- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- ยุทธศาสตร์ชาติ
- เครือข่ายแผงลอยฯ จี้รบ. เร่งรัดบรรเทาผลกระทบจัดระเบียบหาบเร่ ชี้ 60 วันแล้วไม่คืบ
เครือข่ายแผงลอยฯ จี้รบ. เร่งรัดบรรเทาผลกระทบจัดระเบียบหาบเร่ ชี้ 60 วันแล้วไม่คืบ
เครือข่ายแผงลอยไทยจี้คกก. ชุด รมว.มหาดไทย เป็นประธาน เร่งรัดบรรเทาผลกระทบจัดระเบียบขายของริมทางเท้า หลังผ่านมาเกือบ 60 วัน ไม่คืบหน้า ไร้วี่แววเชิญผู้แทนกลุ่มค้าเข้าร่วม
วันที่ 29 ต.ค. 2561 เครือข่ายวิชาการสร้างเมืองเพื่อทุกคน ร่วมกับเครือข่ายแผงลอยไทยเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน จัดแถลงข่าว เรื่อง “แผงลอยกับเมือง จัดการปัญหา หันหน้าคุยกัน” เพื่อเรียกร้องให้คณะกรรมการบรรเทาผลกระทบจากการจัดระเบียบสังคม ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2561 เร่งรัดจัดประชุมเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาแผงลอย-หาบเร่ ในกทม. อย่างเป็นธรรม โดยต้องเชิญผู้แทนกลุ่มผู้ค้าเข้าร่วมด้วย ณ ห้องประชุมจั๊คส์ อัมโยต์ สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นายเรวัต ชอบธรรม ประธานเครือข่ายแผงลอยเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เปิดเผยว่า กทม.มีผู้ค้าหาบเร่-แผงลอย กว่า 3 แสนราย ซึ่งปัจจุบันมีผู้ค้าจำนวนมากได้รับผลกระทบจากการจัดระเบียบของรัฐบาล ถูกผลักดันออกจากพื้นที่เดิม จนได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากไม่มีแหล่งค้าขายใหม่รองรับที่เหมาะสม ทำให้ขาดรายได้มาจุนเจือครอบครัว ผู้ค้าบางรายเครียด เสียสติ หรือถึงขั้นเสียชีวิต เพราะค้าขายไม่ได้ จนสูญเสียอาชีพ ทั้งที่หาบเร่-แผงลอย เป็นพื้นฐานแรกการดำเนินชีวิตของผู้ด้อยโอกาส เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างฐานะครอบครัว
“ผู้ค้าหาบเร่-แผงลอย เป็นผู้กระจายสินค้า ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และไม่เคยเรียกร้องของบประมาณจากรัฐบาล” ประธานเครือข่ายแผงลอยฯ กล่าว และระบุถึงงานวิจัยพบว่า อาชีพดังกล่าวสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศ เฉพาะกทม. สูงถึง 1 แสนล้านบาท/ปี และหากรวมอีก 76 จังหวัด จะกลายเป็นเงินจำนวนมหาศาล แม้รายได้นี้จะไม่ได้จัดอยู่ในระบบของตาม
นายเรวัต ชอบธรรม ประธานเครือข่ายแผงลอยเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
นายเรวัต กล่าวต่อว่า รัฐบาลไม่ได้ยกเลิกหาบเร่-แผงลอย ทั้งหมด เฉพาะบางพื้นที่เท่านั้น แต่เชื่อมั่นว่า อนาคตจะจัดสรรพื้นที่ใหม่หรือพื้นที่เดิมให้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้ ต้องรอคณะกรรมการบรรเทาผลกระทบฯ ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน มีมติออกมา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ใกล้จะครบ 60 วันแล้ว แต่คณะกรรมการชุดดังกล่าวยังไม่เรียกให้ผู้แทนผู้ค้าเข้าชี้แจงถึงผลกระทบจากนโยบายการจัดระเบียบหาบเร่-แผงลอย และหากครบกำหนดวันที่ 10 พ.ย. 2561 ยังไม่มีความคืบหน้า อาจจะรวมตัวกันเพื่อไปทวงถามรัฐบาลจะช่วยเหลืออย่างไร
ทั้งนี้ เครือข่ายผู้ค้าหาบเร่-แผงลอย ได้ประชุมกันระหว่างรอมติคณะกรรมการ โดยขอให้มั่นใจว่าจะไม่ให้บริเวณที่มีการค้าขายสกปรก แบ่งพื้นที่การค้าบนฟุตปาธ ให้ประชาชนสัญจรไปมาได้สะดวกตามที่ กทม.เคยกำหนดว่า ต้องไม่น้อยกว่า 1.50 เมตร และจะไม่กีดขวางการจราจร จอดรถเข็นริมถนน นำเก้าอี้ไปวาง เป็นต้น
รศ.ดร.นฤมล นิราทร คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์
ด้านรศ.ดร.นฤมล นิราทร คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวเสริมว่า ผู้ค้าหาบเร่-แผงลอย มีบทบาทหน้าที่คือการมีงานทำและลดความเหลื่อมล้ำ ทั้งในส่วนผู้ขาย ซึ่งมีโอกาสจำกัดในการทำงาน และผู้ซื้อต้องการเข้าถึงสินค้าและราคาถูก ดังนั้น ต้องยอมรับร่วมกันว่า เป็นความจำเป็นและต้องจัดการ หน่วยงานที่มีบทบาทดูแลเมือง ต้องไม่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายไปมากกว่านี้ การให้สัมภาษณ์กับสื่อเกี่ยวกับหาบเร่-แผงลอยในแง่ลบ เช่น อาหารสกปรก ขอให้หยุดการกระทำนั้น เพราะมองว่า ไม่ช่วยทำให้อะไรดีขึ้น อีกทั้งคนจะตั้งคำถามว่า แล้วทำอะไรกันอยู่ ถึงปล่อยให้เหตุการณ์เกิดขึ้นมาได้
“ให้ยอมรับร่วมกันว่า ต้องอยู่ร่วมกันได้ การค้าขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ และทุนข้ามชาติ ต้องอยู่ด้วยกันได้ ไม่ใช่ปล่อยให้ร้านสะดวกซื้อทำอะไรก็ได้ ทั้งที่ความจริงแล้ว กลุ่มหาบเร่-แผงลอย เป็นเศรษฐกิจระดับรากหญ้า ที่ทำให้เศรษฐกิจของ กทม.เดินต่อไปได้” นักวิชาการด้านสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มธ. ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 222/2561 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการบรรเทาผลกระทบจากการจัดระเบียบสังคม มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน, รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รองประธาน และกรรมการอีก 12 ราย ได้แก่ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงยุติธรรม ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลชาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร อธิบดีกรมการปกครอง อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ตามที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยมอบหมาย
โดยประธานกรรมการต้องแต่งตั้งผู้แทนชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบหรือผู้มีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องดังกล่าว อันเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาของคณะกรรมการเข้าร่วมประชุมในฐานะกรรมการในระเบียบวาระดังกล่าวนั้นด้วย โดยมีจำนวนไม่เกิน 3 ราย แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ .