- Home
- Thaireform
- สารคดีเชิงข่าว
- หลากมุมมองอาชีพ ‘ฮิต-เด่น’ในทศวรรษหน้า
แจ้งให้ทราบ
Current Item Layout Template is 'default-thaireform' does not exist
- Please correct this in the URL or in Content Type configuration.
- Using Template Layout: 'default'
หลากมุมมองอาชีพ ‘ฮิต-เด่น’ในทศวรรษหน้า
The Futurist Magazine ฉบับล่าสุดรวบรวม 5 พลังขับเคลื่อน ที่มีผลกระทบต่อทิศทางของโลกไว้อย่างน่าสนใจ
อันดับแรก “จีน” กำลังเปลี่ยนบทบาทและสถานภาพของตัวเองในฐานะที่จะเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ สอง.ประชากรโลกอายุสูงขึ้น ขณะที่กำลังมีการเคลื่อนย้ายประชากรจากทั่วโลก เพื่อหารายได้ อาชีพที่มั่นคง ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการทำงานของประเทศที่มีการเคลื่อนคนเข้าไป สาม.การขาดแคลนพลังงาน การแสวงหาพลังงานทางเลือก รวมทั้งการขาดแคลนน้ำจะกลายเป็นประเด็นสำคัญระดับโลก สี่.การบริหารจัดการของเสีย การสร้างผลิตภัณฑ์ที่นำมารีไซเคิล และห้า.คุณภาพการศึกษาทั่วโลกลดลง ปริญญาสูงขึ้นแต่มีการตั้งข้อสังเกตเรื่องคุณภาพ
งานอะไรที่เกี่ยวข้องกับจีนมีโอกาสบูม
เพื่อรับมือกับ 5 แนวโน้มหลักระดับโลกที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงไป การศึกษาไทยเด็กไทยต้องเตรียมตัวอย่างไรในเรื่องนี้บ้าง ผศ.จุมพล พูลภัทรชีวิน กรรมการบริหาร มูลนิธิเพื่อพัฒนาการศึกษาไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านอนาคตศึกษาและการวิจัยอนาคต บอกว่า เมื่อจีนกำลังมีบทบาทกำหนดทิศทางของโลก คำถามคืองานอะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับจีนมีโอกาสบูมตามไปด้วยใช่หรือไม่ใช่ ส่วนธุรกิจอะไรที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุก็เป็นอีกอาชีพที่น่าสนใจ
ขณะที่การขาดแคลนน้ำจะกลายเป็นประเด็นสำคัญของโลก เกิดการแย่งชิงจนมีคำถามว่าตกลงน้ำใครเป็นเจ้าของจะเอาแหล่งต้นกำเนิดน้ำหรือไม่ เช่น จีนสร้างเขื่อนส่งผลกระทบต่อแม่น้ำโขง มีผลกระทบต่อไทย-ลาว ดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านอนาคตศึกษา ชี้ว่า นักกฎหมายต้องหันมาให้ความสนใจ ใครคิดจะเรียนด้านกฎหมายต้องมาสนใจประเด็นระดับโลกแบบนี้ ส่วนการบริหารจัดการของเสียการสร้างผลิตภัณฑ์ที่นำมารีไซเคิลใหม่ได้ อาชีพหรือการเตรียมตัวประกอบอาชีพลักษณะนี้ ต้องคิดแล้วว่า ควรจะเป็นอย่างไรที่สามารถทำได้ในระดับนานาชาติ
ส่วนการศึกษาแนวโน้มต่อไปคุณภาพจะลดลงนั้น ยุคต่อไปนี้เราจะขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ ขาดแคลนผู้นำที่มีความคิดมีทักษะที่พร้อมบริหารจัดการ เพราะระบบการศึกษาไม่สามารถป้อนคนลักษณะที่กล่าวมาได้
พยาบาลเลือกเรียนไปไม่ตกงาน
สำหรับอาชีพเด่นในทศวรรษหน้า มองไปอย่างน้อย 15 ปี เด็กไทยควรเลือกเรียนสาขาใดแล้วจะไม่ตกงาน ผศ.จุมพล บอกว่า ถ้าต้องการเป็นลูกจ้าง ไม่รวยมากนักพอมีพอกิน ควรเรียนพยาบาล หรือหากอยากจะเลื่อนสถานภาพในอาชีพนี้ต้องไปหางานทำที่ต่างประเทศ โดยเฉพาะพยาบาลผู้ชายกำลังเป็นที่ต้องการของตลาด เพราะพละกำลังแข็งแรงกว่าพยาบาลที่เป็นผู้หญิง
อีกอาชีพที่น่าสนใจ ตัวนำคือ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ใครที่เรียนทางด้านวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะที่ใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน หากไม่มีการติดตามต่อเนื่องไม่พัฒนาความรู้ความสามารถตัวเอง ผศ.จุมพล ยืนยันว่า จะตกม้าตาย ส่วนนักสังเคราะห์ (synthesis) เป็นอีกอาชีพที่นักอนาคตมองกันอยู่ว่าจะเป็นอาชีพที่รายได้ดี คุณสมบัติเป็นผู้ที่สามารถรวบรวมข้อมูลที่เกิดขึ้นรอบด้านได้ แล้วให้คำเสนอแนะ ชี้แนะ มีทางออกให้ อาจไปประกอบอาชีพที่ปรึกษาอิสระ โดยคนที่จะทำหน้าที่นี้ได้ ไม่ใช่ผู้ที่เก่งเฉพาะทาง แต่ต้องเก่งอย่างน้อย 1 ทาง จากนั้นขวนขวายหาความรู้ในส่วนที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งต้องรักการเรียนรู้ตลอดชีวิตมองปัญหาและจัดการกับปัญหาได้
สุดท้ายงานอะไรก็ได้ทำแล้วมีความสุข อาชีพอะไรที่เกี่ยวกับความสุขจะเป็นอาชีพที่มั่นคง ผู้ทำก็มีความสุข ทำให้ผู้มาใช้บริการมีความสุขจะขายดี ผศ.จุมพล ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มจิตวิวัฒน์ ให้เหตุผลเพราะคนยุคนี้และอนาคตอันใกล้ภายใต้วิวัฒนาการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะมีความเครียดสูง ฉะนั้นอาชีพอะไรก็แล้วแต่ขอให้คิดถึงอาชีพอิสระทำให้คนมีความสุข อย่างเช่น ในหลายประเทศมีสมาคม Slowdown Society ทำให้ชีวิตช้าลงเมื่อช้าลงจะมองอะไรได้รอบด้านมากขึ้น
“บนโลกของการแข่งขันและความขัดแย้ง เรื่องที่กำลังมาแรง คือ จิตสำนึกใหม่ (new consciousness) อะไรที่เกี่ยวข้องกับความสุข สงบ สันติ เรื่องมิติสุขภาวะทางจิตวิญญาณ ให้รู้สึกสงบ นิ่ง สบาย จะกลายเป็นเรื่องที่มีความสำคัญกับมนุษย์โลกเพิ่มมากขึ้น เป็นอีกอาชีพที่ในต่างประเทศที่กำลังขายดีมาก ซึ่งการทำจิตใจให้สงบ การอยู่กับตัวเอง ไม่เกี่ยวกับศาสนาใดเป็นพิเศษ” ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มจิตวิวัฒน์ ชี้ให้เห็นแนวโน้ม และแนะนำว่า การทำงานอิสระขอให้นึกอะไรก็ได้ที่เป็นเรื่องอัตลักษณ์เฉพาะ เช่น เรื่องวัฒนธรรมเป็นสินค้าขายดี เนื่องจากคนจะเริ่มเบื่อสินค้าที่เหมือนๆกัน มาตรฐานเดียวกัน ไม่มีอัตลักษณ์เฉพาะ
ยุค Social Era อาชีพอิสระมากขึ้น
ในมุมมองนักการสื่อสารอาชีพไหนจะฮิตในอนาคต รศ. ดร.ปาริชาต สถาปิตานนท์ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิเคราะห์ให้เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสารสนเทศ ทั้งอินเทอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ จะทำให้อาชีพอิสระมีมากขึ้น
“ฝรั่งบอกว่า ปี 2000 เป็นยุค Social Era ยุคของสังคม ทุกอย่างอยู่ในโลกเสมือนจริงแค่ในมือของทุกคน ไม่ต้องเป็นผู้รับบริการอย่างเดียว แต่สามารถให้บริการผ่านเทคโนโลยีเล็กๆ ที่อยู่ในมือได้ เช่น คนๆ หนึ่งอาจจะทวีตทั้งวัน เป็นการโปรโมทให้คนรู้ว่ากำลังทำอะไร ขายผลิตภัณฑ์อะไร ทั้งทวีตเตอร์ เฟชบุค บล็อกเกอร์”
เมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปมนุษย์ชอบอิสระจะมากขึ้น นักการสื่อสาร มองว่า ความเป็นอิสระจะมาพร้อมกับคำว่า ความโปร่งใส ความรับผิดชอบในหน้าที่ที่มีอยู่ ในอนาคตออฟฟิสขนาดจะเล็กลง พนักงานสามารถทำงานที่บ้านหรือสถานที่ต่างๆ ได้ โดยมีเครื่องมือสื่อสารโทรศัพท์รุ่นใหม่ทำหน้าที่ตรวจสอบลูกจ้างกำลังทำงานอยู่ที่ไหน
ไลฟ์สไตล์เปลี่ยนเทคโนโลยีเปลี่ยน เด็กรุ่นใหม่จะไม่เป็นผู้รับอย่างเดียว แต่จะเป็นผู้ส่งมากขึ้นและแสดงออกถึงความเป็นตัวตน ทักษะสำคัญขาดไม่ได้ คือเรื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่ใช่แค่พิมพ์หรือค้นหาข้อมูลเพียงอย่างเดียว เราจะทำอย่างไรให้เด็กมีทักษะในการจับประเด็นเป็น ฝึกวิเคราะห์สังเคราะห์เป็น รู้จักแยกย่อยเชื่อข้อมูลชุดไหนน่าเชื่อถือหรือกำลังหลอกนำพาเตลิดไปสู่อบายมุข
และนอกจากคอมพิวเตอร์ “ภาษา” วันนี้ก็เปลี่ยน รศ. ดร.ปาริชาต แนะว่า อย่าให้เด็กฝึกได้เฉพาะภาษาอังกฤษเท่านั้น การพูดให้ได้หลายภาษาจะทำให้ได้เปรียบ ขณะที่สื่อมวลชน ทั้งละคร ภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ พิธีกร จะเป็นแม่แบบอาชีพที่เด็กสามารถรับรู้ได้ ตัวชี้อาชีพในอนาคต รวมทั้งนโยบายของรัฐสามารถบอกได้ว่าประเด็นหลักของสังคมกำลังเน้นอะไร ซึ่งจะมีผลต่อการเลือกอาชีพ เช่นกัน
จากประสบการณ์นักสื่อสาร ยังพบว่า เด็กสมัยใหม่จะไม่ชอบทำงานประจำ ทำงานไประยะ 5-10 ปี เมื่อเริ่มอยู่ตัวเขาจะออกมารับงานอิสระมากขึ้น “เราจะได้ยินนักวิชาการอิสระ นักวิจัยอิสระ ที่ปรึกษาอิสระ ต่อไปก็จะมีนักข่าวอิสระ และเป็นนิมิตรหมายที่ดีคนรุ่นใหม่เริ่มห่วงใยสังคมมากขึ้น เด็กไม่ได้โตมากับความรู้สึกกระหายอยากทำงานหนัก หรือคิดว่า เงินคือพระเจ้าอย่างเดียวแล้ว”
นอกจากเรื่องสิ่งแวดล้อมกระแสที่กำลังมาแรง Slow Life หรือกระแสเนิบช้า ในสหรัฐอเมริกา ยุโรปเกิดขึ้นแล้ว คือ การมีชีวิตที่ห่วงใยสิ่งแวดล้อมปฏิเสธสารเคมี พยายามใช้ชีวิตการกินอาหารกลมกลืนกับธรรมชาติ อาชีพสมัยใหม่จะเปลี่ยนมาตอบรับกระแสด้านนี้กันมากขึ้น
ซีอีโอฝากคาถา 6P สำหรับเด็กยุคใหม่
สำหรับองค์กรที่สนับสนุนการศึกษาของเด็กและเยาวชนไทย ทำโครงการส่งเสริมความสามารถพิเศษภาคฤดูร้อน (แบรนด์ซัมเมอร์แคมป์) ตลอดระยะเวลา 21 ปี ดร.ลักขณา ลีละยุทธโยธิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เซเรบอส (ประเทศไทย) จำกัด เล่าให้เห็นความเปลี่ยนแปลงการเลือกเรียนในรั้วมหาวิทยาลัย ว่า ช่วงแรกจะเห็นเด็กอยากจะเข้าเรียนแพทยศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ อักษรศาสตร์ พอมาอีกยุคเด็กจะไปเรียน วิทยาศาสตร์การอาหาร นิเทศศาสตร์ ล่าสุดแนวโน้มการเรียนต่อของเด็กเลือกเรียนนิติศาสตร์กับบัญชี เป็นต้น
ในฐานะซีอีโอหญิงที่ต้องรับเด็กที่จบจากทุกสาขา ประสบการณ์ทำให้พบว่าบางครั้งเด็กไม่ได้จบสายตรงก็สามารถทำงานในเรื่องนั้นได้ดีด้วยบุคลิกที่เข้ากับงาน พร้อมฝากคาถา 6 P สำหรับเด็กยุคใหม่ ไว้ 1.Positive Thinking มองโลกในแง่ดี เข้ากับคนง่าย 2.Peaceful Mind ต้องเป็นคนที่มีจิตใจมั่นคง 3.Patient ต้องอดทน อดทนกับคน อดทนกับงาน อดทนกับสิ่งปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น 4.Punctual ต้องตรงต่อเวลา 5.Polite ต้องสุภาพกับคนในการทำงาน และสุดท้าย 6.Professional รู้ลึกกับงาน เรียนรู้และใฝ่หาความรู้ตลอดเวลา