- Home
- Thaireform
- สารคดีเชิงข่าว
- สำรวจปัจจัยร้อน "รัฐบาลปู" จะอยู่ยาวหรือสั้น
สำรวจปัจจัยร้อน "รัฐบาลปู" จะอยู่ยาวหรือสั้น
รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะอยู่ได้ยาวนานแค่ไหน จะผ่านอุปสรรคปัญหาได้อย่างราบรื่นหรือไม่ เป็นคำถามดังๆ ขณะนี้
ถึงแม้ว่า รัฐบาลจะมี 300 เสียง ค่อนข้างเข้มแข็งและต่างจากรัฐบาลประชาธิปัตย์ที่กำลังจะพ้นไป
เฉพาะเสียงประชาชนที่เลือกพรรคเพื่อไทยก็ท่วมท้น 265 เสียง เสียงจากระบบปาร์ตี้ลิสต์ก็ล้นหลามอีก 15.7 ล้านคน
ว่าที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาด้วยความคาดหวังสูง แต่ในสถานการณ์การเมืองที่ผันผวนพอควร จากวิกฤตความขัดแย้งและ ดุลอำนาจต่างๆ ในประเทศกำลังถูกจัดสรรกันใหม่
กอปรกับรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ยังต้องเผชิญกับสิ่งแวดล้อม จาก “ศึกใน” และ “ศึกนอก” และคำมั่นสัญญาจากนโยบายที่หาเสียงไว้ว่า จะทำได้หรือไม่
ถ้าทำไม่ได้อย่างที่หลายฝ่ายคาด ก็จะส่งผลให้รัฐบาลเสื่อมศรัทธาอย่างรวดเร็ว
ล่าสุด นพดล กรรณิกา ผอ. สำนักวิจัยเอแบคโพล เผยผลสำรวจหัวข้อ “โผคณะรัฐมนตรีในสายตาของสาธารณชน” ก่อนจะสรุปว่า หากรัฐบาลจะบริหารประเทศได้ต่อเนื่องได้รับความไว้วางใจ นส.ยิ่งลักษณ์ ก็ต้องแสดงความเป็นผู้นำที่เด็ดขาดสยบคลื่นลมต่างๆ ด้วยตนเอง ด่านแรกที่ต้องเผชิญ คือ คลื่นลูกแรกที่ “แย่งชิงอำนาจทางการเมือง” เพื่อเป็นรัฐมนตรี
คลื่นลูกที่สองคือ การวิ่งเต้นเข้าหาขั้วอำนาจของบรรดาข้าราชการประจำด้วยความพร้อมที่จะเข้ากราบไหว้เคารพยกย่องรัฐมนตรี เพื่อให้ได้ตำแหน่งบริหารประจำหน่วยงานราชการ
คลื่นลูกที่สามและสี่จะใหญ่โตมาก คือ การแสวงหาผลประโยชน์ทั้ง “อำนาจเงิน” และ “การสนองตอบกิเลส ตัณหา” ของบรรดารัฐมนตรีและผู้ติดตามที่เข้ามากันเป็นเครือข่าย
ข้อสรุปที่สำคัญของผอ.เอแบคโพลล์ คือ นส.ยิ่งลักษณ์ ต้องใช้โอกาสนี้จัดบ้านใหม่ลบล้างภาพลักษณ์ในทางลบ ที่คนในสังคมเคลือบแคลงสงสัย โดยต้องทำ 3 เร่ง ได้แก่ 1. เร่งทำวิจัยตลาดผลิตภัณฑ์รัฐมนตรีล็อตแรก หรือ ว่าที่ครม.ปู 1 กับกลุ่มเป้าหมายทุกสาขาอาชีพว่าจะรับได้หรือไม่ ลดกระแสยี้
2. เร่งทำให้ทุกคนทั้งผู้ที่ “เลือก” และ “ไม่เลือก” รัฐบาลเกิดความวางใจ ว่าพวกเขาทุกคนจะได้รับสิ่งที่คนอื่นๆได้รับการปฏิบัติอย่างดีจากรัฐบาล โดยปลด “อคติแห่งนครา” จากแรงกดดันสารพัดรูปแบบในการออกนโยบายแห่งรัฐ ทำให้สาธารณชนเห็นว่าพวกเขากำลังจะได้ผู้นำประเทศตัวจริงไม่เป็นร่างทรงของคนอื่นทั้งครอบครัวเครือญาติ พวกพ้องและกลุ่มนายทุน
3. เร่งทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศมีศูนย์รวมจิตใจเป็นหนึ่งเดียว
นั่นเป็นทัศนะของเจ้าสำนักทำโพล ที่ย่อมรับรู้กระแส และทิศทางของสังคมเป็นอย่างดี
ส่วนนักวิชาการ นักการเมืองซีกสภาสูงฝ่ายตรวจสอบ มองเงื่อนไข การอยู่กับไป ของรัฐบาลปูไม่ต่างจาก ผอ.เอแบคโพลเท่าไร นายตวง อัณทะไชย สมาชิกวุฒิสภาสรรหา มองว่า รัฐบาลจะอยู่นานแค่ไหน อยู่ที่ นส.ยิ่งลักษณ์ เป็นหลัก เพราะเมื่อมากับกระแส ถ้าทำไม่ดี ก็จะไปพร้อมกับกระแสได้ทันที
ประการแรก คือ นส.ยิ่งลักษณ์ ต้องแสดงว่าเป็นผู้นำของพรรคเพื่อไทยตัวจริงและคุมปัญหาต่างๆในพรรคให้ได้เพราะพรรคเพื่อไทยมาจากร้อยพ่อพันธุ์แม่ และตัดยอดมาจากกลุ่มการเมืองต่างๆ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยังคุมกลุ่มก๊วนในพรรคลำบาก โดยเฉพาะในส่วนของกลุ่มคนเสื้อแดงในพรรค ที่กลายเป็นจุดแข็งและจุดอ่อนในพรรคเพื่อไทย
ประการที่สอง นส.ยิ่งลักษณ์ ต้องแสดงภาวะผู้นำให้กับคนในประเทศเห็นว่า ไม่ได้เป็นผู้นำของบริษัท แต่ต้องนำพาประเทศไปสู่เวทีต่างประเทศโดยเฉพาะประชาคมอาเซียน การจะทำเช่นนั้นได้ นส.ยิ่งลักษณ์ต้องแก้ปัญหาความขัดแย้งในประเทศให้สำเร็จ เช่น การปกป้องสถาบันที่กลุ่มคนเสื้อแดงด้วยกันออกมาโจมตีสถาบัน ถ้าคุมเสื้อแดงส่วนนี้ไม่ได้ ก็คุมความสงบ และความมั่นคงของประเทศไม่ได้ นส.ยิ่งลักษณ์ก็อาจไปไม่รอด
ประการที่สาม นส.ยิ่งลักษณ์ต้องเป็นตัวของตัวเอง หลุดพ้นจากพ.ต.ท.ทักษิณ และต้องเป็นมากกว่าการจะบอกว่า “ยังไม่ได้รับรายงาน” เพราะถ้าพ.ต.ท.ทักษิณ ยังครอบ และไม่ลดบทบาท เหมือนอย่างที่ แกนนำ สส.พรรคเพื่อไทยวิ่งไปหา นส.ยิ่งลักษณ์ก็จะเสื่อม
ประการที่สี่ การรักษาสัญญาโครงการต่างๆ ระหว่างหาเสียง ไม่ว่าการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ 300 บาทต่อวัน การขึ้นเงินข้าราชการที่จบใหม่ 15,000 บาท และถึงแม้จะทำได้ แต่ต้องไม่ให้เกิดผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ หรือเกิดปัญหาของแพง เงินเฟ้อ ประการที่ ห้า ระยะห่างระหว่างรัฐบาลกับกองทัพที่ต้องลงตัว รัฐบาลไม่เข้าไปแทรกแซงล้วงลูก
ในประเด็นขึ้นค่าแรง 300 บาท ที่พรรคเพื่อไทย และ เครือข่าย ออกมากดดันฝ่ายผู้ประกอบการ และนายจ้าง โดย ปลุกเรื่องไพร่กับอำมาตย์ คนรวย กับ คนจนเพื่อให้เห็นว่า คนรวยขูดคนจน ไม่ยอมขึ้นค่าแรงนั้น นายตวง ระบุว่า ไม่เห็นด้วยที่เอาประเด็นเรื่องชนชั้นมาขยายผล ฝ่ายรัฐบาลต้องไม่ทำให้เกิดม็อบ หรือ ปลุกใครมาชนเพราะยิ่ง เป็นการขยายความขัดแย้งมากขึ้น สุดท้ายจะเป็นผลเสียกับพรรคเพื่อไทยเอง
นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า บอกว่า รัฐบาลจะได้ยาวหรือไม่ อยู่ที่การดำเนินนโยบายรัฐบาลที่ต้องทำเพื่อประโยชน์กับประชาชนทุกกลุ่ม เช่น การแก้ปัญหาปากท้อง การศึกษา การจ้างงาน ปัญหาความยากจน ปัญหาผู้ใช้แรงงาน ถ้าทำได้ก็จะได้รับแรงสนับสนุนอย่างกว้างขวาง และจะอยู่ได้นาน แต่ถ้าทำแต่เรื่องผลประโยชน์เฉพาะตัว และ พรรคพวกของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็จะถูกขุดคุ้ยเปิดโปง และเป็นรอยด่าง สุดท้ายประชาชนจะไม่สนับสนุน
ขณะที่ นายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตสมาชิกวุฒิสภาจ.ตาก มองว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์มีความเสี่ยงจากปัจจัยทางการเมืองนอกรัฐบาลสูง เช่น แรงต้านจากกองทัพ และตุลาการที่ยังมีอำนาจแฝงในทางการเมือง ส่วนปัญหาความขัดแย้งระหว่างภายในพรรคเพื่อไทยหรือ ในองค์กรเสื้อแดงเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะแก้คุมได้อยู่หมัด
“รัฐบาลใหม่จะเจอปัญหาที่รัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ทิ้งไว้หลายเรื่อง เช่น ปัญหาพิพาทเรื่องพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา หากรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์จัดการไม่ดีหรือแพ้ ก็จะถูกโจมตีได้พอควร เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์จะหยิบประเด็นอะไรมาเล่นทั้งที่เป็นปัญหาในยุคของพรรคประชาธิปัตย์เอง ยังมีปัญหาที่เยอรมันยึดเครื่องบินพระที่นั่งอีก ซึ่งทำให้รัฐบาลใหม่ไม่สามารถอยู่ได้อย่างปกติสุข แต่โดยรวม การเมืองไทยโดยสภาพที่ผ่านมา มันก็ไม่นิ่งอยู่แล้ว”
นายพนัส วิเคราะห์ว่า วันนี้เห็นได้ว่า กองทัพยังไม่วางมือทางการเมือง และพยายามเข้ามาครอบงำ ดูได้จาก คำพูดของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ที่ค่อนข้างชัดเจน ซึ่งยังเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหากับประเทศได้อีก ขณะที่นโยบายด้านต่างประเทศของไทยที่มีปัญหากับประเทศเพื่อนบ้านก็ยังลุ่มๆ ดอนๆ และแก้ยาก ซึ่งก็ยังมีกลุ่ม ขบวนการต่างๆ ภาคประชาชนอยู่ เช่น เสื้อเหลือง รวมถึงประเด็นที่องค์กรหลายแห่งเคลื่อนไหวให้แก้มาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญาหรือ กฎหมายหมิ่นเบื้องสูง ซึ่งก็อาจเป็นปัญหาท้าทายรัฐบาลใหม่ว่า จะแก้อย่างไร
อีกประเด็น คือ การที่คนเสื้อแดงเรียกร้องหาคนรับผิดชอบในเหตุการณ์ความรุนแรง เม.ย.- พ.ค. และผลสอบสวนเรื่องนี้ที่จะออกมาในอนาคต แต่ดูแล้วยังเป็นปัญหาต่อ เพราะคณะกรรมการต่างๆ ที่สอบสวนคงไม่สามารถสร้างความพอใจให้กับทุกฝ่าย โดยเฉพาะคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชิที่ถูกคนเสื้อแดงโจมตีว่า ไม่เป็นกลาง
“ปัญหาการเมืองจะเป็นปัญหาต่อไป แต่เชื่อว่า เวทีตรวจสอบในสภาจะดุเดือดน่าดูและพรรคประชาธิปัตย์ก็ถนัดเป็นฝ่ายค้าน น่าจะหยิบประเด็นต่างๆ ขึ้นมาเป็นเรื่องในสภาได้ตลอดเวลา”
สำหรับปัญหาความขัดแย้งในพรรคเพื่อไทยที่หลายฝ่ายมองว่า อาจเป็นระเบิดเพราะการจัดสรรผลประโยชน์จะไม่ลงตัวนั้น นายพนัส มองว่า เป็นเรื่องปกติไม่ว่าพรรคใดเป็นแกนนำรัฐบาลก็จะเกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้น เนื่องจากในพรรคเพื่อไทยก็มีหลายมุ้ง เมื่อแกนนำนปช.เข้าไปเป็นสส. หากพูดกันไม่รู้เรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีก็ต้องใช้เวลาในการพูดคุยกันพอควร แต่เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะประคับประคองจนผ่านไปได้ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ พรรคเพื่อไทย และนปช. ต่างมีบทเรียนเรื่องความแตกแยกภายในกันแล้ว
ส่วนเรื่องความสามารถของ นส.ยิ่งลักษณ์ที่เพิ่งก้าวมาเล่นการเมือง แต่ต้องมาเจอเรื่องหนักๆแลจะเดินหน้าไปได้หรือไม่ นายพนัส ยอมรับว่า น่าห่วง เพราะนส.ยิ่งลักษณ์ไม่มีประสบการณ์ในสภามาก่อน ถ้าถูกอภิปรายหนักๆ ก็ไม่รู้ว่าจะทนได้แค่ไหน แน่นอนว่า การเป็นผู้หญิงอาจช่วยได้ แต่ก็ไม่หมด ต้องอาศัยความฉลาด แต่ถ้านส.ยิ่งลักษณ์มีประสบการณ์การเมือง ตอบโต้เป็น ก็จะผ่านไปได้
“เขาคงต้องใช้ทีมงานที่มีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยประคับประคองให้ คุณยิ่งลักษณ์ผ่านให้ได้ แต่คงจะเหนื่อยพอควร”
อย่างไรก็ตามจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย คือ การได้เสียงสนับสนุนจากประชาชนจำนวนมาก ถ้าหาก นส.ยิ่งลักษณ์สามารถทำนโยบายที่หาเสียงไว้ได้เป็นจริง และไม่เกิดผลกระทบอย่างที่นักวิชาการและสภาอุตสาหกรรมเป็นห่วงว่า อาจเกิดปัญหาเงินเฟ้อ ก็จะเป็นที่ยอมรับ และช่วยเสริมจุดแข็งมากขึ้น เชื่อว่า พรรคเพื่อไทยต้องเน้นหนักในการแก้ปัญหาปากท้อง เพิ่มสวัสดิการประชาชนเพื่อเป็นยันต์เสริมเสถียรภาพและความไว้ใจจากประชาชน