- Home
- Thaireform
- สารคดีเชิงข่าว
- ยกเครื่อง “ครูพันธุ์ใหม่” (อีกแล้ว) ผุดหลักสูตร 6 ปี ปั้นแม่พิมพ์วุฒิ “ป.โท”
แจ้งให้ทราบ
Current Item Layout Template is 'default-thaireform' does not exist
- Please correct this in the URL or in Content Type configuration.
- Using Template Layout: 'default'
ยกเครื่อง “ครูพันธุ์ใหม่” (อีกแล้ว) ผุดหลักสูตร 6 ปี ปั้นแม่พิมพ์วุฒิ “ป.โท”
หลังจากมีการถกเถียงกันเป็นระยะๆ เกี่ยวกับการผลิต "ครูพันธุ์ใหม่" ว่าควรจะยังเป็นหลักสูตร 5 ปีเหมือนเดิม หรือปรับเป็นหลักสูตรปริญญาโท 6 ปี
ล่าสุด "นายไชยยศ จิรเมธากร" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการผลิตครูพันธุ์ใหม่ ได้ยืนยันต่อที่ประชุมคณะกรรมการผลิตครูพันธุ์ใหม่ ว่าการผลิตครูพันธุ์ใหม่จะต้องผลิตในระดับปริญญาโท หลักสูตร 6 ปี โดยจะเปิดรับนักศึกษาในปีการศึกษา 2554 เป็นปีแรก ส่วนหลักสูตรครู 5 ปี จะรับนักศึกษาในปีการศึกษา 2554 เป็นปีสุดท้าย แต่จะเปิดช่องให้นักศึกษาที่เข้าเรียนในหลักสูตรครู 5 ปี ในปีการศึกษา 2554 โอนย้ายเข้าเรียนในหลักสูตรครู 6 ปีได้
ส่วนหลักสูตรผลิตครู 4 ปี และหลักสูตร 4+2 ปี ที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่จบจากสาขาอื่นเข้าเรียนต่อวิชาชีพครูนั้น ยังคงมีอยู่ต่อไป
ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการผลิตครูพันธุ์ใหม่ได้กำหนดคุณลักษณะของครูพันธุ์ใหม่ว่าจะต้องมีคุณลักษณะ 4 ประการ ได้แก่ ต้องผลิตครูที่เป็นนักวิจัย ครูที่เป็นนักสอนที่ดี ครูที่เป็นนักคิดวิเคราะห์ที่ดี และครูที่เป็นนักจิตวิทยา
ทั้งนี้ แนวคิดในการผลิตครูพันธุ์ใหม่ในระดับปริญญาโท หลักสูตร 6 ปีนั้น เกิดจาก "นายสมบัติ นพรัก" ประธานสภาคณบดีคณะครุศาสตร์/ ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย มองว่า ขณะนี้สถาบันการศึกษาที่ผลิตครูทั้งหลาย น่าจะต้องปรับวิธีการผลิตครูในระดับปริญญาโท 2 ปี แทนหลักสูตรประกาศนียบัตรทางการศึกษา หรือ ป.บัณฑิต ที่ถูกยกเลิก รวมทั้ง หลักสูตรปริญญาโทที่เรียนอยู่ในปัจจุบัน เพราะรวมเวลาเรียนหลักสูตรครุศาสตร์/ ศึกษาศาสตร์ ตั้งแต่ระดับปริญญาตรีจนถึงปริญญาโทที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน จะต้องใช้เวลาเรียนถึง 7 ปีครึ่ง
นอกจากนี้ เตรียมเสนอรัฐบาลให้พิจารณาปรับหลักสูตรผลิตครู 5 ปี เป็นหลักสูตร 5+1 ปี คือเรียนปริญญาตรีควบปริญญาโท ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนใช้เวลาเรียนจนจบปริญญาโทในระยะเวลาเพียง 6 ปี
ซึ่งแนวทางที่ประธานสภาคณบดีคณะครุศาสตร์/ ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย เสนอนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการผลิตครูพันธุ์ใหม่ซึ่งมีนายไชยยศ จิรเมธากร เป็นประธาน ออกมารับลูกแนวทางดังกล่าวโดยทันที เพราะมองว่าที่ผ่านมา มีปัญหาในการผลิตครูจำนวนมาก เพราะเมื่อครูที่จบวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี สอนหนังสือไปได้ระยะหนึ่ง ครูจะขอลาเพื่อไปเรียนต่อในระดับปริญญาโท ทำให้ครูที่มีอยู่ไม่พอ
ดังนั้น เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว โดยไม่ทำให้ผู้เรียนต้องเสียเวลาเรียนเป็นระยะเวลายาวนาน รวมทั้ง จูงใจให้คนเก่งมาเรียนครูเพิ่มขึ้น คณะกรรมการผลิตครูพันธุ์ใหม่จึงมีมติว่าตั้งแต่ปีการศึกษา 2554 เป็นต้นไป ให้ปรับปรุงโครงสร้างครูพันธุ์ใหม่ จากเดิมเป็นหลักสูตรผลิตครู 5 ปี เป็นหลักสูตร 5+1 ปี คือเมื่อจบ 6 ปี ผู้เรียนจะได้วุฒิการศึกษาระดับปริญญาโท เมื่อจบแล้ว และเข้ารับการบรรจุ จะได้รับเงินเดือนในระดับเดียวกับผู้ที่จบปริญญาโท เพราะมองว่าการปรับเป็นหลักสูตรผลิตครู 5+1 ปี จะดึงดูดเด็กเก่งมาเรียนครูเพิ่ม โดยเฉพาะในสาขาขาดแคลน เช่น วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และภาษาอังกฤษ
ส่วนโครงการครูพันธุ์ใหม่ในหลักสูตร 4+1 ปี ที่รับผู้ที่จบปริญญาตรีจากสาขาอื่นมาเรียนในหลักสูตร ป.บัณฑิต เพิ่มเติมอีก 1 ปี เพื่อผลิตครูในสาขาขาดแคลนนั้น ที่ประชุมเห็นชอบให้ปรับเป็นหลักสูตร 4+2 ปี เมื่อจบแล้วจะได้รับวุฒิการศึกษาระดับปริญญาโทด้วย เนื่องจากคุรุสภาได้ออกประกาศยกเลิกการรับรองหลักสูตร ป.บัณฑิตวิชาชีพครูไปแล้ว โดยจะให้ทุนการศึกษาแก่ผู้ที่จบปริญญาตรีจากสาขาอื่นๆ มาต่อยอดปริญญาโทด้านครุศาสตร์/ ศึกษาศาสตร์ เมื่อจบแล้วจะได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูทันที
ขณะที่ "นพ.กำจร ตติยกวี" รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ระบุว่า ที่ประชุมทบทวนกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ (TQF) สาขาวิชาครุศาสตร์/ ศึกษาศาสตร์ เมื่อเร็วๆ นี้ ได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องจากสภาคณบดีคณะครุศาสตร์/ ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย และสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการปรับหลักสูตรครุศาสตร์/ ศึกษาศาสตร์ โดยเบื้องต้นสภาคณบดีคณะครุศาสตร์/ ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย และคุรุสภา เห็นตรงกันในการปรับหลักสูตรครุศาสตร์/ ศึกษาศาสตร์ จากหลักสูตรผลิตครู 5 ปี เป็นหลักสูตรผลิตครู 6 ปี โดยนักศึกษาคณะครุศาสตร์/ ศึกษาศาสตร์ จะต้องเรียน 6 ปี ส่วนนักศึกษาที่จบจากสาขาวิชาอื่น เช่น วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เป็นต้น จะต้องเรียนหลักสูตรผลิตครู 4+2 ปี แต่ถ้าจะให้วุฒิการศึกษาระดับปริญญาโทนั้น ก็จำเป็นต้องดำเนินการให้ได้ตามปรัชญาการศึกษาของหลักสูตรมหาบัณฑิต และต้องจัดหลักสูตรให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐานของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เพราะถ้าทำได้เช่นนั้น สกอ.ก็ไม่ขัดข้องที่จะให้ทั้งหลักสูตรผลิตครู 6 ปี และหลักสูตรผลิตครู 4+2 ปี เมื่อจบแล้วได้วุฒิการศึกษาระดับปริญญาโท
อย่างไรก็ตาม นพ.กำจรได้เสนอมุมมองเกี่ยวกับการปรับหลักสูตรครุศาสตร์/ ศึกษาศาสตร์ ว่าจำเป็นต้องมองที่ "ปรัชญา" ของการจัดการศึกษา
ด้วย เพราะการจัดการศึกษาในระดับปริญญาตรี และปริญญาโท มีปรัชญาที่แตกต่างกัน เนื่องจากการจัดการเรียนการสอนในระดับปริญญาตรี เน้นสาระวิชา ขณะที่การจัดการเรียนการสอนในระดับปริญญาโท เน้นเรื่องของงานวิจัย
ฉะนั้น การจะปรับหลักสูตรด้านครุศาสตร์/ ศึกษาศาสตร์ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคำนึงถึง "ผู้ใช้" บัณฑิตด้วยว่า "บัณฑิต" ที่ผลิตออกมาในสาขาเดียวกัน มีความแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร เพื่อให้ผู้ใช้บัณฑิตแยกแยะได้ว่าจะเลือกใช้บัณฑิตแบบใด อาทิ บัณฑิตจบคณะวิทยาศาสตร์แล้วอยากเป็นครู ต้องกำหนดให้เรียนหลักสูตรครุศาสตร์/ ศึกษาศาสตร์ต่ออีก 2 ปี เมื่อเรียนจบจะได้ปริญญา 2 ใบ แต่ถ้าเรียนคณะครุศาสตร์/ ศึกษาศาสตร์ หลักสูตร 6 ปี เมื่อเรียนจบแล้วจะได้ปริญญาเพียงใบเดียว ซึ่งผู้ใช้ก็จะเป็นผู้เลือกว่าจะใช้บัณฑิตแบบใด
ทั้งนี้ หากลองหันไปดูหลักสูตร 6 ปี ในหลายๆ หลักสูตรที่จัดการเรียนการสอนอยู่ในปัจจุบัน จะพบว่าหลักสูตร 6 ปีเหล่านั้น ไม่ใช่หลักสูตรปริญญาโท อาทิ หลักสูตรเภสัชศาสตร์ หลักสูตรแพทยศาสตร์ เป็นต้น แต่ข้อแตกต่างของหลักสูตรปริญญาตรี 4 ปี หลักสูตรปริญญาตรี 5 ปี และหลักสูตรปริญญาตรี 6 ปี แตกต่างกันที่ "เงินเดือน" เท่านั้น โดยหลักสูตรปริญญาตรี 6 ปี จะได้รับอัตราเงินเดือนเทียบเท่ากับผู้ที่จบวุฒิการศึกษาระดับปริญญาโท
ซึ่งประเด็นการปรับหลักสูตรผลิตครู 5 ปี เป็นหลักสูตรผลิตครู 6 ปี นั้น อดีตประธานสภาคณบดีคณะครุศาสตร์/ ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย นายพฤทธิ์ ศิริบรรณพิทักษ์ ได้ออกมาคัดค้านแนวคิดดังกล่าว เพราะมองว่าในการยกระดับคุณภาพการเรียนการสอนหลักสูตรครุศาสตร์/ ศึกษาศาสตร์ ไม่ควรปรับเป็นหลักสูตร 6 ปีทั้งหมด หรือให้เรียนรวดเดียวจบปริญญาโท แต่ควรมีทั้งหลักสูตร 5 ปี และหลักสูตร 5+1 ปี เพื่อ "ต่อยอด" จนจบปริญญาโท แต่หากจะปรับเป็นหลักสูตรผลิตครู 6 ปี เพื่อให้จบ และได้วุฒิปริญญาโทเลย น่าจะเริ่มจากครูในสาขาที่ขาดแคลน และยังขาดคุณภาพ อย่างสาขาฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา เพราะต้องสอนนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ส่วนครูที่สอนในระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษาตอนต้น ให้เรียนในหลักสูตรผลิตครู 5 ปี หรือหลักสูตร 5+1 ปีเหมือนเดิม เพราะไม่จำเป็นต้องใช้ครูที่มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาโทสอน
อดีตประธานสภาคณบดีคณะครุศาสตร์/ ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย ยังทิ้งท้ายด้วยว่า "การปรับหลักสูตรผลิตครูเป็น 6 ปีทั้งหมด จะทำให้รัฐบาลสิ้นเปลืองงบประมาณในการจ้างครูที่มีวุฒิปริญญาโททั้งหมด แต่ถ้าจำกัดเฉพาะในบางสาขาที่จำเป็นต้องใช้ครูที่มีวุฒิปริญญาโท ก็จะทำให้รัฐใช้งบประมาณน้อยลง"
ส่วนนายสมหวัง พิธิยานุวัฒน์ ประธานคณะกรรมการคัดเลือกสถาบันฝ่ายผลิตและผู้รับทุนโครงการครูพันธุ์ใหม่ ระบุว่า การปรับหลักสูตรครุศาสตร์/ ศึกษาศาสตร์ เป็นหลักสูตร 6 ปีนั้น ควรเริ่มจากมหาวิทยาลัยที่มีความพร้อมก่อน หากมหาวิทยาลัยยังไม่พร้อม ก็ควรใช้หลักสูตรผลิตครู 5 ปีไปก่อน เพราะมีกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ หรือ TQF อยู่แล้ว
ทั้งนี้ทั้งนั้น คงต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดว่า ขณะที่ยังไม่ได้ข้อสรุปชัดเจนว่าในปีการศึกษา 2554 มหาวิทยาลัยต่างๆ ที่เป็นสถาบันผลิตครูทั่วประเทศ จะจัดทำหลักสูตรผลิตครู 6 ปี ได้ทันหรือไม่ และมีความพร้อมที่จะเปิดรับนักศึกษาในหลักสูตรดังกล่าวตามที่นายไชยศ จิรเมธากร ต้องการได้หรือไม่
ที่สำคัญ จะตอบโจทย์ใหญ่ของสังคม คือสามารถผลิต “ครูพันธุ์ใหม่” ที่มี “คุณภาพ” อย่างแท้จริงได้หรือไม่!!