- Home
- Thaireform
- สารคดีเชิงข่าว
- สัมผัส “ครูเฉพาะทาง” ผลผลิต “รังสิตโมเดล”
แจ้งให้ทราบ
Current Item Layout Template is 'default-thaireform' does not exist
- Please correct this in the URL or in Content Type configuration.
- Using Template Layout: 'default'
สัมผัส “ครูเฉพาะทาง” ผลผลิต “รังสิตโมเดล”
คนเก่งไม่มาเป็นครู-คนเป็นครูไม่เก่ง
ปัญหานี้ยังคงเป็นเรื่องที่คนในแวดวงการศึกษาต้องช่วยกัน แม้จะมีความพยายามหาทางออกกันมานานแล้วล่าสุดในการปฏิรูปการศึกษาสู่ทศวรรษที่สอง(พ.ศ.2552-2561)กระทรวงศึกษาธิการก็กำลังขับเคี่ยวโครงการผลิตครูพันธุ์ใหม่อย่างเต็มกำลัง เพื่อให้ได้ครูที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะศาสตร์มาสอนในชั้นเรียน
ครูพันธุ์ใหม่ที่ขณะนี้เกิดขึ้นแล้วที่โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยรังสิต
“ครูพันธุ์ใหม่รังสิต” ต้องเก่งวิชาการ
คุณครูชัชวาลย์ วงศ์ราษฎร์ หนึ่งในความสำเร็จของการสร้างครูพันธุ์ใหม่แบบฉบับรังสิต สู่ครูต้นแบบวิชาคอมพิวเตอร์ มีเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทองของรุ่นปี 2549 (เกรดเฉลี่ย 3.77) สาขาวิชาคณิตศาสตร์และคอมพิวเตอร์ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยรังสิตการันตีความรู้ทางวิชาการ ปัจจุบันครูชัชวาลย์สอนวิชาคอมพิวเตอร์ระดับป.1-6 โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยรังสิต
“การสอนหนังสือนักเรียนทุกระดับชั้นในปัจจุบัน ครูต้องมีความรู้ในวิชาที่สอนอย่างลึกซึ้ง ต้องมีความรู้ในวิชานั้นๆ เป็นพื้นฐานจึงจะสอนได้อย่างดี นักเรียนสมัยนี้กล้าถาม กล้าพูด มีความใคร่รู้มากกว่าเดิม ครูจะต้องสนองตอบต่อความใคร่รู้ของนักเรียนให้ได้”ครูชัชวาลย้ำถึงคุณสมบัติครูที่ควรจะมีในปัจจุบัน
ย้อนหลังไป 4 ปี ครูชัชวาลย์ เล่าให้ฟังว่า ได้ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการรังสิตโมเดลของทางมหาวิทยาลัยรังสิตเพื่อศึกษาต่อปริญญาโทด้านการสอนเพราะเล็งเห็นความสำคัญของการศึกษาและคุณภาพการศึกษา นับว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้ศึกษาต่อและได้ถ่ายทอดสอนในสิ่งชอบแก่นักเรียนด้วย
เมื่อสอนนักเรียนมาได้ระยะเวลาหนึ่ง คุณครูชัชวาล เรียนรู้ว่า การสร้างครูที่จบปริญญาโทในสาขาเฉพาะต่างๆ มาสอนเด็กอาจจะเหมาะสมมากกว่าในสภาพการณ์ปัจจุบัน และเชื่อว่าการผลิตครูที่มีพื้นฐานความรู้วิชาการที่แน่น จะสามารถตอบสนองต่อการเรียนรู้ของเด็กได้มากกว่าครูทั่วไป ที่อาจมีข้อจำกัดในฐานความรู้เฉพาะด้าน ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่าครูทั่วไปแบบเดิมมีความ ถนัดในการสอนหรือจิตวิทยาที่สูงกว่า ซึ่งเรื่องนี้จะต้องเติมส่วนที่ขาดให้ครูพันธุ์ใหม่กันต่อไป
เลขไม่ยากหากสอนด้วยความรัก
สำหรับสาขาที่ขาดแคลนครูนั้น ก็มีอีกความสำเร็จของการผลิตครูสายพันธุ์รังสิตสู่ต้นแบบผู้สอนคณิตศาสตร์ที่มีพื้นฐานรักคณิตศาสตร์ อย่างคุณครูปวีณา สิทธิโชคธรรม ครูสาววัย 26 ปี ผู้จบการศึกษาเกียรตินิยมอันดับ 1 สาขาวิชาคณิตศาสตร์และคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ปัจจุบันสอนคณิตศาสตร์ม.1 และประจำชั้นม.1บี โรงเรียนสาธิตฯ ซึ่งครูปวีณาได้เล่าย้อนถึงการตัดสินใจเรียนหลักสูตรนี้ว่า สอดคล้องกับความต้องการส่วนตัวชอบและรักในคณิตศาสตร์จึงเข้าใจวิชานี้เป็นพื้นฐานที่ดีอยู่บ้างแล้ว จึงไม่ยากนักที่จะถ่ายทอดและสื่อสารสอนเด็กนักเรียนในวิชานี้
ครูคณิตศาสตร์ บอกเทคนิคการสอนว่า ถ้าเด็กไม่เข้าใจ ไม่ชอบเลข วิธีการสอนก็คือต้องทำให้เด็กเข้าใจ การสอนหน้าชั้นจะใช้วิธีแบบกลางๆ ส่วนเด็กอ่อน จะใช้วิธีเฉพาะปรับเทคนิครายคนไป เมื่อเราเคยผ่านการเรียนคณิตศาสตร์มาก่อน ทำให้รู้ว่าเด็กไม่ชอบหรือตกเลขเพราะอะไร ก็อย่าใช้วิธีนั้นต้องอาศัยพื้นฐานส่วนตัวที่เราเคยผ่านมาด้วย ”
นอกจากนี้ครูปวีณา ยังมีมุมมองต่อการผลิตครูที่มีคุณภาพเพื่อการปฏิรูปการศึกษาในแบบฉบับมหาวิทยาลัยรังสิตอีกว่า “คุณภาพการศึกษาไทยจะพัฒนาขึ้นอย่างแน่นอน ถ้าคัดเลือกคนที่มีความรู้จริงๆ มาเรียนเสริมด้านการสอนต่อยอดเพิ่มขึ้นแล้วนำไปสอนเด็กนักเรียนของเรา เนื่องจากผู้ที่เรียนจบปริญญาตรีแล้วมาต่อปริญญาโทด้านนี้นั้นต้องมีความตั้งใจจริงอยู่แล้วที่ต้องการจะเป็นครูจริงๆ ไม่ใช่ไม่รู้ว่าจะเรียนอะไรก็มาเรียนเป็นครู ความเป็นครูนั้นต้องใช้ใจสอนไม่ใช่การสอนเพราะหน้าที่”
“เก่งวิชาชีพ” อีกคุณสมบัติที่ต้องมี
คุณครูภัทรา จิโรจน์จะกูล ผู้จบเกียรตินิยมด้านภาษาไทยอีกเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันเป็นครูสอนวิชาสังคม การงาน ภาษาไทยชั้นป.2 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรังสิต บอกว่า โครงการผลิตครูของรังสิตโมเดลนี้ไม่ได้เพียงแต่สร้างให้มาสอนหนังสืออย่างเดียว ก่อนจะมาสอนได้นั้นต้องผ่านงานด้านหลักสูตร เจ้าหน้าที่วิชาการ ผู้ประสานงาน ระบบต่างๆ ในองค์ประกอบของสถาบันการศึกษา ต้องประสานงานสำนักงานอื่นอีกด้วย ทั้งด้านกิจกรรมต่างๆ ไม่ใช่เพียงว่ารับทุนแล้วมาเรียนเป็นครูเท่านั้น ซึ่งเหล่านี้ล้วนเป็นองค์ประกอบของการศึกษาทั้งสิ้น
เก่งวิชาการ-วิชาชีพ ผลิตผล “รังสิตโมเดล”
ครูต้นแบบทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลิตผลจาก “รังสิตโมเดล”โครงการผลิตครูพันธุ์ใหม่ในแบบฉบับของมหาวิทยาลัยรังสิต โมเดลนี้สร้างขึ้นเพื่อมุ่งผลิตครูที่มีคุณภาพทั้งวิชาการและวิชาชีพ โดยโครงการนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2547 จากการเปิดหลักสูตรปริญญาโทสาขาหลักสูตรและการสอน
ปัจจุบันมีครูสายพันธุ์ใหม่สายพันธุ์รังสิตนี้แล้ว 6 คนที่บรรจุสอนในโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรังสิตตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจนถึงมัธยมศึกษา ซึ่งเป็นการสอนแบบทวิภาษาโดยครูพันธุ์ใหม่สอนในภาคภาษาไทย โดยเป็นครูที่จบเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง 5 คน ได้แก่ ครูชัชวาล วงศ์ราษฎร์ (เกียรตินิยมเหรียญทอง) กับครูปวีณา สิทธิโชคธรรม จากสาขาคณิตศาสตร์และคอมพิวเตอร์, ครูมยุรฉัตร หมัดวาหลี กับครูกรุณา มีทรัพย์ จากสาขาวิชาภาษาไทย คณะศิลปะศาสตร์,ส่วนครูสำนวน คุณพล จบด้านไอที และเกียรตินิยมอันดับสอง คือ ครูภัทรา จิโรจน์จะกูล
ดร.มานิตย์ บุญประเสริฐ อดีตคณบดีคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ผู้ร่วมขับเคลื่อนในช่วงก่อตั้ง “รังสิตโมเดล” ปัจจุบันเป็นอาจารย์ประจำคณะศึกษาศาสตร์ฯ อธิบายที่มาของโครงการรังสิตโมเดลว่า จากแนวโน้มช่วง 20 ที่ผ่านมานั้นที่คนเก่งๆ มักจะเลือกประกอบอาชีพอื่นซึ่งไม่ใช่อาชีพครู ทำให้คนที่เข้ามาเป็นครูในช่วงนั้นจึงไม่ใช่ตัวเลือกหลักที่มีความรู้ด้านวิชาการที่ควรจะเป็น
จากยุทธศาสตร์หนึ่งในการปฏิรูปการศึกษาในปี 2542 ขณะนั้นคือ การปฏิรูปครู ทางมหาวิทยาลัยได้เห็นความสำคัญของคุณภาพการศึกษาที่อยากเห็นคน ที่มีความรู้เก่งในพื้นฐานวิชาการมาเป็นครูซึ่งเป็นกลไกสำคัญของคุณภาพการศึกษา จึงเกิดคณะศึกษาศาสตร์และโรงเรียนสาธิตของมหาวิทยาลัยขึ้นในปี 2545 เพื่อรองรับกระบวนการที่จะผลิตครูพันธุ์ใหม่
อดีตคณบดีคณะศึกษาศาสตร์ เล่าอีกว่า ในปี 2547 ได้เกิดกระบวนการผลิตครูพันธุ์ใหม่ขึ้นโดยเปิดหลักสูตรการสอนทวิภาษาขึ้นก่อน ตามด้วยในปี 2548 เกิดหลักสูตรทางการสอนขึ้นโดยตรง ที่มุ่งผลิตครูสายพันธุ์รังสิตที่เก่งทั้งวิชาการและวิชาชีพขึ้นโดยตรง โดยมีเป้าหมายให้นักศึกษาที่เรียนเก่งในระดับปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยรังสิตได้ต่อยอดศึกษาปริญญาโทด้านการสอนจบมาเป็นภายใน 5 ปี และว่า
“กระทั่งปี 2548 เริ่มทดลองผลิตครูต้นแบบจากนักศึกษาเกียรตินิยมที่จบจากมหาวิทยาลัยรังสิตในสาขาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี โดยตั้งเป้าในการผลิตครูพันธุ์ใหม่แบบฉบับของรังสิตด้วยการประกาศรับสมัคร คัดเลือกและสัมภาษณ์นักศึกษา15 คน จนได้ผู้เรียนรับทุนเรียน 7 คน และสุดท้ายทั้งสิ้นเหลือเพียง 6 คน ซึ่งเป็นนักเรียนเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง 5 คน
ขณะนี้ได้เป็นครูพันธุ์ใหม่ของรังสิตที่บรรจุสอนจริงแล้วตั้งแต่ปี 2550 ซึ่งเป็นผลผลิตรุ่นแรกจากรังสิตโมเดล โดยครูทั้งหมดจะผ่านการเรียนสายวิทยานิพนธ์ ได้รับทุนศึกษาต่อและประกันงานให้เมื่อจบปริญญาโทการสอนแล้ว คือบรรจุสอนนักเรียนในโรงเรียนสาธิตฯ ได้ทันที ซึ่งเชื่อว่าโมเดลนี้จะช่วยปฏิรูปคุณภาพการศึกษาและครูไทยได้อย่างแท้จริง”
ถอดโครงสร้างครูพันธุ์ใหม่
รศ.ดร.รุจา ผลสวัสดิ์ คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้เปิดหลักสูตรการสอนระดับปริญญาโทเพื่อสร้างครูพันธุ์ใหม่ ให้เห็นเป็นข้อๆ ว่า หลักการเริ่มจาก “1.การคัดเลือกคนเก่งระดับหัวกะทิที่ได้เกียรตินิยมปริญญาตรีในสาขาวิชาต่างๆ แล้วศึกษาต่อในหลักสูตรครูอีก 2 ปีเพื่อรับปริญญาโทด้านการศึกษา โดยเรียกว่า “หลักสูตร 4+2 = 5” 2.ต้องมีการสร้างแรงจูงใจให้คนเก่งมาเรียนเป็นครู เมื่อจบปริญญาโทด้านการศึกษามาสอนนั้น ครูสายพันธุ์รังสิตจะได้เงินเดือน 17,000 บาทสูงกว่าครูทั่วไปในระดับนี้ที่ได้เพียง 12,000 บาท และระหว่างเรียนก็ได้รับทุนศึกษา
3.ครูต้องมีความก้าวหน้าในวิชาชีพ ต้องเชี่ยวชาญในสิ่งที่ตนเองสอนตลอดชีวิตโดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนสายงาน เช่น เป็นครูสอนคณิตศาสตร์ม.1 ตลอดชีวิตและได้เงินเดือนระดับสูงขึ้นตามลำดับจนเท่าขั้นเงินเดือนระดับปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และต้องไม่บังคับให้เกษียณอายุที่ 60 ปี ต้องสามารถสอนได้ถึง 70 ปี และสอนต่อได้อีก 5 ปี ซึ่งกรณีสามารถสอนได้นี้เอง ทำให้ครูไม่ต้องแย่งกันไปเป็นผู้บริหาร
4.ต้องให้โอกาสส่งเสริมการสร้างวิทยฐานะอย่างไม่หยุดยั้ง ครูพันธุ์ใหม่ต้องมีชีวิตที่ดี ไม่มีหนี้สิน มีเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตที่ดี 5.ปรับวัฒนธรรมการสอนของครูไม่ใช้การท่องจำเปลี่ยนเป็นสร้างกระบวนการคิด วิเคราะห์ โดยใช้ 4 หลักการแห่งนวัตกรรมการสอน และ6.ต้องพัฒนาวิชาชีพครูให้เป็นวิชาชีพชั้นสูง ให้มีความหลากหลายสอดคล้องกับความต้องการครู เช่น ส่งศึกษาต่างประเทศชาติ ดูงานวิจัย ทำการวิจัย ฝึกงานด้านบริหาร อบรมด้านต่างๆ ที่สนใจ เป็นต้น”
สำหรับ“หลักสูตร 4+2 = 5” หลายคนอาจสงสัยว่าหน้าตาเป็นอย่างไร รศ.ดร.รุจา อธิบายต่อว่า เป็นการคัดเลือกนักเรียนที่เก่งมาเรียนในช่วงปีที่ 4 ในระดับปริญญาตรีร่วมกับปีแรกของปริญญาโท ให้ 3 ปีแรกเรียนเฉพาะสายของปริญญาตรี ส่วนปีที่ 4 เรียนและวิจัยด้านการศึกษา เรียนความรู้หลักสูตรครูเพิ่มเรื่องการสอนไปด้วย และปีที่ 5 ให้ผู้เรียนไปเรียนฝึกสอนเหมือนครูทั่วไป จบวุฒิศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต ภายใน 5 ปี และว่า “โครงการนี้จึงทำให้ผู้เรียนที่จบออกไปเป็นครูจะมีทั้งความรู้ที่แน่นทั้งเนื้อหาวิชาการและวิธีการการเรียนการสอนหรือความเป็นวิชาชีพครูด้วย”
นอกจากพื้นฐานความรู้ที่อัดแน่นทั้งวิชาการและวิชาชีพแล้ว ครูสายพันธุ์นี้ยังต้องใช้วิธีการสอนที่เป็นนวัตกรรมอีกด้วย รศ.ดร.รุจา บอกว่า การสอนของครูเราจะมุ่งเน้นใช้นวัตกรรมการสอน 4 หลัก คือ
ต้องมุ่งให้เกิดการสอนที่เน้นกระบวนการหรือ Process-based Teaching Methodology จะเปิดโอกาสให้ครูได้สังเกตกระบวนการเรียนรู้ของนักเรียน และให้สามารถช่วยเหลือหรือมอบหมายกิจกรรมที่ท้าทายในการคิดเชิงวิเคราะห์อย่างเป็นระบบแก่นักเรียน ,การวิจัยในชั้นเรียนเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ Interactive Learning Activities, การจัดการความรู้ Authentic Assessment และการเลือกใช้สื่อไอซีทีประกอบการสอน ICT Literacy โดยระหว่างเรียนนั้นก็ให้ผู้เรียนทดลองสอนจริงในโรงเรียนประกอบกันอีกด้วย
สำหรับแผนในอนาคตของรังสิตโมเดลนั้น ล่าสุดดร.มานิตย์ บอกว่า ในปีนี้ “รังสิตโมเดล” กำลังแตกยอดอ่อน จะขยายเปิดรับสมัครผู้เรียนในสาขาต่างๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งได้ประกาศไปยังคณะศิลปศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแล้ว โดยเฉพาะครูด้านไอทีที่กำลังขาดแคลน อีกทั้งเปิดโอกาสให้สำหรับผู้ที่ประสงค์อยากจะพัฒนาวิชาชีพครู อยู่ในระบบอยู่แล้วสามารถเข้ามาศึกษาต่อเพื่อพัฒนาตนเองในแง่ความก้าวหน้าของการเรียนการสอน โดยครูที่ผ่านมาในโครงการนี้ก็มีโอกาสที่ก้าวหน้าต่อไปเพื่อเป็นครูของครู (Master Teacher) ได้ด้วย
วันนี้แม้ “ครูพันธุ์ใหม่สายพันธุ์รังสิต” รุ่นแรก จะเป็นฟันเฟืองเพียงกลุ่มเล็กๆ 6 คน แต่คนกลุ่มนี้น่าจะตอบโจทย์การปฏิรูปคุณภาพการศึกษาของชาติที่กำลังขับเคลื่อนอยู่ในขณะนี้ได้เป็นอย่างดี