ตระกูลชินวัตรคลายอำนาจตีกัน “บิ๊กจิ๋ว-เฮียมิ่ง-สารวัตรเฉลิม” ขึ้นเป็นใหญ่ สกัดส.ส.ไหลบ่าลงภูมิใจไทย ปรับโครงสร้างเพื่อไทย-ปรองดองล่ม… ?

หน่วยความมั่นคงจุดพลุรายวันว่ามีกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ฝีมือระดับพระกาฬซุ่มโปร่งสังหารระดับผู้นำประเทศ และมีขบวนการเตรียมก่อหวอดหลายพื้นที่ หลายจุด

ขณะที่พรรคภูมิใจไทยอ่อยเหยื่อ ประกาศโครมผลักดันออกกฎหมายนิรโทษกรรมคดีชุมนุมต่างๆ ภายหลังพรรคเพื่อไทยยื่นไมตรีเสนอแนวปรองดอง สังคมขานรับกันเกรียวกราว  “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรี รับลูกทันที ขั้วตรงข้ามอย่าง “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ยอมตกขบวน กระโดดเกาะรถไฟสายปรองดองประเทศไทยด้วย

ไปไกลถึงขั้นแต่ละฝ่ายวางตัวบุคคลตีกรอบ หาช่องเจรจาสงบศึก

และพรรคเพื่อไทยส่งสัญญาณเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารพรรคยกชุด โดยล็อคตัว “พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ” อดีตรมว.มหาดไทย ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ แทน“ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” ซึ่งประกาศวางมือ เพื่อเปิดทางให “โกวิท”เป็นตัวเชื่อมขั้วอำนาจใหญ่ และลบภาพของพรรคเพื่อไทยที่ถูกฝ่ายตรงข้ามโจมตีว่าไม่จงรักภักดี

พร้อมยกระดับให้เป็นสถาบันการเมือง โดยวางคนตระกูลชินวัตรไม่ให้มีภาพพัวพันระบบบริหารจัดการภายในพรรค เพื่อเดินหน้าสู่ถนนปรองดองอย่างแท้จริง แต่ถนนปรองดองถูกตัดขาดตั้งแต่ไก่โห่ เมื่อกลุ่มก๊วนในพรรคเพื่อไทยเล่นเกมใต้ดินชิงอำนาจกันเอง เพื่อยึดกุมสภาพภาพภายในพรรค

และดูเหมือน“ทักษิณ” ซึ่งตกอยู่ในสภาพหลังชนฝา คุมเกมในพรรคไม่ได้  ต้องยอมหงอทุกฝ่ายภายในพรรค ที่ยื่นมือขออาสาทำงานให้ ถึงขั้นยอมตัดชื่อ “โกวิท”ขว้างทิ้ง และเข็น “ยงยุทธ”ขึ้นขัดตาทัพอีกครั้ง ตามแรงปรารถนาของส.ส.ส่วนใหญ่ และ “เยาวภา วงศ์สวัสดิ์” น้องสาว“ทักษิณ”

แม้คนใกล้ชิดแก้ต่างเชิงตั้งคำถามว่า “ทักษิณไม่ได้ยอมหงอจนคุมสภาพไม่ได้ หรือยังไม่ได้คุม เพื่อต้องการให้พรรคตกอยู่ในอาการเคว้ง จะได้ปกครองง่าย”

ไม่ว่า “ทักษิณ”ยังมีอำนาจเฟื่องฟูหรือทรงทรุดในพรรค แต่ความเคลื่อนไหวเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรค บงบอกว่า  ส.ส.ส่วนใหญ่เริ่มอึดอัด“ตระกูลชินวัตร” ต้องการตัดขาดไม่ให้เข้ามาชี้นิ้วสั่งซ้ายหันขวาหัน พยายามขยับต่อรองดึงอำนาจออกจาก “ชินวัตร”

พูดง่ายๆ กระแส“ทักษิณ”มีไว้สำหรับหาเสียงขอคะแนนรากหญ้า แต่ไม่อยากให้เข้ามาบริหารพรรค

จนสายตระกูลชินวัตรจึงยอมคลายอำนาจให้ส.ส.  เพื่อสกัดสาย“บิ๊กจิ้ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย ที่เริ่มก่อตัวควบแน่นกับสาย “เฮียมิ่ง” มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ส.ส.สัดส่วน ซึ่งเบ่งบานใหญ่ขึ้นทุกวัน และยังมีสายสอดแทรกที่สายตระกูลชินวัตรคาดสายตาไม่ได้ คือ สาย “สารวัตรเฉลิม”  ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน แม้ดูหมดเขียวเล็บ แต่เสือย่อมเป็นเสือ น่ากลัวอยู่วันยังค่ำ

ผลล็อบบี้จนวินาทีสุดท้ายแโฉมหน้าคณะกรรมการบริหารพรรคก็ออกมาขี้เหร่อย่างที่เห็น โดยโควตากลางสายตระชินวัตรยึดหัวหาดตั้งแต่ระดับหัวหน้าพรรค “ยงยุทธ” รองหัวหน้าพรรค “พล.ต.อ.ชัจจ์ กุลดิลก” “ปลอดประสพ สุรสวดี” “จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ” “คณวัฒน์ วศินสังวร” โฆษกพรรค“พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ กรรมการบริหารพรรค “วรวีย์ มะกูดี” นายทะเบียนพรรค “วัฒนา เตียงกูล”

และกลิ่นอายของ “พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล” อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ซึ่งชอบช่วยสนับสนุนกิจกรรมในพรรค ยังแผ่ปกคลุม เมื่อส่งมวยไร้ฟอร์ม “สุพล ฟองงาม” เป็นเลขาธิการพรรค เพื่อบดบังบารมีลูกหม้อเก่าอย่าง “สันติ พร้อมพัฒน์” ส.ส.สัดส่วน ให้อับเฉาลงบ้าง

เจ้าของพรรคและนายทุนใหญ่ยังแนบแน่น

ปล่อยให้ส.ส.ขึ้นชั้นเป็นระดับรองหัวหน้าพรรคตามโควตา และโควตากลางของพรรค ประกอบด้วย พล.ต.อ.ชัจจ์ กุลดิลก อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายปลอดประสพ สุรสวดี นายประยุทธ์ ศิริพานิช ส.ส.มหาสารคาม นายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ ส.ส.สัดส่วน พล.ท.มะ โพธิ์งาม ส.ส.กาญจนบุรี  นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย ส.ส.อุตรดิตถ์ นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ส.ส.ขอนแก่น  พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตปลัดกระทรวงแรงงาน นายคณวัฒน์ วศินสังวร  และนายพงศกร อรรณพพร อดีตรมช.ศึกษา

โครงสร้างพรรคแปลกประหลาด เพราะมีรองหัวหน้าพรรคสูงถึง 14 คน จากคณะกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด 21 คน เมื่อตัดตำแหน่งหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค รองเลขาธิการพรรค โฆษกพรรค เหรัญญิกพรรค และนายทะเบียนพรรค เหลือตำแหน่งกรรมการบริหารลอยแค่ 1 ตำแหน่ง ว่ากันกว่ากุนซือใหญ่ “ยงยุทธ ติยะไพรัช” เป็นคนเสนอไอเดียสูตรโครงสร้างพรรคต่อสายตระกูลชินวัตร เพื่อต้องการกระจ่ายอำนาจ ซื้อใจส.ส.ให้กล้าขึ้นเป็นใหญ่

เปรียบเหมือนฉีดวัคซีนป้องกันโรคเนวินดูดย้ายข้ามฝากไปพรรคภูมิใจไทยแค่นั้นเอง

ไม่สนถนนสายปรองดองถูกตัดขาด เพาะเชื้อรุนแรงเกิดขึ้นในประเทศไทย.