- Home
- Thaireform
- สารคดีเชิงข่าว
- ติดอาวุธทางปัญญา นำ ‘เศรษฐกิจพอเพียง’ สู่รั้วโรงเรียน
แจ้งให้ทราบ
Current Item Layout Template is 'default-thaireform' does not exist
- Please correct this in the URL or in Content Type configuration.
- Using Template Layout: 'default'
ติดอาวุธทางปัญญา นำ ‘เศรษฐกิจพอเพียง’ สู่รั้วโรงเรียน
“ช่วงแรกคิดว่าเศรษฐกิจพอเพียง คือการประหยัด การออม และเกี่ยวข้องกับการเกษตรเท่านั้น จนสุดท้ายเข้าใจว่า ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คือ หลักคิด จึงรู้ว่าใช้ได้กับทุกเรื่อง” นางกัญพิมา เชื่อมชิต ผู้อำนวยการโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย จ.เพชรบุรี เล่าถึงที่มาของการริเริ่มนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาสร้างกิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ ภายในโรงเรียน
เมื่อผู้บริหารรู้ เข้าใจอย่างท่องแท้ วิเคราะห์ได้ แล้วปฏิบัติตนเป็นแบบอย่าง ครูกัญพิมา บอกว่า จากนั้นจึงเริ่มสร้างความเข้าใจกับครูแกนนำ ให้ร่วมกันขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ก่อนขยายไปสู่นักเรียน
สำหรับหลักการบูรณาการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ นั้น ครูประทีป เมืองงาม หัวหน้าฝ่ายวิชาการและเลขานุการผู้ดูแลโครงการบูรณาการเรียนการสอนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิสยามกัมมาจล อธิบายวิธีการว่า ขั้นตอนแรกอบรมครูให้เข้าใจในแนวคิดและนำหลักคิดนี้ไปใช้ในกระบวนการสอนทุกวิชา สอดแทรกแนวคิดลงไปในวิธีการเรียนรู้ของเด็ก ที่ไม่ใช่การยัดเยียดความคิดลงในเนื้อหาการเรียน
“เช่น การสอนวิชาคหกรรมก็แทรกวิธีคิดในการใช้ทรัพยากรลงไปว่าจะใช้อย่างไรให้คุ้มค่าและได้สารอาหารสูงสุด เมื่อมีวัตถุดิบแบบนี้จำนวนเท่านี้ หรือวิชาคณิตศาสตร์ โดยใช้การพับกระดาษทรงเรขาคณิตที่ครูให้โจทย์ไป กระดาษแบบนี้จำนวนเท่านี้ ให้เด็กคิดวิเคราะห์บริหารจัดการออกมาตามจำนวนความต้องที่ครูกำหนด หรือการจัดกิจกรรมเปิดตลาดในโรงเรียนกำหนดโจทย์ให้ว่า มีเงิน 200 บาทจะทำอย่างไรให้เลี้ยงอาหารคนให้มากที่สุดและได้สารอาหารสูงสุด เป็นต้น รวมทั้งการจัดค่ายอบรมความรู้ ซึ่งวิธีคิดของเด็กจะถูกเสนอเหตุผลและวิธีคิดด้วย วิธีการสอนแบบนี้ยืดหยุ่นได้ เพราะสอนโดยนำหลักคิดมาใช้ เน้นให้ลงมือปฏิบัติจริง แล้วจึงย้อนกลับมาวิเคราะห์ว่า ใช้แนวคิดใดบ้างให้มีความเข้าใจในหลัก 3 คือ พอประมาณ มีเหตุผล และมีภูมิคุ้มกันในการคิด”
ครูประทีป แอบบอกเคล็ดลับว่า วิธีนี้จะทำให้เด็กเข้าใจง่าย ซึมซับคิดเองเป็น และต่อยอดเองได้ ส่งผลให้เด็กมีความพร้อมเป็นแกนนำไปถ่ายทอดความรู้ต่อผู้ปกครอง ชุมชน และสังคม ต่อไป
วันนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครหากเข้ามาศึกษาดูงาน โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย ก็จะได้ฟังเรื่องเล่าจากนักเรียน ครู ซึ่งได้ลงมือทำกิจกรรมต่างๆ จนสัมผัสได้ว่า คนเล่าเรื่องนั้นมีความรู้ความเข้าอย่างถูกต้องเกี่ยวกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นักเรียนทุกคนมีความเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงเป็นอย่างดีสามารถคิดวิเคราะห์และสังเคราะห์ตามหลักทฤษฎีได้ ครูประทีป มองว่า แม้การนำไปปฏิบัติจริงของเด็กอาจมีเพียงจำนวนครึ่งหนึ่ง แต่ผลที่น่าพอใจ คือ การสร้างให้เด็กคิดเป็น สามารถเป็นแกนนำถ่ายทอดความรู้สู่ผู้ปกครองและชุมชน
นี่แค่หนึ่งตัวอย่างการนำหลักคิด “พอเพียง” มาปรับใช้ผ่านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จุดเริ่มต้นอยู่ที่ “ครู” ทำให้ โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย กลายเป็นต้นแบบการเรียนรู้แบบเศรษฐกิจพอเพียงในพื้นที่ จ.เพชรบุรีและเป็นต้นแบบโรงเรียนดีเด่นของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สามารถบอกเล่าต่อๆกันได้อย่างน่าภาคภูมิใจ
รู้จักการออม ภูมิคุ้มกันเด็ก-เยาวชนไทย
หลักคิด “พอเพียง”สู่สถานศึกษา คนส่วนใหญ่ยังเห็นว่า โรงเรียนที่จะจัดการเรียนการสอนตามแนวทางการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้นั้น ต้องเป็นโรงเรียนที่ยากจน อยู่ห่างไกล ทุรกันดาร และทำการเกษตรเท่านั้น แท้จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ ในเมือง หรือชนบท หลักคิดนี้สามารถเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ได้
โรงเรียนปรินส์รอแยลส์วิทยาลัย โรงเรียนเอกชนขนาดใหญ่ในตัวเมืองเชียงใหม่ มีนักเรียนกว่า 5,000 คน สนใจนำหลักคิดพอเพียงมาจัดการเรียนการสอน เพื่อให้รักเรียนอยู่อย่างพอเพียง แต่ด้วยบริบทของพื้นที่โรงเรียน ไม่สามารถทำเรื่องปศุสัตว์หรือเลี้ยงสัตว์ได้
ประกอบกับเมื่อลงมือสำรวจพบนักเรียนต่างได้รับเงินค่าขนมค่อนข้างมาก บางคนใช้ไปจนหมด บางคนเหลือบ้างเล็กน้อย จึงเกิดคำถามว่า ทำอย่างไรให้เด็กรู้จักใช้จ่าย รู้ค่าของเงิน มีการวางแผนสำหรับการออม
อาจารย์ศิริรัตน์ งานประกอบ เล่าว่า จึงคิดวิถีชีวิตพอเพียง ใช้วิธีการจัดการการเงินส่วนบุคคลให้กับเด็กๆ ปลูกฝังการใช้เงินเด็กระดับชั้นอนุบาล ประถมศึกษา ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในชื่อโครงการโรงเรียนต้นแบบ เงินทองของมีค่า มีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้การสนับสนุน ดำเนินการมา 5 ปี เด็กมีความตระหนักใช้จ่ายเงินเป็น รู้จักอดออม และหารายได้ด้วยตัวเอง
“การรู้จักการออม คือการสร้างภูมิคุ้มกันในอนาคตให้เด็กได้เป็นอย่างดี เพราะเด็กยุคใหม่เป็นแต่ใช้จ่ายไม่รู้จักเก็บออม อีกทั้งยังมีสื่อและสิ่งแวดล้อมจูงใจให้เด็กไขว่เขวได้ง่าย ไม่ประหยัด ใช้จ่ายอย่างไม่ระมัดระวัง”
อาจารย์ศิริรัตน์ ถ่ายทอดให้เห็นว่า ทุกๆ เช้าเมื่อเด็กเล็กมาถึงโรงเรียน จะออมก่อนใช้จ่ายประจำวัน สำหรับเด็กโตขึ้นมาหน่อยให้สมัครใจออม แบ่งเงินเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งนำมาออม และส่วนหนึ่งนำไปลงทุนให้เงินงอกเงยขึ้น ได้ดอกเบี้ยไปฝากธนาคารอีก
โรงเรียนต้นแบบ เงินทองของมีค่า ที่เกิดขึ้น ทำให้เด็กรู้จักใช้รู้จักหา รู้จักวางแผนการเงินในอนาคต ได้สัมผัสคุณค่าของคำว่าพอเพียงเห็นผลเป็นรูปธรรมผ่านหลากหลายกิจกรรมนับตั้งแต่กิจกรรม “จ้างฮิ จ้างหา ปายหน้าสบาย” “1 คน 1 อาชีพ” “ธนาคารขวด” พลังตรงนี้กลายเป็นแรงผลักให้โรงเรียนปรินส์รอแยลส์วิทยาลัย ขับเคลื่อนต่อ ขยายเครือข่ายโรงเรียนพอเพียงไปอีก 10 โรงเรียนแล้ว ทั้งรอบในและรอบนอกเมืองเชียงใหม่
ผจก.สหกรณ์ตัวจิ๋วแห่งร.ร.วัดลาดปลาเค้า
สถานศึกษาในเมืองหลวง “โรงเรียนวัดลาดปลาเค้า” กรุงเทพมหานคร กับกิจกรรมสหกรณ์ออมทรัพย์ มีธนาคารเกียรตินาคินให้การสนับสนุน ครูได้ชักชวนให้นักเรียนเข้ามามีส่วนร่วมทำงานกับสหกรณ์ เพื่อฝึกนิสัยซื่อสัตย์ รักการออม รู้พอเพียง รู้จักการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม
ผู้จัดการตัวจิ๋ว “น้องพลอย” ด.ญ.อัญมณี คงน้อย วัย 11 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ตอบอย่างฉะฉานเมื่อถูกถามถึงหน้าที่การทำงานในสหกรณ์ รวมทั้งสิ่งที่ได้รับจากกิจกรรมนี้ และไม่ลืมโชว์ตัวเลขเงินที่ตั้งใจเก็บออมทุกวันวันละ 20 บาท จากที่ผู้ปกครองให้มาโรงเรียนวันละ 40 บาท เป็นเวลากว่า 3 ปี ตั้งแต่อยู่ชั้นป.2 วันนี้เด็กน้อยมีเงินเก็บแล้วกว่า 25,000 บาท ไม่เพียงเท่านี้ ยังเป็นฟันเฟืองถ่ายทอดหลักคิดไปสู่เครือญาติ ผู้ปกครองให้อยู่อย่างพอเพียงอีกด้วย
ครูนิภาพร เหล่าอินทร์ เสริมว่า การดำเนินการของสหกรณ์เป็นไปตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การมาเรียนรู้ตรงนี้ของนักเรียน ได้สร้างอุปนิสัยไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย จนบางคนสามารถเก็บหอมรอมริบ นำเงินไปช่วยเหลือครอบครัวได้จากดอกผลของการออมนี้เอง
ผู้ใหญ่ใจดีขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง
มีกลุ่มผู้ใหญ่ใจดีที่ลงมือทำกิจกรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงสู่เด็กและเยาวชนในสถานศึกษา มาตั้งแต่ปี 2548 ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ประธานกรรมการมูลนิธิสยามกัมมาจล เล่าว่า ผู้นำคือ กระทรวงศึกษาธิการ และผู้มาร่วมสนับสนุน ได้ช่วยกันดำเนินการอย่างระมัดระวัง เหมือนค่อยๆ ปีนภูเขาสูง จากโรงเรียนแค่ 18 แห่ง 9 ภาค จนถึงปัจจุบันมีโรงเรียนสมัครเข้ามาในกระบวนการนี้ 1,300 แห่งครอบคลุมทุกจังหวัดแล้ว
“ตั้งเป้าไว้ว่า ในปี 2554 ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเจริญมีพระชนมายุ 84 พรรษา สถานศึกษาในประเทศไทยกว่า 4 หมื่นแห่งจะสามารถน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเข้าไปจัดการเรียนการสอนได้อย่างเป็นผลสำเร็จ”
ขณะที่นางปิยาภรณ์ มัณฑะจิตร ผู้จัดการมูลนิธิสยามกัมมาจล ขยายความเพื่อให้เห็นภาพ การขับเคลื่อนสนับสนุนแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงสู่สถานศึกษา ที่เปรียบเหมือนเข้าไปมองหาเพชรที่มีอยู่แล้ว เข้าไปค้นหาตัวจริง ทั้งผู้บริหาร ผู้อำนวยการที่มีบทบาทสนับสนุน มองหาคุณครูที่มีวิธีการออกแบบการเรียนการสอน นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ จนพบว่าโรงเรียนหลายแห่งทำงานบนความแตกต่างแต่ไม่แตกแยก มีการสนับสนุนให้เด็กคิดเป็น นำหลักการนี้ไปมองในสิ่งต่างๆ นี่คือผลงานโรงเรียนเศรษฐกิจพอเพียงผลิตเด็กที่คิดวิเคราะห์เป็นออกมาสู่สังคม
เศรษฐกิจพอเพียงเป็นเสมือนรากฐานของชีวิต
อีกแรงที่ผลักดันให้เกิดห้องเรียนพอเพียง โรงเรียนเพียงพอ นายนิวัตร นาคะเวช รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ บอกอย่างภาคภูมิใจว่า เป็นความโชคดีของประเทศไทยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจพอเพียง ที่ว่าเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเสมือนรากฐานของชีวิต เป็นเสมือนรากฐานของความมั่นคงของแผ่นดิน และเปรียบเสมือนเสาเข็มที่รองรับตัวบ้าน เพราะปัจจุบันนี้ถ้าเราสอนแต่วิชาหนังสือ วิชาหนังสือก็คงจะเป็นเสาเข็มไม่ได้ จะเป็นวิถีชีวิตไม่ได้ และสร้างความมั่นคงไม่ได้
“หลักปรัชญานี้ไม่ใช่วิชาหนังสือ แต่เป็นหลักวิชา จะสำเร็จได้ต้องทำทุกโรงเรียน และหากภาคเอกชนทั้งหลายมีส่วนร่วมส่งเสริมโรงเรียน โดยเฉพาะโรงเรียนต้นแบบให้เขาได้ดำเนินการไม่ว่าจะเป็นสื่อ เอกสาร หรือทุนทรัพย์หรืออะไรบางส่วนที่จะทำเป็นกรอบให้เด็กสามารถลงมือปฏิบัติได้ เป็นกิจกรรมที่สามารถจับต้องได้ ถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่จะขยายผลไปสู่ระบบโรงเรียนได้อย่างรวดเร็ว”รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าว
ในสภาวะที่ภาคสังคมทุกส่วนมีความหวังให้เด็กไทยทุกคนเป็นคนที่มีคุณภาพ การจัดการศึกษา การนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่สถานศึกษา เป็นเรื่องที่จำเป็น โดยเฉพาะในแผนการศึกษาแห่งชาติ ฉบับปรับปรุง (2552-2559) มีการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาใส่ไว้เพื่อให้ทุกฝ่ายได้มีเป้าหมายร่วมกัน นำในการนำพาเด็กและเยาวชนไทยเติบโตพัฒนาขึ้นมาเป็นคนเก่ง คนดี ที่คิดเป็นอย่างสร้างสรรค์ มีจิตวิญญาณ จิตสำนึก สุดท้ายมีวิธีคิดแบบพอเพียง
ไม่เพียงเท่านี้ ในรัฐธรรมนูญปี 2550 ก็ได้มีมาตรา 78 และมาตรา 83 ที่กำหนดให้รัฐบาลต้องบริหารราชการแผ่นดินเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และต้องส่งเสริมการดำเนินการตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หรือแม้กระทั่งแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 9 และ 10 ได้ระบุให้มีการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางการพัฒนาประเทศ เพื่อให้การพัฒนาประเทศก้าวไปพร้อมกับความสมดุล คนไทยอยู่อย่าง “พอเพียง”