- Home
- Thaireform
- สารคดีเชิงข่าว
- “ร.ร.ของหนูผู้ประสบอุทกภัย” ความหวังการศึกษาไทย ช่วงเวลาต้องอยู่กับน้ำ
“ร.ร.ของหนูผู้ประสบอุทกภัย” ความหวังการศึกษาไทย ช่วงเวลาต้องอยู่กับน้ำ
แม้เหตุการณ์น้ำท่วมจะผ่านไปแล้ว แต่รอยแผลจากเหตุการณ์ครั้งนั้นยังคงอยู่
ในขณะที่ผู้ใหญ่ของบ้านเมืองกำลังถกเถียงกัน หาทางป้องกันและแก้ปัญหาเรื้อรังที่เป็นผลพวงจากเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปีที่ผ่านมา อีกมุมหนึ่ง เด็กทั่วประเทศกำลังมุ่งมั่น คร่ำเคร่งกับการเตรียมตัวสอบ “โอเน็ต” หรือแบบทดสอบขั้นพื้นฐาน ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่สัปดาห์
หากอยู่ในสภาวะปกติการสอบนี้อาจไม่เป็นปัญหาสำหรับเด็กนักเรียนในเมืองใหญ่ เพราะแม้โรงเรียนจะหยุดการเรียนการสอนในช่วงน้ำท่วม แต่ตัวเด็กเองก็สามารถหาโรงเรียนกวดวิชาได้ไม่ยาก แต่สำหรับเด็กนักเรียนในต่างจังหวัดที่ถูกน้ำท่วมหนักแล้ว อย่าว่าแต่จะไปเรียนที่โรงเรียน เพียงแค่การอยู่อาศัย และการเดินทางไปไหนมาไหนก็ยังไม่สะดวก โดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นพื้นที่รับน้ำด้วยแล้ว การที่น้ำท่วมขังนานยิ่งเป็นการตัดโอกาสในการเรียนของเด็กๆ
และเมื่อไม่มีโอกาสจะได้เรียน ผลการสอบในครั้งนี้จึงน่าเป็นห่วง … ความเหลื่อมล้ำที่เคยมีอยู่ก่อนแล้วก็ยิ่งมีเพิ่มขึ้นอีก
เช่นเดียวกับพื้นที่รับน้ำอย่าง จังหวัดชัยนาท ที่มีระดับน้ำท่วมสูงถึง 3 เมตร และขังยาวนานกินเวลากว่า 2 เดือน ซึ่งรวมถึงพื้นที่ ในอำเภอสรรพยาด้วย เป็นผลให้โรงเรียนวัดสมอ (วุฒาประชานุเคราะห์) ต้องหยุดการเรียนการสอน แม้จะมีประสบการณ์เกี่ยวกับการรับมือกับน้ำท่วมมาแล้วหลายครั้ง แต่ครั้งนี้ต้องยอมรับว่าไม่สามารถ “เอาอยู่” จริงๆ
“เด็กนักเรียนปีการศึกษานี้ได้เรียนเพียง 3 เดือนครึ่งและหลังจากนั้นก็ไม่ได้เรียนอีกเลย”
อ.ประสิทธิ์ ศรีจันทร์ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดสมอ (วุฒาประชานุเคราะห์) เปิดประเด็นผลกระทบด้านการเรียนการสอนในช่วงน้ำท่วมให้เห็นภาพว่า น้ำท่วมปี 2554 ต่างจากครั้งก่อนๆ ในปีก่อนๆโรงเรียนน้ำท่วมสูงแต่จะไม่ขังนาน จึงไม่ค่อยมีผลกระทบ เพียงสอนชดเชยวันเสาร์บ้างไม่กี่สัปดาห์นักเรียนก็สามารถเรียนทัน แต่สำหรับครั้งนี้แม้จะเปิดสอนชดเชยก็ยังไม่เพียงพอ เพราะตามเกณฑ์เด็กต้องเรียน 80%
สำหรับตัวเด็กๆแล้ว นี้อาจเป็นเรื่องน่ายินดีที่ไม่ต้องไปเรียน แต่ก็ยังไม่รู้จักว่าจะเรียนทันไม่ทัน ยังมีความสนุกตามวัย แต่สำหรับผู้ที่ขึ้นชื่อว่า“ครู” แล้วเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะอีกไม่กี่สัปดาห์ นักเรียนชั้น ป.6 และ ม.3 จะเข้าสู่เทศกาลสอบ โอเน็ต แบบทดสอบขั้นพื้นฐานที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ โดยไม่มีข้อยกเว้นสำหรับนักเรียนที่โรงเรียนถูกน้ำท่วม !
เมื่อเป็นเช่นนี้คุณครูใหญ่ของโรงเรียนจึงไม่อาจอยู่เฉยได้
“เมื่อมองเห็นปัญหา ก็ได้นำความคิดไปปรึกษากับทางกรรมการ จึงได้มีการจัดตั้งโรงเรียนชั่วคราวขึ้นระหว่างที่เกิดน้ำท่วม โดยอาศัยใช้พื้นที่ของชุมชนที่น้ำไม่ท่วม” อ.ประสิทธิ์ บอกเล่าวิธีการที่จะพอช่วยลูกศิษย์ตัวน้อยได้
ก่อนจะเล่าฉายภาพให้เห็นว่า ในช่วงน้ำท่วมนั้น เด็กๆที่ไม่ได้ไปโรงเรียนก็จะอยู่บ้าน กิจกรรมที่ทำก็จะมีแค่เล่นน้ำ ตกปลา ซึ่งเป็นอันตรายต่อเด็กๆ ที่สำคัญคือ ผู้ปกครองเด็กเดือดร้อน ความที่ไม่สามารถออกไปทำมาหากินได้อย่างเต็มที่ ต้องแบ่งคนในครอบครัวไว้สำหรับดูแลเด็ก ฉะนั้น การจัดตั้งโรงเรียน จึงสามารถช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครองได้อีกทางหนึ่ง
หลังจากนั้นไม่นาน โรงเรียนชั่วคราวก็แล้วเสร็จ ภายใต้ชื่อว่า “โรงเรียนของหนู ผู้ประสบอุทกภัย”
จากพื้นที่ป่ารกร้างบริเวณหลังคันคลองมหาราษฎร์ จ.ชัยนาท ถูกเนรมิตให้เป็นพื้นที่สำหรับให้ความรู้แก่เด็กในชุมชน จากความร่วมมือร่วมใจของผู้ปกครองนักเรียน และชาวบ้าน ที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาของบุตรหลาน
“เต็นท์ยืมทางเทศบาลมากาง โต๊ะยืมจากโรงเรียนมัธยมที่น้ำไม่ท่วม เก้าอี้ยืมจากวัด หาไม้อัดมาทำกระดานดำ และตั้งเสาธงโรงเรียน อาหารการกินก็มีชาวบ้านมาช่วยเหลือกันเลี้ยงอาหารกลางวันตลอด 2 เดือน” ผอ.โรงเรียนผู้เป็นต้นแบบความคิด อธิบายด้วยความปลาบปลื้มเป็นฉากๆ ถึงความร่วมมือร่วมใจของคนในท้องถิ่น แทบจะเรียกได้ว่า ไม่ต้องเอ่ยปากร้องขอ ก่อนจะเล่าต่อถึงรูปแบบการเรียนการสอนว่า
“เปิดสอนเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 -6 โดยจัดการเรียนการสอนตามตารางสอนตามหลักสูตร เรียนเหมือนเรียนที่โรงเรียน มีการทดลอง สื่อการเรียนการสอน ทำโครงงาน ทำสิ่งประดิษฐ์ แต่ไม่มีการวัดผลประเมินผล และไม่ใช่การเรียนพิเศษ แต่เป็นเหมือนการเรียนนอกสถานที่ ความรู้ที่ได้รับไม่ต่างกับการไปโรงเรียนปกติ”
ครูที่มาสอนนอกจากจะเป็นครูที่โรงเรียนแล้ว ยังมีจิตอาสาที่มาช่วยโดยไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ นอกจากนี้ยังมีปราชญ์ชาวบ้าน และข้าราชการครูที่เกษียณไปแล้วมาช่วยกันสอนอีกด้วย
โรงเรียนแห่งนี้ ไม่ได้มีเพียงแค่นักเรียนจากโรงเรียนวัดสมอที่มาเรียน ยังมีโรงเรียนอนุบาลในตัวเมือง โรงเรียนประถมในย่านนั้นทั้งหมดมาร่วมเรียนด้วย ใครใคร่เรียนก็มาเรียน โดยไม่ต้องเอาไรมาเลย สมุดดินสอปากกาทางโรงเรียนมีเตรียมไว้ให้หมด ทางผู้ปกครองจัดหาให้หมด รวมทั้งได้รับความอนุเคราะห์จากนายกเหล่ากาชาดนำสุขาเคลื่อนที่มาให้ ได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่จำนวนมาก
ความสุขของเด็กๆจึงเกิดขึ้นที่นี้
“นักเรียนเกิดความรู้สึกว่าอยากไปเรียน เพราะที่แห่งนี้ไม่ใช่โรงเรียนในแบบเดิมๆ แต่มีเรื่องตื่นเต้นให้ต้องเจอใหม่ๆทุกวัน อย่างน้อยๆ ก็เจอเพื่อนใหม่จากต่างโรงเรียน”
แม้จะเป็นโรงเรียนที่ตั้งขึ้นมาเพียงชั่วคราว แต่การที่นักเรียนได้เรียนตามหลักสูตรบทเรียนใน ”โรงเรียนของหนู” หลังนี้ คงจะพอช่วยให้เด็กๆเหล่านี้ พอมีความหวังในการสอบแข่งขันครั้งนี้ขึ้นมาบ้าง ....
และหากปีนี้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมอีกครั้ง ตามที่นักวิชาการหลายคนคาดการณ์ไว้ โมเดลโรงเรียนชั่วคราวเช่นนี้คงต้องเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับโรงเรียนที่ต้องมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัย อีกทั้งคงเป็นความหวังเดียวของทั้งครูและนักเรียนในชนบท ที่จะช่วยเพิ่มพูนความรู้ให้เทียบเท่ากับโรงเรียนอื่นๆได้
สถานศึกษาได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ซึ่งเกิดจากพายุนกเตน ไห่หม่า ไห่ถาง เนสาด นาลแก ตั้งแต่เดือนสิงหาคม-ตุลาคม 2554 จากการสำรวจความเสียหายที่เกิดจากพายุดังกล่าวเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2554 สรุปได้ดังนี้