- Home
- Thaireform
- สารคดีเชิงข่าว
- เมืองไทยไม่สิ้นคนดี 10 ข้าราชการต้นแบบ "ข้าฯ ของแผ่นดิน"
แจ้งให้ทราบ
Current Item Layout Template is 'default-thaireform' does not exist
- Please correct this in the URL or in Content Type configuration.
- Using Template Layout: 'default'
เมืองไทยไม่สิ้นคนดี 10 ข้าราชการต้นแบบ "ข้าฯ ของแผ่นดิน"
“ข้าราชการ เป็นข้าราชการ 24 ชั่วโมง ไม่ใช่เป็นข้าราชการ 8 โมงเช้า เลิก 4 โมงเย็น เมื่อชาวบ้านเดือดร้อนเมื่อไหร่ คุณต้องเข้าไปแก้ปัญหาได้ ทุกวันนี้ บางครั้งก็ยังคิดว่า ทำงานคุ้มหรือยัง คุ้มกับเงินที่ชาวบ้านให้เราอยู่สุขสบาย ยังคิดเสมอแต่ละวันเราทำงานคุ้มไหม”
คำกล่าวของ พันจ่าโทอุดร บุญช่วยแล้ว ปลัดอบต.แหลมฟ้าผ่า จ.สมุทรปราการ อดีตทหารเรือหน่วยนาวิกโยธิน ยึดมั่นมาตลอด ทุ่มแททำงานคลุกคลีกับชาวบ้านในพื้นที่อนุรักษ์พื้นที่ชายฝั่งทะเล แบบไม่มีวันเวลาราชการ หรือหยุดเสาร์-อาทิตย์
ถึงวันนี้ พันจ่าโทอุดร ก็ยังเฝ้าถามตัวเองตลอดเวลา
"ที่ทำอยู่นี้ เดินมาถูกทางหรือไม่ เพราะการที่ไปช่วยประชาชนที่ตกขอบ บางครั้งภาครัฐก็เข้าไปไม่ถึง ขัดขวางเรื่องการทุจริตหลายๆรูปแบบ โดนตั้งกรรมการสอบ ถูกย้ายโดยไม่มีเหตุผล จนรู้สึกท้อแต่ผ่านมาได้ เพราะอ่านหนังสือธรรมะ อ่านพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทำให้มีกำลังใจสู้ต่อ"
จนกระทั่ง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตในภาครัฐ ( ป.ป.ท.) กระทรวงยุติธรรม ร่วมกับ บริษัท ทีวีบูรพาจำกัด คัดเลือกข้าราชการตัวอย่าง 10 ท่าน ใน 10 เขตพื้นที่เพื่อรับรางวัล “ข้าราชการต้นแบบ” ในโครงการ “คนดีของแผ่นดิน” ครั้งที่ 1 ประจำปี 2553 วัตถุประสงค์ก็เพื่อส่งเสริมสนับสนุนข้าราชการทำดี ให้มีกำลังใจในการทำงานและเป็นตัวอย่างแก่สังคม
ปลัดอบต.แหลมฟ้าผ่า ได้รับยกย่องเชิดชูเกียรติ “คนดีของแผ่นดิน” ยิ่งทำให้มั่นใจยิ่งขึ้นว่า สิ่งที่ทำมาทั้งหมดนั้นเดินมาถูกทางแล้ว
“ผมจะมุ่งมั่นทำงานเพื่อประชาชน ให้ประชาชนลุกขึ้นมาช่วยเหลือตัวเองได้ และมีความสุข สุดท้ายเพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ” ข้าราชการท้องถิ่น จากอบต.แหลมฟ้าผ่า ให้คำมั่น ขณะที่ในมือก็ถือรางวัล คนดีของแผ่นดิน รูปพญายมราช สัญลักษณ์บ่งบอกว่า ข้าราชการต้นแบบเต็มเปี่ยมไปด้วยความยุติธรรม ไม่เห็นแก่อามิสสินจ้าง ทำงานอย่างซื่อสัตย์สุจริต
ข้าราชการต้นแบบ ทำงานเชิงรุก
เช่นเดียวกับ "ช่อทิพย์ โคตรโน" นักตรวจสอบภาษีชำนาญการ สำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพฯ 21 “คนดีของแผ่นดิน” อีกคนที่ก้าวข้ามคำว่า ข้าราชการทำงานเช้าชามเย็นชาม เธอมุ่งมั่นทำงานด้วยหัวใจ รับใช้แผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์
ข้าราชการหญิงที่ทำงานโดยไม่เห็นแก่บนผลประโยชน์ที่ล่อตาล่อใจ บอกว่า การที่เราเป็นข้าราชการ ขอให้ทุกท่านตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด อย่าหวังสิ่งตอบแทน หากตั้งใจปฏิบัติหน้าที่แล้ว สิ่งตอบแทนที่ตามมา คือ สิ่งที่ดีๆ หัวใจพองโต มีความสุข
“ขอให้ยึดในหลวงเป็นต้นแบบ ในฐานะที่ท่านทรงเป็นพระมหากษัตริย์ ท่านไม่ต้องทำอะไรก็ได้ แต่ท่านยังต้องทำงานหนักยิ่งกว่าเราอีก ถือว่ามีเกียรติเป็นข้าราชการ เป็นข้าฯ ของแผ่นดิน ภูมิใจอย่างน้อยเราก็เป็นคนหนึ่งที่ทำอะไรเพื่อประเทศชาติ”
ไม่ต่างจาก รางวัลคนดีของแผ่นดินที่มอบให้กับ “ทีมไม้เลื้อย” จากโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชกุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ อันประกอบด้วยแพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัด ต้นแบบการบริการเยี่ยมบ้านผู้ป่วยระดับต้นๆของประเทศ ทำหน้าที่โดยไม่มีวันหยุด ยึดหลักการทำงานเชิงรุก ตระเวนลงพื้นที่ไปดูแลผู้ป่วยถึงบ้านทุกหลังคาเรือน เยียวยาทั้งหัวใจและคุณภาพชีวิตควบคู่กัน ก่อตั้งโดยนพ.สิริชัย นามทรรศนีย์ รักษาการ รองผอ.รพ.สมเด็จพระยุพราชกุฉินารายณ์
อีกผู้หนึ่งที่พบความจริงว่า งานสาธารณสุขไม่ได้เริ่มและจบในเวลาราชการ หมอจ๊อด หรือนายกฤษฎา พรหมสุวรรณ์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหนองไม้แก่น จ.ฉะเชิงเทรา 17 ปี ของชีวิตข้าราชการทำงานจนเข้าไปครองใจผู้คน มองเห็นประชาชนเป็นเสมือนญาติพี่น้อง ยึดมั่นเสมอว่า การปฏิบัติหน้าที่ก็เหมือนการปฏิบัติธรรม คำพูดที่บอกผ่านความรู้สึกตื่นตัน
"การรับรางวัลคนดีของแผ่นดิน เปรียบเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจในการปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เต็มความสามารถ"
จิตวิญญาณ...ข้าราชการ
“ยุงมันไม่ได้มีสัญชาติ มันไม่รู้จักเขตแดน มันไม่ได้เลือกกัดเฉพาะคนไทย แล้วเว้นไว้คนพม่า กระเหรี่ยง เพราะฉะนั้นใครมาขอรับการรักษาเราไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ต้องรีบเข้าไปดูแล” นพ.วรวิทย์ ตันติวัฒนทรัพย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุ้มผาง ถ่ายทอดหัวใจหลักในการทำงาน สู่ผู้ปฏิบัติงาน “ทีมแพทย์ และเจ้าหน้าที่ รพ.อุ้มผาง จ.ตาก”
รพ.อุ้มผาง เป็นความหวังสุดท้ายของคนไม่มีบัตร ไม่มีสิทธิ์ ตั้งอยู่สุดเขตชายแดน รองรับผู้ป่วยจนมีภาระหนี้สินหลายสิบล้าน ภาระหนี้ที่เกิดจากการให้ค่าความเป็นมนุษย์ ให้ค่าคนชายขอบอย่างเท่าเทียมกัน
และแม้แต่วันประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติ คนดีของแผ่นดิน ภาระที่ไม่อาจละทิ้งไปได้ นายแพทย์หนุ่มที่ทำงานอุทิศตนดูแลผู้ป่วยในถิ่นทุรกันดารมากว่า 20 ปี ก็เลือกที่จะอยู่ในพื้นที่ อยู่ดูแลรักษาคนไข้ แทนการเดินทางมารับรางวัลด้วยตัวเอง
อีกฝากของประเทศ กับความพยายามให้ค่าคนชายขอบ เช่นเดียวกัน ส.ต.อ.หญิง คำพลอย นันทวงศ์ ผู้บังคับหมู่ กก.ตชด.21 ครูผู้สอนโรงเรียน ตชด.พีระยานุเคราะห์ฯ 2 จ.สุรินทร์ อดีตนักเรียนในโครงการคุรุทายาท อุทิศตนทำงานเพื่อแด็กๆและชาวบ้าน และอีกบทบาทเแม่ของลูกชายที่มีภาวะบกพร่องทางสมอง และลูกสาวที่ป่วยเป็นโรคเนื้อร้าย ทำให้พัฒนาการของทั้งคู่ไม่เป็นไปตามวัย
แต่ภาระดังกล่าว ไม่ได้ทำครูคำพลอย นำมาเป็นข้ออ้างต่อการย่อหย่อนต่อหน้าที่แต่อย่างใด
“เราคือขี้ข้าเขา เราต้องรับใช้เขา เขามีเรื่องเดือดร้อนก็ต้องช่วย จะเรียกว่าเป็นนายเขาได้อย่างไร เราต้องอยู่ด้วยความจริงใจและอยู่บนพื้นฐานของความพอดี” ข้าราชการชั้นผู้น้อย คนดีของแผ่นดิน ประกาศก้องบนเวที ยอมรับว่า แม้วันนี้จะเป็นแค่เสี้ยวเศษธุลีเล็กๆ ในผืนแผ่นดินไทย แต่ก็ยินดีที่จะเป็นปุ๋ยเพื่อบำรุงแผ่นดินไทยให้สมบูรณ์แบบ
ปิดทองหลังพระ ทำเสมอต้นเสมอปลาย
สำหรับตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษา นายสมยศ พงศาปาน ครูชำนาญการพิเศษ 2 โรงเรียนบ้านขอนหาด จ.นครศรีธรรมราช ยึดมั่นคำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เรื่องปิดทองหลังพระ
“ผมทำงานลักษณะที่พระองค์ตรัสเรื่องปิดทองหลังพระ ติดเฉพาะด้านหน้าอย่างเดียว พระก็ไม่สมบูรณ์ พระองค์เปรียบเทียบให้เห็นการทำงาน ต้องมีคนทำงานแบบปิดทองหลังพระบ้าง แม้คนอื่นไม่เห็นแต่ความดีเราทำ เราภูมิใจ ผมตั้งปณิธานไว้ไม่ทำอาชีพอื่นเลย ยกเว้นอาชีพครู ทำอาชีพครูให้สมบูรณ์ที่สุด” ครูพละ หรืออีกตำแหน่ง โค้ชวอลเล่ย์บอล วัย 52 ปี ผู้ที่ใช้เวลาเกือบ 20 ปีทุ่มเทให้กับโครงการกีฬาเพื่ออนาคต ด้วยความเชื่อ "กีฬา" จะเป็นใบเบิกทางให้เด็กไปสู่อนาคต ได้ศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยดีๆ
กับรางวัลคนดีของแผ่นดิน ครูชั้นผู้น้อยผู้นี้ได้ยึดกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เป็นเหมือนน้ำทิพย์ที่ชโลมอยู่ในจิตใจ เพื่อความร่มเย็นเป็นสุขมาตลอด
ส่วนภารโรงตัวเล็ก ๆ อย่าง นายเพ็ชร วงค์คำ ช่างไม้ชั้น 3 โรงเรียนบ้านศรีนาป่าน จ.น่าน ที่ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี ที่เขาจะมาทำงานเป็นคนแรกและกลับบ้านเป็นคนสุดท้ายเสมอ บอกถึงที่ภูมิใจคือการพัฒนาโรงเรียน ทำให้เด็กได้มีความรู้ ทำตัวอย่างให้เด็กรุ่นใหม่ ได้เห็น
"หน้าที่หลักๆ ทุกโรงเรียน นักการภารโรงทำเหมือนกันหมด แต่สำหรับผมทำเสมอต้นเสมอปลาย ทำหน้าที่ให้เสร็จ ให้ดีที่สุด”
ภารโรงเพียงคนเดียวของโรงเรียนบ้านศรีนาป่าน ที่ไม่ได้มีหน้าที่แค่ซ่อมแซมอาหารที่ชำรุด หรือเปิดปิดห้องเรียนเท่านั้น เขายังได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการโรงเรียน ให้เป็นผู้ดูแลโครงการทำการเกษตรแนวพระราชดำริ ทำปุ๋ยหมักชีวภาพ หรือแม้แต่การรวมตัวกันของภารโรงลงแรงซ่อมแซมสถานศึกษาร่วมกัน
ขรก.ทำงานเพื่อผืนแผ่นดิน
มาถึงนายทหารหนุ่มจากจ.อุตรดิตถ์ ร้อยเอกมานพ พันธ์สะโม นายทหารฝ่ายข่าวกรองหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 16 จ.ยะลา ต้องสูญเสียขาทั้งสองข้าง จากเหตุการณ์เหยียบระเบิดขณะออกปฏิบัติหน้าที่ เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2553
บนเวทีมอบรางวัลคนดีของแผ่นดิน ภาพที่เราได้เห็น ร้อยเอกมานพ ผู้ใช้หัวใจเป็นอาวุธในการทำงาน เป็นทหารเป็นที่รัก และเป็นที่ไว้วางใจของชาวบ้านในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความหวาดระแวง นั่งรถเข็น ไม่ได้สวมเครื่องแบบ เพราะเจ้าตัวตั้งใจเอาไว้ว่า เมื่อได้ใส่ขาเทียมแล้วถึงจะกลับมาสวมใส่ชุดทหารอย่างเต็มยศอีกครั้ง
“ยังคิดถึง.....ยังรัก.....พี่น้องสามจังหวัดชายแดนใต้.... อยากกลับ....ไปร่วมงาน”
ด้วยน้ำเสียงและถ้อยคำที่กินใจ คำพูดประโยคแรกของชายชาติทหารผู้นี้กลั่นออกมาจากหัวใจ ทำเอาแขกเหรื่อผู้ร่วมงานถึงกับชะงัก บ้างก็น้ำตาซึม ถอดแว่น เช็ดน้ำตาอยู่หลายรอบ ตามด้วยเสียงปรบมือดังก้องทั่วหอประชุมศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
“หากประเทศไทยเปรียบเหมือนบ้านอย่างที่หลายคนคิด ทหารเราก็เปรียบเหมือนรั้วของบ้าน 4 เดือนกว่า ที่รักษาตัวที่โรงพยาบาล มีสมาชิกของบ้านที่ได้มาให้กำลังใจ เป็นแรงกำลังใจให้พวกเราได้ทำหน้าที่ ช่วยให้เรามีกำลังใจในการทำงานต่อไป ซึ่งพวกผมก็ยืนยันจะเป็นรั้วของบ้านที่ดี”
อีกหนึ่งของผู้อุทิศตนอนุรักษ์ผืนป่า นายประกอบ ช่วยศรีนวล พนักงานพิทักษ์ป่า อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี ที่ตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไมผู้บุกรุกป่า คือชาวบ้านหน้าเดิมๆ ยิ่งเจ้าหน้าที่รัฐเข้มงวดจับกุมมากเท่าไหร่ ความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับชาวบ้านเพิ่มสูงขึ้นมากเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เขาถึงตัดสินใจลงหาคำตอบในพื้น โดยการนั่งลงฟังปัญหาจากปากชาวบ้าน ทำความเข้าใจ
ในที่สุด ก็ได้คำตอบ เขาไม่สามารถรักษาป่าให้คงอยู่ได้ หากไม่สามารถทำให้ชาวบ้านรอบผืนป่ามีอยู่มีกิน และอิ่มท้องเสียก่อน จากเคยจับกุม ก็มาแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ส่งเสริมชาวบ้านทำเกษตรแบบพึ่งตนเอง
เจ้าหน้าที่ป่าไม้ชั้นผู้น้อย ทำงานด้วยหัวใจสามารถสลายความเกลียดชังของชาวบ้านที่มีกับเจ้าหน้าที่ได้ แต่ไม่วายยังถูกตั้งข้อกล่าวหา เป็นป่าไม้นอกแถว ป่าไม้หัวแข็ง เป็นป่าไม้เอ็นจีโอ ไม่ปกป้องผืนป่า ไปยกไปวัดที่ให้ชาวบ้าน ทั้งๆที่ความจริงแล้ว เป็นการบล็อกพื้นที่ไม่ขยายออกไป
“ชาวบ้านมองป่าไม้ มีเงินเดือน ไม่ต้องทำมาหากินอะไรก็อยู่ได้ แต่ตัวเขาต้องมาพึ่งพิงพึ่งพาทรัพยากร ซึ่งความขัดแย้งมีเรื่องราวต่างๆ มากมาย ดังนั้นการแก้ปัญหาต้องเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา เพราะยิ่งใช้เหตุผล ความขัดแย้งจะเพิ่มขึ้นเราต้องใช้ความรัก ความเข้าใจ จึงจะแก้ปัญหาความขัดแย้งได้” คำพูดพรั่งพรูออกจากปาก พนักงานพิทักษ์ป่า อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์
"จ่าเพียร" รางวัลเกียรติยศคนดีของแผ่นดิน
อาจารย์วิวัฒน์ ศัลยกำธร หนึ่งในคณะกรรรมการตัดสิน รางวัลในโครงการคนดีของแผ่นดิน บอกว่า นี่เป็นการเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่มาก
"ผมตัดสินไปชื่นชมไป รู้สึกว่าเมืองไทยยังไม่หมดหวัง ทุกคนที่ถูกเสนอชื่อมาสะท้อนความจริงของการทำงาน เป็นพลังทำให้คนดี ลุกขึ้นทำแผ่นดินนี้ให้รอดพ้นวิกฤตได้"
และเพื่อให้คนดีไม่ท้อ การพิจารณาของคณะกรรมการ คนดีของแผ่นดินปีนี้ ปรากฎชื่อ “จ่าเพียร” พล.ต.อ.เพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา จ.ยะลา อยู่ในลำดับต้นๆ ตั้งแต่ยังไม่เกิดเหตุการณ์ ซึ่งแม้จะสูญเสียวีรบุรุษแห่งบันนังสตาไปแล้ว แต่เวทีแห่งนี้ก็ไม่ลืมคุณงามความดี มอบรางวัลเกียรติยศ ให้ พล.ต.อ.เพียร เอกสมญา ข้าราชการที่ดีและเป็นคนดีที่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง รวมทั้งผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายจาก 10 เขต จำนวน 25 ท่าน