- Home
- Thaireform
- สารคดีเชิงข่าว
- ก้าวแรก...ชาวสระบุรี ฝังกลบฉายาจังหวัด “ขยะบุรี”
ก้าวแรก...ชาวสระบุรี ฝังกลบฉายาจังหวัด “ขยะบุรี”
ลักษณะตามโครงการเป็นชื่อ “สถานี” นำหน้า แต่ชาวบ้านที่นี่ยกมือขนานนามให้ว่า “โรงงานขยะ”
นั่นเป็นคำกล่าวของนายวิสุทธิ์ สุกรินทร์ ผู้แทนเครือข่ายสมัชชาสุขภาพจังหวัดสระบุรี ผู้ที่กำลังจะบอกเล่าให้ฟังถึงปัญหามลพิษจากขยะที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของคนในชุมชน
“ย้อนไปเมื่อ 3 ปีก่อน เทศบาลเมืองสระบุรี ตัดสินใจก่อสร้าง “สถานีขนถ่ายขยะ” บนพื้นที่ติดกับชุมชน 7 ไร่เศษ ทิศใต้ติดวัดเจดีย์งาม ทิศเหนือติดแม่น้ำป่าสัก ทิศตะวันตกติดถนนบายพาสสายกรุงเทพฯ - ลพบุรี และทิศตะวันออกติดถนนสาธารณะ การจัดตั้งโดยขาดการทำประชาพิจารณ์จากคนในชุมชน แถมสร้างในพื้นที่ใกล้บริเวณวัด โรงเรียน และแม่น้ำป่าสัก ในรัศมีไม่เกิน 1 กิโลเมตร มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบกินบริเวณกว้างใน 3 ตำบล คือ ต.นาโฉง ต.ดาวเรือง ต.ปากเพรียว”
นายวิสุทธิ์ มองอีกมุมเห็นว่า แม้การจัดการขยะถือเป็นเรื่องดีที่เกิดขึ้นในชุมชน เพราะสามารถช่วยลดปริมาณขยะได้ แต่การจัดการกำจัดที่ไม่มีการแยกก่อนเข้าไปสู่กระบวนการบีบอัดขยะให้เป็นแท่งเป็นก้อนนั้น ทำให้สารเคมีที่มีอยู่ปนไปกับขยะมูลฝอยเกิดการรั่วไหล ขณะเดียวกันท่อน้ำทิ้งของโรงงานดังกล่าว ยังวางท่อตรงลงสู่แม่น้ำป่าสักอีกด้วย
สำหรับผู้ที่ได้สัมผัสหรือเผชิญกับปัญหานี้โดยตรง พระอธิการเฉื่อย เตชปัญโญ เจ้าอาวาสวัดเจดีย์งาม ตอกย้ำและชี้ให้ดูรั้วที่คั้นกลางระหว่างวัดกับโรงงานขยะ ถัดออกไปเป็นโรงเรียน ตรงข้ามถนนเป็นแม่น้ำป่าสัก แม่น้ำสายหลักของจังหวัดสระบุรี พร้อมกับบอกว่า โรงงานขยะแห่งนี้ตั้งอยู่เหนือชุมชน เวลาลมพัด กลิ่นเหม็นจากขยะจะโชยคลุ้ง จนพระลูกวัด ครู นักเรียน และชาวบ้านอยู่แทบไม่ได้
“ขณะนี้สุขภาพคนในชุมชนเสีย อาตมาเคยไปขอให้ทางการเข้ามาดูแลจัดการระบบของโรงงานขยะ เคยไปบอกให้มีการแยกขยะ เพราะจะสามารถลดปริมาณขยะได้ แต่ผ่านมาแล้วหลายปี ปัญหาดังกล่าวก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข ทางจังหวัดเพียงแค่รับปาก ยังไม่มีเข้ามาจัดการ เชื่อว่า หากยังอยู่เฉยต่อไป ในอนาคตวัดอาจเป็นวัดร้าง เพราะคนไม่อยากมาทำบุญ โรงเรียนอาจจะร้าง เด็กนักเรียนทนกลิ่นเหม็นไม่ไหว ถ้าพวกเราไม่ออกมาช่วยกันเอง รอพึ่งพิงแต่ทางการ กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งเขาก็ไม่ได้ลงมาจัดการ เพียงรับเรื่องไปเท่านั้น ปัญหาต่างๆก็ยังคงไร้ทางออก ดังนั้น วัด โรงเรียน ผู้นำชุมชน ต้องเป็นที่พึ่งของชุมชน” เจ้าอาวาสวัดเจดีย์งาม กล่าว
พลิกวิกฤติ ลบทิ้งฉายา ‘ขยะบุรี’
จุดเริ่มต้นที่ขยะ นี่เอง ได้กลายเป็นเงื่อนไขให้ชาวบ้านเกิดการรวมกลุ่มกันชื่อ “กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเฉพาะกิจ” อาสาเป็นกองหน้าออกมาปกป้องถิ่นฐาน คัดค้านโครงการหลายรูปแบบ นายวิสุทธิ์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า มีช่วงหนึ่งแกนนำเครือข่ายสมัชชาสุขภาพจังหวัดสระบุรีได้เข้าไปพูดคุยและได้รับคำแนะนำจาก นพ.อำพล จินดาวัฒนะ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติให้นำกระบวนการสมัชชาสุขภาพ ตาม พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 มาใช้
จากนั้นจึงได้จัดทำโครงการ "สมัชชาสุขภาพจังหวัดสระบุรีว่าด้วยผลกระทบจากการก่อสร้างสถานีขนถ่ายขยะของเทศบาลเมืองสระบุรี" ทำร่างแผนการแก้ไขปัญหาขยะในชุมชน ก่อนออกสร้างเวทีประชาพิจารณ์เพื่อการมีส่วนร่วมจาก 22 ชุมชนในเขตเทศบาล แล้วนำมาสรุปเพื่อยื่นเสนอต่อทางเทศบาลเมืองสระบุรี
ในขณะเดียวกัน กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเฉพาะกิจก็ได้สร้างกระบวนการเรียนรู้ให้กับสมาชิกควบคู่ไปกับการเรียกร้อง มาจนถึงปัจจุบันนี้ เรียกว่ากำลังเอาวิกฤติเป็นโอกาสสร้างสรรค์สิ่งดีดี เพื่อเป็นแบบอย่างให้กับชุมชนอื่นๆต่อไป
การจัดกระบวนการสมัชชาสุขภาพจังหวัดสระบุรีว่าด้วยผลกระทบจากการก่อสร้างสถานีขนถ่ายขยะของเทศบาลเมืองสระบุรี ได้รับการสนับสนุนการดำเนินงานจาก สช. สิ่งที่สมาชิกกลุ่มอนุรักษ์เฉพาะกิจลงมือทำเอง เช่น ตั้งธนาคารขยะ โดยให้ชุมชนนำขยะมาฝากขาย เป็นการออมทรัพย์อย่างหนึ่ง ตั้งกองทุนหมู่บ้านจากการทอดผ้าป่า ตั้งชมรมผู้สูงอายุ เป็นต้น
“เราได้พลิกวิกฤติเป็นโอกาสสร้างสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นในสระบุรี เพราะเราไม่อยากให้ใครเรียกจังหวัดเราว่าเป็นจังหวัด “ขยะบุรี” นี่เป็นเพียงก้าวแรก เรายังต้องดำเนินการต่อเนื่อง เพราะปัญหานี้สั่งสมมานาน” ผู้แทนเครือข่ายสมัชชาสุขภาพจังหวัดสระบุรี คนเดิม กล่าวถึงฐานคิด
ธนาคารขยะตั้งโดยชุมชน
ขณะที่ลุงประพันธ์ หรือพ.ท.ประพันธ์ วรฉัตร ประธานชมรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม วัดเจดีย์งาม ต.นาโฉง จ.สระบุรี เล่าย้อนถึงช่วงที่บริษัทเอกชนมากว้านซื้อที่ดินบริเวณใกล้เคียงแหล่งชุมชนว่า ชาวบ้านมารู้ในทีหลังว่าจะทำเป็นสถานีขนถ่ายขยะทั้ง ๆ ที่อยู่ใกล้ชุมชนและใกล้แม่น้ำป่าสัก โดยไม่ได้ทำประชาพิจารณ์อย่างถูกต้อง อีกทั้งเมื่อก่อสร้างสถานีฯ เสร็จเรียบร้อยลักษณะการจัดการขยะด้วยการบีบอัดให้เป็นก้อนก่อนนำไปฝังกลบที่ ต.พุแค นั้น ไม่มีการแยกขยะที่ถูกต้อง ซึ่งที่ผ่านมาชาวบ้านได้พยายามคัดค้านการสร้างสถานีขยะ จนถึงขั้นฟ้องศาลปกครอง ขณะนี้กำลังรอผลการพิจารณาอยู่
“จากการประชุมหารือจากกลุ่มสมัชชาสุขภาพของจังหวัดสระบุรีเพื่อร่วมกันหาทางออก ถกเถียงเรื่องการเกิดปัญหาขยะในชุมชน เพื่อแก้ไขจัดการสุขภาพที่เกิดจากการก่อสร้างโรงงานขยะ โดยให้ชาวบ้านเข้าร่วมเพื่อช่วยกันหาทางออกนั้น ช่วงแรกการจัดตั้งธนาคารขยะยังไม่เป็นรูปธรรม เป็นเพียงการสร้างความเข้าใจและสร้างความตระหนักให้เห็นถึงปัญหาขยะ ให้ชาวบ้านรับรู้ และรณรงค์ให้มีการแยกขยะ นำเอาของที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่เท่านั้น”
จนกระทั่งทางชมรมฯ ได้รับงบประมาณจาก สช. ไปดูงานแยกขยะที่จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งมีการคัดแยกขยะอย่างเป็นระบบ แนวคิดจะก่อตั้งธนาคารขยะขึ้นเป็นแบบอย่างในการแยกขยะที่ถูกต้อง จึงถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
ภายหลังจากกลับจากดูงาน นอกจากจะได้ความรู้เรื่องเทคนิกการคัดแยกขยะแล้ว ปี พ.ศ. 2551 - 2552 ลุงประพันธ์ บอกว่า ทางชมรมได้เขียนโครงการคัดแยกขยะของเราเอง หลังจากที่ได้ดูงานแยกขยะที่พิษณุโลก โดยแบ่งเป็น แก้ว กระดาษ พสาสติก ที่สามารถรีไซเคิลได้ แล้วรวบรวมนำไปขายที่ร้านรับซื้อของเก่าในตัวจังหวัด สร้างรายได้เกิดขึ้น
เมื่อประสบความสำเร็จในขั้นแรก ลุงประพันธ์ ได้เสนอโครงการฯ ไปที่องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)ดาวเรือง ปรากฏว่าทาง อบต.ยินดีให้ตั้งที่ทำการและจัดตั้งเป็นธนาคารขยะ ต่อจากนั้นจึงได้รวบรวมสมาชิก เปิดรับซื้อ-ขายขยะและของเก่าในชุมชน เรียกได้ว่า เกือบทุกประเภท หรือถ้าหากใครต้องการฝากขยะไว้ และมาถอนไปใช้ก็สามารถทำได้ จนปัจจุบันนี้ทางชมรมมีสมาชิกเพิ่มขึ้นกว่า 40 คนแล้ว
นอกจากนี้ ลุงประพันธ์ ยังได้ริเริ่มโครงการจัดตั้งกองผ้าป่าให้ชาวบ้านร่วมบริจาคขยะเพื่อเก็บไว้เป็นเงินในกองทุน ปัจจุบันได้เงินเป็นกองทุนจำนวน 2,000 บาท และหลังจากที่เปิดรับซื้อเองในธนาคารขยะเมื่อเดือนมกราคม 2553 ที่ผ่านมา มีกำไรให้เห็นเบื้องต้นแล้ว 800 บาท
“การสอนทำให้ชาวบ้านรู้จักแยกขยะแต่ละประเภทว่าชนิดไหนสร้างมูลค่าได้ไม่ได้ หรือขยะชนิดไหนคือขยะพิษ ที่ต้องแยกให้ทางการจัดเก็บอย่างรัดกุม หรือขยะชนิดไหนที่ขายได้ ก็จะให้นำมาขายกับทางธนาคารขยะ แม้ราคาที่ชาวบ้านได้อาจต่ำกว่านำขยะไปขายเอง ก็ต้องอธิบายให้ชาวบ้านเข้าใจว่า เงินส่วนต่างที่ได้จะนำมาเป็นสวัสดิการให้กับชุมชนในด้านต่างๆก็ถือว่า คุ้ม เพราะทุกคนได้ร่วมแรงร่วมใจในการจัดการปัญหาในชุมชนของตัวเอง จะเห็นว่า การแยะขยะในบ้านออกเป็นหมวดหมู่ทำให้ง่ายต่อการกำจัดหรือรีไซเคิล ส่งผลรวมต่อสภาพแวดล้อมในชุมชนที่จำนวนขยะลดลง และไม่ทิ้งสะเปะสะปะเหมือนเมื่อก่อน” ลุงประพันธ์ นำเสนอมุมมองทั้งหมด เพื่อเป็นแบบอย่างให้เห็นถึงกระบวนการจัดการขยะในแบบที่ถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม การดำเนินกิจกรรมในพื้นที่สระบุรี การจัดการขยะจากชุมชนอย่างมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน นับได้ว่า จุดประกายให้อีกหลายพื้นที่ที่ทุกข์จากการมีโรงงานขยะอยู่ใกล้ๆบ้าน ได้นำเอากระบวนการสมัชชาสุขภาพ มาช่วยพลิกปมปัญหา คลี่คลายวิกฤติด้วยมือคนในชุมชน โดยคนในชุมชน เพื่อคนในชุมชน....