวจสอบดังกล่าว ย่อมทำให้ร่างกฎหมายที่เสนอโดยประชาชนเกิดความล่าช้าในการเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของรัฐสภา
สำหรับการปิดประกาศรายชื่อผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมาย เพื่อให้มีการคัดค้านความถูกต้องของรายชื่อ เห็นว่าควรกำหนดให้ประธานรัฐสภามีหน้าที่ส่งหนังสือยืนยันการเข้าชื่อเสนอกฎหมายไปยังประชาชนที่มีรายชื่อเป็นผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายตามภูมิลำเนาหรือที่อยู่ปัจจุบันที่ได้แจ้งไว้ในเอกสารแสดงความจำนงที่จะเข้าชื่อเสนอกฎหมาย
5.การให้คำรับรองร่างกฎหมายเกี่ยวด้วยการเงิน ควรกำหนดให้นายกรัฐมนตรีให้คำรับรองร่างพระราชบัญญัติที่เสนอโดยประชาชนเกี่ยวเกี่ยวด้วยการเงินภายในระยะเวลาที่กำหนดนับจากที่ประธานสภาฯ ส่งร่างฯ ฉบับดังกล่าว เพื่อเป็นการเร่งรัดให้รัฐสภาพิจารณาร่างกฎหมายโดยเร็ว
6.การพิจารณาร่างกฎหมายของภาคประชาชนมักมีความล่าช้า ทั้งนี้ หากมีการยุบสภาหรือวาระของสภาฯ สิ้นสุดลง รัฐบาลอาจไม่ยืนยันและขอให้รัฐสภาพิจารณาร่างกฎหมายภาคประชาชนนั้น จึงควรกำหนดระยะเวลาในการพิจารณาร่างกฎหมายของประชาชนว่าต้องให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด เช่น ไม่เกิน 2 สมัยประชุม เป็นต้น และควรกำหนดให้ถือว่าร่างกฎหมายของภาคประชาชนต้องได้รับการพิจารณาโดยเร็วไม่ว่าจะมีร่างของรัฐบาลหรือสมาชิกสภาผู้แทนฯ เสนอขึ้นมาประกบตามธรรมเนียมปฏิบัติหรือไม่ก็ตาม
7.การกำหนดโทษทางอาญาสำหรับการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย เห็นว่า ไม่ควรกำหนดฐานความผิดและบทลงโทษ เนื่องจากการเข้าชื่อเสนอกฎหมายเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่มุ่งหมาย เพื่อการส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน เพราะหากมีการกระทำความผิดอันมีเหตุมาจากการแสดงเอกสารหลักฐานในการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย ก็เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาอยู่แล้ว
นายไพโรจน์ กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้ คปก.จะประมวลความเห็นและต่อประธานรัฐสภา เพื่อให้ทันต่อการพิจารณาวาระ 2 โดยคาดว่าร่างฉบับดังกล่าวจะได้เข้าพิจารณาในที่ 22 ส.ค. 2555 ทั้งนี้ เครือข่ายต่างๆ สามารถรวบรวมความเห็นไปยังประธานรัฐสภา เพื่อส่งต่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาได้ ซึ่งเป็นการแสดงเจตจำนงว่ากฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายที่ประชาชนต้องการมากที่สุด